xs
xsm
sm
md
lg

“หัวขวด” ตะแบงอ้างมีสิทธิ์ถวาย “ฎีกาทรพี” ขู่ฟ่อใครก็ขวางไม่ได้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำม็อบหางแดง
“หัวขวด” ย้ำซ้ำซาก ยื่นฎีกาชอบธรรม แถไม่โต้-แย้งคำพิพากษาศาล แขวะ “วิษณุ” เปลี่ยนจากมือ กม.เป็นหน่วยซุ่มโจมตีรับงานใครมา โมเมอ้างรัฐมีวาระซ่อนเร้นเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ความสัมพันธ์ของ ปชช.กับประมุขประเทศ สร้างเรื่องเตรียมปฏิบัติการแบบ 19 ก.ย. ดันทุรังยื่นรายชื่อถวายฎีกา 17 ส.ค.แน่

วันนี้ (5 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นถวายฎีกาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยและนักโทษคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี ว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านคัดค้านการเข้าชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษทุกรูปแบบ โดยเฉพาะรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่พยายามคัดค้านเรื่องนี้ โดยเฉพาะการที่ระบุว่าพระราชกฎษฎีกาพระราชทานอภัยโทษสามารถทำได้แต่ต้องไม่โต้แย้งคำพิพากษาของศาลฎีกานั้น จากการตรวจสอบเนื้อหาในหนังสือฎีกาขอยืนยันว่าไม่มีถ้อยคำใดที่ไปโต้หรือแย้งคำพิพากษาศาลฎีกา แต่เป็นการร้องทุกข์ที่เกิดจากการยึดอำนาจ มีรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ใช่สากลในการตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีความชอบธรรมที่ประชาชนจะเข้าชื่อถวายฎีกา ซึ่งพวกเราเคารพกฎหมาย หลักนิติรัฐ รัฐบาลควรให้สิทธิตามหลักนิติธรรมด้วย

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีนักกฎหมายระดับประเทศคนหนึ่งบอกว่าพระราชกฤษฎีกาวางระเบียบทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาซึ่งตราขึ้นสมัยรัชกาลที่ 6 และยังมีผลใช้บังคับจนถึงปัจจุบันนั้นระบุว่า การขอพระราชทานพระมหากรุณาฯ ลดหย่อนผ่อนโทษต้องไม่โต้แย้งคำพิพากษาของศาลนั้น อยากถามว่าใช่นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีหนรือไม่ และนายวิษณุอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะทราบข้อมูลมาว่าการนำเสนอดังกล่าวเป็นหนึ่งในเนื้อหาที่นายวิษณุจะนำไปบรรยายที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงขอตั้งข้อสังเกตว่านายวิษณุรับงานใครมาหรือไม่ จึงเปลี่ยนรูปแบบใหม่มานำเสนอผ่านทางหนังสือพิมพ์ ถือเป็นแผนล้มการถวายฎีกา ซึ่งเป็นแผน ลับ ลวง พราง ไม่คิดว่านายวิษณุจะเปลี่ยนจากมือกฎหมายระดับชาติมาเป็นหน่วยซุ่มโจมตี ขอเรียกร้องให้นายวิษณุออกมายืนยันว่าใช่หรือไม่ใช่

“ขอยืนยันว่า การเข้าชื่อถวายฎีกาของคนกว่า 6 ล้านคนของคนเสื้อแดงและคนทั่วไปนั้นถือเป็นสิทธิอันชอบธรรม เพราะถือเป็นสายสัมพันธ์ของประชาชนกับพระเจ้าแผ่นดิน ขอถามว่าการคัดค้านของรัฐบาลอ้างตามหลักกฎหมายใด การรวบรวมชื่อประชาชนที่รัฐบาลอ้างคัดค้านการถวายฎีกานั้นรัฐบาลจะนำไปใช้ในช่องทางใดต่อ หรือรัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ความสัมพันธ์ของประชาชนกับประมุขของประเทศที่เคยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน ซึ่งสุดท้ายหากรัฐบาลยืนยันว่าการรวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านการถวายฎีกาสามารถทำได้ก็ขอให้ประกาศเป็นนโยบายต่อไปว่า หากใครจะถวายฎีการัฐบาลจะเข้าไปตรวจสอบในทุกๆ ฎีกา เพราะเรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีเหตุผลที่จะมาตรวจสอบฎีกาของคนเสื้อแดง และขอถามว่าต่อไปรัฐบาลจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับการยื่นถวายฎีกาอื่นๆด้วยหรือไม่” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทราบว่ามีความพยายามจะรวบรวมรายชื่อคัดค้านการถวายฎีกาให้ได้จำนวนมากที่สุด และทราบว่าในวันที่ 11 ส.ค.จะมีการระดมประชาชนเข้ามาแสดงความจงรักภักดี โดยมีการเตรียมป้ายผ้าเพื่อแสดงการคัดค้านการถวายฎีกาด้วย จึงอยากถามรัฐบาลว่า มีการเตรียมการเรื่องนี้จริงหรือไม่ ใครก็ตามที่ออกมาแสดงบทบาทคัดค้านการถวายฎีกานั้นอย่าคิดว่ามีความสำคัญมากกว่าประชาชน 5 ล้านคน โดยเฉพาะฝ่ายอำมาตย์ที่พยายามใช้กลไกทุกอย่างเหมือนช่วงที่พยายามจะล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมื่อไม่สำเร็จก็ใช้กำลังทหารมาปฏิบัติการ อยากถามว่าวิธีสุดท้ายนั้นมีการเตรียมจะปฎิบัติการเหมือนเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่นั้นเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจมากกว่า และจะทำให้เรื่องนี้หาจุดจบไม่ได้

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า การที่นายเนวิน ชิดชอบ พยายามแสดงตนในการเข้ารับฟังการตัดสินคดีกล้ายางและยกเอาความดีความชอบของชาติตระกูลออกมายืนยันนั้น นายเนวินควรไปตามพี่ชายที่หนีไปต่างประเทศในคดีพยายามฆ่านายปณวัฒน์ เลี้ยงผ่องพันธุ์ กลับมาเสียก่อน ประชาชนจะจับตาการตัดสินของศาลในวันที่ 17 ส.ค.ว่าจะเป็นไปตามคำนินทาว่ามีการพยายามวิ่งเต้นคดีกล้ายางว่าจริงเท็จแค่ไหน เพราะหากคดีกล้ายางสามารถวิ่งเต้นคดีได้ศาลฎีกาก็ตัดสินคดีอื่นได้ลำบาก

นายจตุพรกล่าวอ้างว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเคลื่อนไหวคัดค้านการยื่นถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.นั้น ไม่รู้ว่าจะหาแนวร่วมได้ที่ไหน การนำรายชื่อเข้าถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.นั้น หากรัฐบาลยังคัดค้านอยู่ หลังวันที่ 17 ส.ค.จะเจอกับคนเสื้อแดงอีกรอบ เพราะไม่มีอะไรจะมาขัดขวางการยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดเพราะจะมีกลุ่มคนเสื้อเหลืองออกมาคัดค้านการยื่นถวายฎีกาวันที่ 17 ส.ค. นายจตุพรกล่าวว่า ขอยืนยันว่าเราจะดำเนินการโดยสันติวิธี ซึ่งหลังจากยื่นผ่านสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เสร็จสิ้นแล้วก็จะร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นจะแยกย้ายกลับ ส่วนหากมีเงื่อนไขอื่น เช่น การสกัดกั้นการยื่นถวายฎีกากลุ่มคนเสื้อแดงจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า จะไม่มีการเดินขบวน แต่จะมีการนัดไปรวมตัวกันไปยื่นถวายฎีกา ซึ่งหากสถานการณ์เปลี่ยนก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะถ้ามีการสร้างสถานการณ์แทรกซ้อน รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ

นายจตุพรกล่าวอีกว่า คาดว่าการไปยื่นถวายฎีกาครั้งนี้จะมีประชาชนไปร่วมประมาณ 1 แสนคน ซึ่งจะต้องใช้คนถือกล่องรายชื่อทั้งหมด 1,200 คน เพราะมีจำนวนถึง 600 กล่องๆ ละ 1 หมื่นรายชื่อ

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณฝากอะไรถึงการเข้าชื่อถวายฎีกาหรือไม่ นายจตุพรอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ว่าอะไร ถือเป็นสิทธิของประชาชน และไม่ใช่เฉพาะคนเสื้อแดง แต่มีคนกลุ่มอื่นๆ ที่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศด้วย

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีไม่รู้จักหน้าที่ เพราะไปโหมประโคมข่าวการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ทั้งๆ ที่แค่จะบินไปราชการที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นายกฯ กลับมีคำสั่งแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร.โดยเอารอง ผบ.ตร.ลำดับที่ 3 ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาทแค่ลาราชการเท่านั้น อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตโดยเฉพาะในโครงการชุมชนพอเพียงแต่รัฐบาลกลับไม่เข้าไปดูแล ปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการ

ทั้งนี้ การออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของนายณัฐวุฒิและนายจตุพรครั้งนี้ ถือเป็นการดันทุรังที่จะถวายฎีกาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณให้ได้ โดยแกนนำคนเสื้อแดงทั้ง 2 คนได้เบี่ยงเบนว่าการคัดค้านการถวายฎีกาครั้งนี้เป็นการขัดขวางสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์ ทั้งที่ในข้อเท็จจริง การคัดค้านการถวายฎีกาครั้งนี้ ก็เพราะเป็นฎีกาที่ไม่ถูกต้อง ต่างจากการฎีการ้องทุกข์ทั่วไป โดยมีการนำเอาเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาพ่วงเข้าไปด้วย ซึ่งก็ผิดขั้นตอน เพราะการขอพระราชทานอภัยโทษนั้นต้องให้ตัวนักโทษหรือญาติพี่น้องเป้นคนดำเนินการ แต่ฎีกาของคนเสื้อแดงกลับเอารายชื่อคนจำนวนมากมากดดันพระบรมราชวินิจฉัย ที่สำคัญคือผู้ต้องคำพิพากษายังไม่มารับโทษและยังไม่ได้สำนึกผิด มิหนำซ้ำในเนื้อหาของฎีกายังโจมตีว่า กระบวนการยุติธรรมไดิพิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการคัดค้านคำพิพากษา

นอกจากนี้ การฎีการ้องทุกข์โดยทั่วไป ผู้ร้องทุกข์จะขอพระราชทานความช่วยเหลือโดยแล้วแต่พระบรมราชวินิจฉัยจะพระราชทานความช่วยเหลือโดยวิธีใดหรืออย่างไร แต่ฎีกาของคนเสื้อแดงครั้งนี้กลับมีการชี้นำพระองค์ท่านว่า การจะปลดเปลื้องความทุกข์ให้กับประชาชนต้องมีการพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ซึ่งจะสร้างความแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคมตามมา
กำลังโหลดความคิดเห็น