ตำรวจบางพลัด ตามจับหนุ่มโรคจิตที่โทร.ป่วนพิธีกรดัง “เอิ๊ก พรหมพร” ได้แล้ว หลังพบระบบสัญญาณที่ใช้โทร.อยู่แถวบ้านย่านปทุม แต่พอไปตรวจสอบพ่อแม่ อ้างลูกไม่มีมือถือใช้ ตร.เลยลองโทร.เข้าเบอร์ ปรากฏเสียงโทรศัพท์ดังจากในกางเกงผู้ต้องหา เลยต้องยอมจำนน เผยพบประวัติเคยรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และ ศรีธัญญา สุดท้ายจบลงด้วยดี ตำรวจจับปรับ 1 พัน ก่อนผู้ต้องหามอบดอกไม้ขอโทษพิธีกรคนดัง
จากกรณี น.ส.พรหมพร ยูวะเวส หรือ “เอิ๊ก พรหมพร” พิธีกรรายการต้มยำบันเทิง และ Next Station พรหมพร ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เข้าแจ้งความว่าถูกหนุ่มโรคจิตโทรศัพท์เข้าเบอร์บ้าน แล้วพูดจาลามกอนาจารใส่ จนทำให้เจ้าตัวต้องเดินทางมาแจ้งความ ไว้ที่ สน.บางพลัด นั้น
ความคืบหน้าช่วงเช้าวันนี้ (20 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางพลัด ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัว นายชัยนันท์ ศรีหนารถ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/270 ม.3 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาสอบปากคำที่ สน.บางพลัด จากนั้นเวลา 14.00 น.น.ส.พรหมพร ได้เดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาที่โรงพัก
ด้าน พ.ต.ต.ประจำ หนุนนาค พนักงานสอบสวน (สบ 2) เจ้าของคดี เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้สืบหาข้อมูลทั้งหมด โดยสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด รวมถึงบริษัท ทรูฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเลขหมายโทรศัพท์ของผู้เสียหาย ว่า มีหมายเลขใดโทร.ไหนบ้างโทร.เข้าบ้างในวันและเวลาที่มีชายโรคจิตโทร.เข้าไปรบกวนผู้เสียหาย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีด้วยกันทั้งหมด 3 หมายเลข และเป็นเครือข่ายของเอไอเอสทั้งหมด จากนั้นจึงได้ทำการเช็กระบบสัญญาณของหมายเลขดังกล่าว โดยสัญญาณไปปรากฏที่บ้านของผู้ต้องหาในย่าน จ.ปทุมธานี จึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบ
พ.ต.ต.ประจำ กล่าวต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าไปในบ้านและสอบถามถึงข้อเท็จจริง ทางพ่อและแม่ของผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ลูกชายไม่มีโทรศัพท์ และไม่ได้ก่อเหตุตามที่เป็นข่าว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหลักฐานการใช้โทรศัพท์ให้ดู พ่อแม่ของผู้ต้องหาก็ให้การ ว่า เพิ่งจะซื้อโทรศัพท์ให้ลูกชายเมื่อปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงโทรศัพท์เข้าไปยังหมายเลขต้องสงสัยทั้ง 3 หมายเลข ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกงของผู้ต้องหา ทำให้ต้องรับสารภาพและยอมจำนนต่อหลักฐาน ซึ่งหลังจากที่นำตัวมาสอบปากคำพ่อแม่ของผู้ต้องหาได้ให้การว่า ผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิต พร้อมกับนำเอกสารทางการแพทย์มายืนยัน
พ.ต.ต.ประจำ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่า ไม่เคยรู้จักกับพิธีกรสาวแต่เคยเห็นในโทรทัศน์เท่านั้น จึงโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1133 เพื่อสอบถามเบอร์โทรศัพท์บ้านและโทร.ไปคุย โดยไม่ได้คิดที่จะก่อกวน แต่เป็นเพราะมีอาการที่ไม่ค่อยปกติเหมือนคนทั่วไปทำให้พูดจาลวนลามไม่สุภาพ ซึ่งผู้ต้องหาเคยมีประวัติการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลศรีธัญญา เมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา โดยแพทย์ของโรงพยาบาลศรีธัญญา ระบุว่า ผู้ต้องหามีอาการเกี่ยวกับระบบประสาท ต้องรักษาโดยการกินยาอยู่ตลอด
“ส่วนเรื่องที่มีบุคคลลึกลับโทรศัพท์เข้าไปข่มขู่ผู้เสียหายหลังจากที่แจ้งความว่าต้องการดังนักหรือ ทำไมต้องไปแจ้งความให้เป็นข่าวใหญ่โต ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลดังกล่าวว่า เชื่อมโยงกับผู้ต้องหาหรือไม่ สำหรับคดีนี้เป็นคดีลหุโทษ เป็นความผิดข้อหาทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว มีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท ฝ่ายผู้เสียหายหลังจากได้พูดคุยก็ยืนยันว่าจะไม่เอาเรื่อง เจ้าหน้าที่จึงสั่งปรับผู้ต้องหา 1,000 บาท ก่อนปล่อยตัวไป” พ.ต.ต.ประจำ กล่าว
ด้าน น.ส.พรหมพร กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับตัวชายลึกลับที่โทร.เข้ามาก่อกวนได้ก็รู้สึกโล่งใจ และตนได้พูดคุยกับผู้ต้องหาและพ่อแม่ของผู้ต้องหาแล้ว และคิดว่าจะไม่เอาเรื่อง จะถอนแจ้งความ เนื่องจากไม่อยากทำลายอนาคตของเขา และเท่าที่พูดคุยกันพ่อกับแม่ของผู้ต้องหาก็บอกว่า เขาป่วยมีอาการทางสมอง สติไม่ค่อยดี แต่ตนอยากให้พ่อแม่ดูแลน้องที่เป็นผู้ต้องหาให้ดี ไม่ควรปล่อยให้ลูกใช้โทรศัพท์ก่อกวนผู้อื่นแบบนี้
น.ส.พรหมพร กล่าวต่อว่า ทางพ่อแม่ของน้องเขาก็เพิ่งจะทราบว่า ลูกชายก่อเหตุดังกล่าว และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่าง เพราะคนที่มีอาการทางจิตก็มักจะอยู่ในภาพของคนปกติ ดังนั้น ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลควรเอาใจใส่ ไม่ปล่อยให้พวกเขาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
“อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากในวันนี้ ก็คือ ในวันที่ไปขอเปิดบริการหมายเลขโทรศัพท์บ้านกับบริษัท ทรูฯ ก็ได้ขอร้องให้ปิดข้อมูลส่วนตัวเป็นความลับ แต่ไม่รู้ว่าข้อมูลของเราก็รั่วไหลออกไปได้อย่างไร ทำให้รู้สึกว่าข้อมูลส่วนตัวเรากลายเป็นของสาธารณะ ไม่อย่างนั้นต่อไปใครอยากโทร.เข้าไปหาดาราคนไหน คนดังคนใดก็สามารถโทร.ได้อย่างนั้นหรือ” น.ส.พรหมพร กล่าว
น.ส.พรหมพร กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คิดที่จะเอาเรื่องกับทางบริษัท ทรูฯ แต่อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลของลูกค้า ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้ปิดใช้บริการเบอร์ดังกล่าวไปแล้ว และอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์บ้านกับบริษัทใด สำหรับใครที่เจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับตนอย่าถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ให้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือ เพราะตำรวจสามารถสืบค้นติดตามตัวคนร้ายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจาก น.ส.พรหมพร เดินทางมาที่ สน.บางพลัด ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนแล้ว นายชัยนันท์ ผู้ต้องหาได้มอบกระเช้าดอกไม้ ให้กับ น.ส.พรหมพร พร้อมกับยกมือไหว้กล่าวขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าครอบครัวผู้ต้องหาค่อนข้างมีฐานะ ฝ่ายพ่อเคยเป็นนิติกร ก่อนจะลาออกมาทำธุรกิจขายเหล็กเส้น ส่วนแม่รับราชการที่สำนักสาธารณสุข จ.ปทุมธานี
“เอิ๊ก พรหมพร” แจ้งจับหนุ่มหื่น ฮัลโหลขอร่วมเพศ!