คอลัมน์ เรื่องมันฟ้อง โดย กรงเล็บ
เคาะออกมาแล้วสำหรับวันประชุม ก.ตร.นัดชี้ชะตาโผนายพัน โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กำหนดให้วันนี้ (วันที่ 13 สิงหาคม) เป็นวันพิจารณาแก้ปัญหาข้อขัดข้องในการจัดทำ บัญชีรายชื่อโยกย้ายตำรวจ ระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตร
หลังจากที่ “น้องป๊อด” ของ “พี่ป้อม” โผบินหนีมรสุมจากจีนมากกกอดโผไว้ราวกับไข่ในหิน เนื่องจากกลัวว่าจะถูก “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” รักษาราชการ ผบ.ตร. ในขณะนั้นเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่บรรจงจัดทำและมีการจัดเก็บปัจจัย "อย่างว่า" ใส่เซฟไปแล้ว
ตามสูตร 2-3-5
ใครจะคิดว่าสู้อุตส่าห์บินลัดฟ้ากลับมาเพื่อรักษาโผไว้ยิ่งชีพ แต่กลับกลายเป็นว่าสุดท้าย “น้องป๊อด” ก็มิอาจอยู่ประชุม ก.ตร. เพื่อร่วมพิจารณาขั้นตอนการคลอดโผนายพันสุดที่รักได้
เพราะต้องไปปฏิบัติภารกิจที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน 7 วัน คือ จากวันที่12-18 สิงหาคม
ระหว่างนี้แม้ “น้องป๊อด” จะใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ก็ยังวางใจเพราะมีตัวตายตัวแทนอย่าง“สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นธุระช่วยดูแลให้ ในฐานะเป็นประธานก.ตร.
เหมือนที่เคยทำมาแล้วอย่างแข็งขันในการประชุม ก.ตร.นัดที่ผ่านมา
ด้วยการชี้นำที่ประชุมให้เห็นชอบกับการจัดทำโผนายพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อให้มีผลพร้อมๆ กันไปกับโผนายพล ตามโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวางแผนให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 สิงหาคม
แต่ประเด็นที่ว่า แต่งตั้งไปแล้วอาจขัดต่อระเบียบ ก.ตร.ที่ระบุว่า กรณีจะโยกย้ายออกจากสังกัดเดิมจะทำได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานนั้นเป็นเวลา 2 ปี ทำให้มีนายตำรวจจำนวนไม่น้อยขาดคุณสมบัติในข้อนี้ เช่นเดียวกับกรณีที่ถูกเด้งจากเก้าอี้ทั้งที่นั่งไม่ถึง 2 ปี โดยไม่มีความผิดและไม่เต็มใจ ก็เป็นปัญหาด้วย
ปมปัญหานี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่ เพื่อขอให้งดเว้นระเบียบนี้เป็นการเฉพาะ
ขณะที่การจัดทำบัญชีโผเล็กนั้นยังไม่มีการประชุมร่วมระหว่าง ผบ.ตร. กับรอง ผบ.ตร. ตามที่ ก.ตร.ชุดใหญ่กำหนดไว้ มีเพียง “น้องป๊อด” กับ“ตำรวจคู่ใจ”ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นโผ 2-3-5 นี้
ดังนั้น จึงชัดเจนแล้วว่าโผ 2-3-5 ไม่สามารถเสร็จทันในวันที่ 16 สิงหาคม อันเป็นวันที่หมายมั่นปั้นมือจะให้โครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผลบังคับใช้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ โรคเลื่อนของโครงสร้างใหม่ที่จะถูกขยับเวลาออกไปจากเดิมวันที่ 16 สิงหาคม เป็นวันที่ 1 กันยายน แทน
หากเป็นไปตามนี้โอกาสที่ “พล.ต.อ.วิเชียร” จะได้จัดทำโผใหม่ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างที่ลั่นวาจาไว้ ก็มีความเป็นไปได้
เพียงแต่ต้องทำแข่งกับเวลาให้เสร็จภายใน 7 วัน และเรียกประชุม ก.ตร.ชุดเล็กที่ “พล.ต.อ.วิเชียร” ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. จะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ประชุมร่วมกับ รอง ผบ.ตร.อีก 8 คน
มีการเช็กกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่ายแล้ว พบว่ายันกันอยู่ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 4 เท่ากัน
ก็เท่ากับว่าหาก “พล.ต.อ.วิเชียร” ยกมืออีกคนโผใหม่ก็จะถูกทำคลอดออกมา ก่อนที่ “น้องป๊อด” จะกลับมาเป็นตออีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคม
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ เมื่อ “น้องป๊อด” กลับถิ่นอีกครั้ง โผ 2-3-5 ก็อาจจะกลับมาผงาดอีกรอบ
เคาะออกมาแล้วสำหรับวันประชุม ก.ตร.นัดชี้ชะตาโผนายพัน โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กำหนดให้วันนี้ (วันที่ 13 สิงหาคม) เป็นวันพิจารณาแก้ปัญหาข้อขัดข้องในการจัดทำ บัญชีรายชื่อโยกย้ายตำรวจ ระดับรองผู้บังคับการถึงสารวัตร
หลังจากที่ “น้องป๊อด” ของ “พี่ป้อม” โผบินหนีมรสุมจากจีนมากกกอดโผไว้ราวกับไข่ในหิน เนื่องจากกลัวว่าจะถูก “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” รักษาราชการ ผบ.ตร. ในขณะนั้นเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่บรรจงจัดทำและมีการจัดเก็บปัจจัย "อย่างว่า" ใส่เซฟไปแล้ว
ตามสูตร 2-3-5
ใครจะคิดว่าสู้อุตส่าห์บินลัดฟ้ากลับมาเพื่อรักษาโผไว้ยิ่งชีพ แต่กลับกลายเป็นว่าสุดท้าย “น้องป๊อด” ก็มิอาจอยู่ประชุม ก.ตร. เพื่อร่วมพิจารณาขั้นตอนการคลอดโผนายพันสุดที่รักได้
เพราะต้องไปปฏิบัติภารกิจที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน 7 วัน คือ จากวันที่12-18 สิงหาคม
ระหว่างนี้แม้ “น้องป๊อด” จะใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ก็ยังวางใจเพราะมีตัวตายตัวแทนอย่าง“สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นธุระช่วยดูแลให้ ในฐานะเป็นประธานก.ตร.
เหมือนที่เคยทำมาแล้วอย่างแข็งขันในการประชุม ก.ตร.นัดที่ผ่านมา
ด้วยการชี้นำที่ประชุมให้เห็นชอบกับการจัดทำโผนายพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อให้มีผลพร้อมๆ กันไปกับโผนายพล ตามโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวางแผนให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 สิงหาคม
แต่ประเด็นที่ว่า แต่งตั้งไปแล้วอาจขัดต่อระเบียบ ก.ตร.ที่ระบุว่า กรณีจะโยกย้ายออกจากสังกัดเดิมจะทำได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานนั้นเป็นเวลา 2 ปี ทำให้มีนายตำรวจจำนวนไม่น้อยขาดคุณสมบัติในข้อนี้ เช่นเดียวกับกรณีที่ถูกเด้งจากเก้าอี้ทั้งที่นั่งไม่ถึง 2 ปี โดยไม่มีความผิดและไม่เต็มใจ ก็เป็นปัญหาด้วย
ปมปัญหานี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่ เพื่อขอให้งดเว้นระเบียบนี้เป็นการเฉพาะ
ขณะที่การจัดทำบัญชีโผเล็กนั้นยังไม่มีการประชุมร่วมระหว่าง ผบ.ตร. กับรอง ผบ.ตร. ตามที่ ก.ตร.ชุดใหญ่กำหนดไว้ มีเพียง “น้องป๊อด” กับ“ตำรวจคู่ใจ”ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นโผ 2-3-5 นี้
ดังนั้น จึงชัดเจนแล้วว่าโผ 2-3-5 ไม่สามารถเสร็จทันในวันที่ 16 สิงหาคม อันเป็นวันที่หมายมั่นปั้นมือจะให้โครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีผลบังคับใช้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ โรคเลื่อนของโครงสร้างใหม่ที่จะถูกขยับเวลาออกไปจากเดิมวันที่ 16 สิงหาคม เป็นวันที่ 1 กันยายน แทน
หากเป็นไปตามนี้โอกาสที่ “พล.ต.อ.วิเชียร” จะได้จัดทำโผใหม่ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างที่ลั่นวาจาไว้ ก็มีความเป็นไปได้
เพียงแต่ต้องทำแข่งกับเวลาให้เสร็จภายใน 7 วัน และเรียกประชุม ก.ตร.ชุดเล็กที่ “พล.ต.อ.วิเชียร” ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. จะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ประชุมร่วมกับ รอง ผบ.ตร.อีก 8 คน
มีการเช็กกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่ายแล้ว พบว่ายันกันอยู่ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 4 เท่ากัน
ก็เท่ากับว่าหาก “พล.ต.อ.วิเชียร” ยกมืออีกคนโผใหม่ก็จะถูกทำคลอดออกมา ก่อนที่ “น้องป๊อด” จะกลับมาเป็นตออีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคม
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ เมื่อ “น้องป๊อด” กลับถิ่นอีกครั้ง โผ 2-3-5 ก็อาจจะกลับมาผงาดอีกรอบ