7 เดือนเข้าไปแล้ว ผมกลุ้มแทนรัฐบาล กลุ้มแทนนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จริงๆ ว่าจะนำพาประเทศไทยไปทางไหน จะนำบ้านเมืองออกจาก “วิกฤต” ได้อย่างไร
“ วิกฤต” ที่นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่า เกิดจาก “การเมืองที่ล้มเหลว”
วันนี้การเมืองยังล้มเหลว ยังยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ “ทางตัน” สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็เพราะรัฐบาลไม่เลือกหนทางที่จะผ่าทางตันด้วยการ “จัดการ” หรือเล่นบทเด็ดขาดกับกลุ่มเสื้อแดงที่ยังป่วนบ้านป่วนเมืองด้วยรูปแบบต่างๆ
“คนเสื้อแดง” ที่รวมศูนย์อยู่ที่คนชื่อ “ทักษิณ” นั่นเอง
ประมาณว่ารัฐบาลพยายามอยู่ตรงกลางระหว่าง “แดง” กับ “เหลือง” ในนามของการรักษากฎหมาย รักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม
อันที่จริงคนส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่เรียกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลว่าต้องอยู่ตรงกลาง เขาอยากเห็นรัฐบาลรักษากฎหมาย ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด ใครทำในสิ่งที่ไม่บังควรก็ต้องจัดการ ดำเนินการด้วยวิธีการที่เหมาะสม
รัฐบาลต้องเด็ดขาด จัดการกับความไม่ถูกต้องอย่างเสมอหน้า ไม่ว่าใครจะใส่เสื้อสีอะไร
จากวันนี้...มองไปข้างหน้าในอนาคตอันใกล้ในระยะทางไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมว่าบ้านเมืองของเราอยู่ในห้วงอันตรายอีกห้วงเวลาหนึ่ง เป็นห้วงอันตรายอันเกี่ยวเนื่องกับ “เหตุบ้านการเมือง” เรื่องใหญ่เรื่องเดิมๆ ที่ใครต่อใครรวมทั้งผมย้ำแล้วย้ำอีกจนกลายเป็นแผ่นเสียงตกร่องไปแล้ว
1) กรณีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา คนเสื้อแดงโอ้อวดว่าได้รายชื่อจะถวายฎีกา 4 -5 ล้านรายชื่อหรืออาจถึง 10 ล้านรายชื่อ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย –พรรคภูมิใจไทยบอกว่าได้ชื่อคนคัดค้าน 4 ล้านกว่ารายชื่อแล้วเช่นกัน
ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าพวกเสื้อแดงสามารถลากเสื้อน้ำเงินของฝ่ายรัฐบาลไปเล่นเกมล่าชื่อแข่ง ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมากก็ต้องชมหัวใจของพรรคภูมิใจไทยของ เนวิน ชิดชอบ เขาล่ะ แต่ถ้าคิดให้ลึกซึ้งกันหน่อยผมว่าแม้คนชื่อ “ทักษิณ” จะเสียผู้เสียคนเพราะเล่นเกมนี้ แต่ฝ่ายเรา ฝ่ายรัฐบาลเองก็ใช่ว่าจะได้อะไรนอกจาก “ระเบิดเวลา” อยู่ในมือ ในขณะที่สถาบันฯ ได้ถูกท้าทายไปแล้วและมีโอกาสจะถูกท้าทายอีก...
จุดสำคัญของกรณีนี้ก็คือ วันจันทร์ที่ 17 ส.ค.ที่คนเสื้อแดงจะทำพิธีทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ซึ่งคาดว่าวันดังกล่าวคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงจะมากพอสมควร และไม่ว่าพวกเขาจะทำพิธีอย่างไรก็ตาม บทสรุปสุดท้ายการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาหนนี้เป็นเสมือนหนึ่งการ..วางระเบิดเวลาใส่สถาบันฯ ใส่รัฐบาลนั่นเอง
2) กรณีคดีกล้ายาง –เนวิน ชิดชอบ วันที่ 17 ส.ค.เช่นเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีทุจริตกล้ายาง ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญคือ นายเนวิน ชิดชอบ
เนวินนั้นได้แสดงจุดยืนที่ได้ใจชาวบ้านไปแล้วว่าพร้อมจะน้อมรับคำพิพากษา ถ้าถูกลงโทษจำคุกก็พร้อมจะติดคุก (ไม่เหมือนทักษิณ)
แต่ถ้าศาลตัดสินให้เนวินหลุดคดี แน่นอนพวกคนเสื้อแดงก็คงเอ็ดตะโร อาละวาดฟาดหัวฟาดหางเป็นแน่
ในทางกลับกันหากเนวินถูกลงโทษ พวกทักษิณ–คนเสื้อแดงก็คงหนาวเหน็บ คาดการณ์ชะตากรรมตัวเองว่าคดีเงิน 76,000 ล้านบาทต้องแพ้แน่ ดังนั้นจะต้องเร่งโหมไฟเร่งเกมแตกหักก่อนวันตัดสินคดีในช่วงปลายปี
และอย่าลืมว่า ในวันดังกล่าว (17) กองเชียร์เนวินก็คงแน่นขนัดหน้าศาลฎีกา ที่สนามหลวงเหมือนกัน
พวกที่อยากเห็นบ้านเมืองวิกฤต คงกำลังคิดอ่านอยู่ว่าจะป่วนบ้านป่วนเมืองในวันนั้นอย่างไร!?
3) กรณีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. – ด้วยเงื่อนไขอำนาจทางการเมือง รัฐบาลอภิสิทธิ์คงไม่กล้าทำอะไรพล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว อย่างเก่งก็คงปล่อยให้ “พัชรวาท” ถูก ปชช.ชี้มูลคดี 7 ตุลาเลือดตกเก้าอี้ไปเอง ในขณะที่เบื้องลึกก็คือทุกฝ่าย (พัชรวาทหรือภูมิใจไทย –ประชาธิปัตย์) สมประโยชน์จากโผโยกย้ายฉาวโฉ่
แต่ต้องเรียนตรงๆ ว่า กรณี “พัชรวาท” ได้ฉุดรั้ง (วุฒิ) ความเป็นผู้นำของนายกฯ ไปพอสมควรทีเดียว
4) กรณีคดีสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล - คาดว่าคดีก็คงคืบหน้าไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าภายใต้โครงสร้างอำนาจในขณะนี้ยากที่จะสามารถสาวถึงตัว “บิ๊กโม่ง” ผู้บงการได้ แม้ดูเหมือนว่านายกฯ จะหนุนเนื่องการทำคดีนี้อย่างแข็งแรงก็ตาม
น่าจะกลายเป็นว่าคดีนี้รูปการปฏิบัติการฝั่งระบอบทักษิณนั้นเห็นภาพตัวละครชัดเจน แต่ฝ่าย “สีเขียว” ชัดเจนแค่ระดับล่าง
ประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ..คนถูกฆ่ายังไม่ตาย ความยุติธรรมขั้นสุดท้ายยังไม่เกิด ถ้าสุดท้ายคดีนี้จะพลิกกลับเป็นมวยล้มต้มคนดู มวลชนที่สนับสนุน “สนธิ” ก็คงยอมไม่ได้...แล้วอะไรจะเกิด!!??
………………
นั่นเป็น 4 กรณีร้อนๆ ที่ร้อนมากพอจะไหม้ลามบ้านเมือง หากว่าความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องและความโลภความเลวร้ายของใครบางคนบางกลุ่มยังสุมโหมอยู่ในหัวใจ
ผมยอมรับว่าเมื่อมองภาพเหตุการณ์อันใกล้ ผมไม่ได้หวั่นใจหรือวิตกทุกข์ร้อนเท่ากับเมื่อมองไกลออกไปถึงดูไบ ฮ่องกง มอนเตเนโกรและอีกหลายดินแดนที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ใช้เป็นพื้นที่จรยุทธ์ทำศึกข้ามโลกข้ามทวีปอยู่ในเวลานี้และน่าจะอีกหลายเพลา ตราบที่เขายังไม่หลุดคดีติดคุก2 ปี ตราบที่เขายังไม่ได้เงิน 76,000 ล้านบาทคืน (แม้จะบางส่วน)
“ทักษิณ” ต้องสู้ทุกกระดานเพื่อนำไปสู่กฎหมายการนิรโทษหรืออภัยโทษ รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ หรือรัฐบาลแห่งชาติคือทางเลือกสำคัญที่ระบอบทักษิณถวิลหา และเคยถูกนำเสนอ-แลกเปลี่ยนผ่านนายเสนาะ เทียนทองมาแล้ว
แต่การขายความคิดรัฐบาลปรองดองแห่งชาติดูจะตีบตัน เป็นไปได้ยาก ดังนั้น“ทักษิณ” ก็คงต้องเลือกหนทางแตกหักอีกครั้ง เพราะเลือดตกยางออก จลาจลนองเลือดเท่านั้นที่อาจนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติรัฐบาลเฉพาะกาลได้
พูดก็พูดเถอะ วันนี้ผมเองก็มองไม่เห็นหนทางที่บ้านเมืองของเราจะก้าวไปสู่จุดจบแห่งความสมานฉันท์กันได้ ผมไม่ใช่คนที่หิวกระหายความรุนแรง แต่ก็พอจะมองออกว่าตราบใดรัฐบาลยังเลือกหนทางที่จะดำเนินไปในลักษณะการเลี้ยงไข้ บ่มฝีอุ้มหนองอย่างนี้ โอกาสที่ฝีจะแตก เลือดจะตกยางจะออกกันอีกรอบก็มีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อย
ช่วงนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่รัฐบาลจะเลือกหนทาง– มาตรการ “เด็ดขาด”
ยกเว้นจะเลือกทิ้งไพ่ยุบสภาล้างไพ่กันใหม่ โดยที่ฝีหนอง ระเบิดเวลา ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้ถูกจัดการไปแม้แต่น้อย
samr_rod@hotmail.com
“ วิกฤต” ที่นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่า เกิดจาก “การเมืองที่ล้มเหลว”
วันนี้การเมืองยังล้มเหลว ยังยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ “ทางตัน” สาเหตุสำคัญประการหนึ่งก็เพราะรัฐบาลไม่เลือกหนทางที่จะผ่าทางตันด้วยการ “จัดการ” หรือเล่นบทเด็ดขาดกับกลุ่มเสื้อแดงที่ยังป่วนบ้านป่วนเมืองด้วยรูปแบบต่างๆ
“คนเสื้อแดง” ที่รวมศูนย์อยู่ที่คนชื่อ “ทักษิณ” นั่นเอง
ประมาณว่ารัฐบาลพยายามอยู่ตรงกลางระหว่าง “แดง” กับ “เหลือง” ในนามของการรักษากฎหมาย รักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม
อันที่จริงคนส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งกลุ่มคนที่เรียกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลว่าต้องอยู่ตรงกลาง เขาอยากเห็นรัฐบาลรักษากฎหมาย ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด ใครทำในสิ่งที่ไม่บังควรก็ต้องจัดการ ดำเนินการด้วยวิธีการที่เหมาะสม
รัฐบาลต้องเด็ดขาด จัดการกับความไม่ถูกต้องอย่างเสมอหน้า ไม่ว่าใครจะใส่เสื้อสีอะไร
จากวันนี้...มองไปข้างหน้าในอนาคตอันใกล้ในระยะทางไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมว่าบ้านเมืองของเราอยู่ในห้วงอันตรายอีกห้วงเวลาหนึ่ง เป็นห้วงอันตรายอันเกี่ยวเนื่องกับ “เหตุบ้านการเมือง” เรื่องใหญ่เรื่องเดิมๆ ที่ใครต่อใครรวมทั้งผมย้ำแล้วย้ำอีกจนกลายเป็นแผ่นเสียงตกร่องไปแล้ว
1) กรณีการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา คนเสื้อแดงโอ้อวดว่าได้รายชื่อจะถวายฎีกา 4 -5 ล้านรายชื่อหรืออาจถึง 10 ล้านรายชื่อ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย –พรรคภูมิใจไทยบอกว่าได้ชื่อคนคัดค้าน 4 ล้านกว่ารายชื่อแล้วเช่นกัน
ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าพวกเสื้อแดงสามารถลากเสื้อน้ำเงินของฝ่ายรัฐบาลไปเล่นเกมล่าชื่อแข่ง ซึ่งถ้าไม่คิดอะไรมากก็ต้องชมหัวใจของพรรคภูมิใจไทยของ เนวิน ชิดชอบ เขาล่ะ แต่ถ้าคิดให้ลึกซึ้งกันหน่อยผมว่าแม้คนชื่อ “ทักษิณ” จะเสียผู้เสียคนเพราะเล่นเกมนี้ แต่ฝ่ายเรา ฝ่ายรัฐบาลเองก็ใช่ว่าจะได้อะไรนอกจาก “ระเบิดเวลา” อยู่ในมือ ในขณะที่สถาบันฯ ได้ถูกท้าทายไปแล้วและมีโอกาสจะถูกท้าทายอีก...
จุดสำคัญของกรณีนี้ก็คือ วันจันทร์ที่ 17 ส.ค.ที่คนเสื้อแดงจะทำพิธีทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ซึ่งคาดว่าวันดังกล่าวคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงจะมากพอสมควร และไม่ว่าพวกเขาจะทำพิธีอย่างไรก็ตาม บทสรุปสุดท้ายการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาหนนี้เป็นเสมือนหนึ่งการ..วางระเบิดเวลาใส่สถาบันฯ ใส่รัฐบาลนั่นเอง
2) กรณีคดีกล้ายาง –เนวิน ชิดชอบ วันที่ 17 ส.ค.เช่นเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีทุจริตกล้ายาง ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญคือ นายเนวิน ชิดชอบ
เนวินนั้นได้แสดงจุดยืนที่ได้ใจชาวบ้านไปแล้วว่าพร้อมจะน้อมรับคำพิพากษา ถ้าถูกลงโทษจำคุกก็พร้อมจะติดคุก (ไม่เหมือนทักษิณ)
แต่ถ้าศาลตัดสินให้เนวินหลุดคดี แน่นอนพวกคนเสื้อแดงก็คงเอ็ดตะโร อาละวาดฟาดหัวฟาดหางเป็นแน่
ในทางกลับกันหากเนวินถูกลงโทษ พวกทักษิณ–คนเสื้อแดงก็คงหนาวเหน็บ คาดการณ์ชะตากรรมตัวเองว่าคดีเงิน 76,000 ล้านบาทต้องแพ้แน่ ดังนั้นจะต้องเร่งโหมไฟเร่งเกมแตกหักก่อนวันตัดสินคดีในช่วงปลายปี
และอย่าลืมว่า ในวันดังกล่าว (17) กองเชียร์เนวินก็คงแน่นขนัดหน้าศาลฎีกา ที่สนามหลวงเหมือนกัน
พวกที่อยากเห็นบ้านเมืองวิกฤต คงกำลังคิดอ่านอยู่ว่าจะป่วนบ้านป่วนเมืองในวันนั้นอย่างไร!?
3) กรณีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. – ด้วยเงื่อนไขอำนาจทางการเมือง รัฐบาลอภิสิทธิ์คงไม่กล้าทำอะไรพล.ต.อ.พัชรวาทแล้ว อย่างเก่งก็คงปล่อยให้ “พัชรวาท” ถูก ปชช.ชี้มูลคดี 7 ตุลาเลือดตกเก้าอี้ไปเอง ในขณะที่เบื้องลึกก็คือทุกฝ่าย (พัชรวาทหรือภูมิใจไทย –ประชาธิปัตย์) สมประโยชน์จากโผโยกย้ายฉาวโฉ่
แต่ต้องเรียนตรงๆ ว่า กรณี “พัชรวาท” ได้ฉุดรั้ง (วุฒิ) ความเป็นผู้นำของนายกฯ ไปพอสมควรทีเดียว
4) กรณีคดีสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล - คาดว่าคดีก็คงคืบหน้าไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าภายใต้โครงสร้างอำนาจในขณะนี้ยากที่จะสามารถสาวถึงตัว “บิ๊กโม่ง” ผู้บงการได้ แม้ดูเหมือนว่านายกฯ จะหนุนเนื่องการทำคดีนี้อย่างแข็งแรงก็ตาม
น่าจะกลายเป็นว่าคดีนี้รูปการปฏิบัติการฝั่งระบอบทักษิณนั้นเห็นภาพตัวละครชัดเจน แต่ฝ่าย “สีเขียว” ชัดเจนแค่ระดับล่าง
ประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ..คนถูกฆ่ายังไม่ตาย ความยุติธรรมขั้นสุดท้ายยังไม่เกิด ถ้าสุดท้ายคดีนี้จะพลิกกลับเป็นมวยล้มต้มคนดู มวลชนที่สนับสนุน “สนธิ” ก็คงยอมไม่ได้...แล้วอะไรจะเกิด!!??
………………
นั่นเป็น 4 กรณีร้อนๆ ที่ร้อนมากพอจะไหม้ลามบ้านเมือง หากว่าความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องและความโลภความเลวร้ายของใครบางคนบางกลุ่มยังสุมโหมอยู่ในหัวใจ
ผมยอมรับว่าเมื่อมองภาพเหตุการณ์อันใกล้ ผมไม่ได้หวั่นใจหรือวิตกทุกข์ร้อนเท่ากับเมื่อมองไกลออกไปถึงดูไบ ฮ่องกง มอนเตเนโกรและอีกหลายดินแดนที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ใช้เป็นพื้นที่จรยุทธ์ทำศึกข้ามโลกข้ามทวีปอยู่ในเวลานี้และน่าจะอีกหลายเพลา ตราบที่เขายังไม่หลุดคดีติดคุก2 ปี ตราบที่เขายังไม่ได้เงิน 76,000 ล้านบาทคืน (แม้จะบางส่วน)
“ทักษิณ” ต้องสู้ทุกกระดานเพื่อนำไปสู่กฎหมายการนิรโทษหรืออภัยโทษ รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ หรือรัฐบาลแห่งชาติคือทางเลือกสำคัญที่ระบอบทักษิณถวิลหา และเคยถูกนำเสนอ-แลกเปลี่ยนผ่านนายเสนาะ เทียนทองมาแล้ว
แต่การขายความคิดรัฐบาลปรองดองแห่งชาติดูจะตีบตัน เป็นไปได้ยาก ดังนั้น“ทักษิณ” ก็คงต้องเลือกหนทางแตกหักอีกครั้ง เพราะเลือดตกยางออก จลาจลนองเลือดเท่านั้นที่อาจนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติรัฐบาลเฉพาะกาลได้
พูดก็พูดเถอะ วันนี้ผมเองก็มองไม่เห็นหนทางที่บ้านเมืองของเราจะก้าวไปสู่จุดจบแห่งความสมานฉันท์กันได้ ผมไม่ใช่คนที่หิวกระหายความรุนแรง แต่ก็พอจะมองออกว่าตราบใดรัฐบาลยังเลือกหนทางที่จะดำเนินไปในลักษณะการเลี้ยงไข้ บ่มฝีอุ้มหนองอย่างนี้ โอกาสที่ฝีจะแตก เลือดจะตกยางจะออกกันอีกรอบก็มีโอกาสเป็นไปได้ไม่น้อย
ช่วงนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่รัฐบาลจะเลือกหนทาง– มาตรการ “เด็ดขาด”
ยกเว้นจะเลือกทิ้งไพ่ยุบสภาล้างไพ่กันใหม่ โดยที่ฝีหนอง ระเบิดเวลา ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้ถูกจัดการไปแม้แต่น้อย
samr_rod@hotmail.com