ASTVผู้จัดการรายวัน - ก.ตร.เทพเทือกถกวาระสำคัญแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตามโครงสร้างใหม่ ตำรวจตั้งแต่ระดับ ผบช.-ผบก.รวม 433 ตำแหน่ง ฮือฮาบิ๊ก 7 ตุลาเลือด "สุชาติ เหมือนแก้ว" กลับถิ่นนครบาล โยก "วรพงษ์ ชิวปรีชา" นั่งผบช.ภ.2 แทน "อัศวิน ณรงค์พันธ์" ที่เพิ่งถูกให้มาช่วยราชการที่ ตร.จากเหตุม็อบเสื้อแดงบุก รร.รอยัลคลิฟ บีช พัทยาส่วน "ไถง ปราศจากศัตรู" ผบช.ก. สามีแม่เลี้ยงติ๊ก สลับ "สมคิด บุญถนอม" ผบช.ภ.5 งานนี้คนสนิท "สุเทพ-เนวิน" ได้ดีถ้วนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระสำคัญการประชุมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตามโครงสร้างใหม่ ตร.
โดยในเวลา 09.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้นัดหมายรองผบ.ตร เพื่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติ หรือบอร์ดกลั่นกรอง ที่ห้องประชุม ชั้น 7 สำนักงาน ผบ.ตร.
สำหรับการแต่งตั้งครั้งนี้ เพื่อเป็นการปรับเกลี่ยตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ(ผบช.) รองผบช. และผู้บังคับการ(ผบก.) ลงในโครงสร้างใหม่ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉบับล่าสุดที่จะมีผลใช้ ซึ่งโครงสร้างใหม่ตร. นั้น มีการปรับเกลี่ย หน่วยงานต่างๆมีหน่วยงานระดับกองบัญชาการ(บช.)หรือเทียบเท่ารวม 30 หน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่มีเดิม 26 หน่วย ตั้งขึ้นใหม่ 4 หน่วยคือ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานกำลังพล และสำนักงานงบประมาณและการเงิน ขณะที่หน่วยงานระดับกองบังคับการ(บก.)หรือเทียบเท่า รวม 227 หน่วยงาน เพิ่มบก.ใหม่ 43 หน่วย เป็นการยกฐานะหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว จำนวน 36 หน่วย เช่น ศูนย์สืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล/ตำรวจภูธรภาค 1-9 ซึ่งมี รองผู้บังคับการเป็นหัวหน้า และ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1-9 ซึ่งมีผู้กำกับการเป็นหัวหน้า เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับกองบังคับการที่ตั้งขึ้นใหม่จริง ๆ มีเพียง 7 แห่ง คือ กองบังคับการอำนวยการของสำนักงานส่งกำลังบำรุง และกองบัญชาการศึกษา กองบัญชี กองตรวจสอบภายใน 2-3 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโครงสร้างใหม่นั้นจะมีการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการ(ผบช.) ทั้งสิ้น 30 ตำแหน่ง รองผบช. 146 ตำแหน่ง ผู้บังคับการ(ผบก.) 257 ตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งผบช. นั้นตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นมา เป็นการปรับเกลี่ยมาจาก ตำแหน่งผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ที่มีอยู่แล้ว ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นเป็นรองผบช. 146 ตำแหน่ง ปรับเกลี่ยมาจากตำแหน่งรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เช่นกัน ขณะที่ ระดับผบก.นั้นมีการกำหนดตำแหน่งผบก.มาใหม่ 10 ตำแหน่ง ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้นอกจากจะใช้ตำแหน่งผบก.ประจำมาสับเปลี่ยนแล้ว ยังมีการขยับรองผบก.ขึ้นมาอีก 10 ตำแหน่ง และสับเปลี่ยนผบก.หลายตำแหน่ง ขณะที่รวมทั้งประเทศทุกระดับตำแหน่งจะต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้น 105,335 ตำแหน่ง สำหรับการแต่งตั้งในการปรับโครงสร้างครั้งนี้
สำหรับตำแหน่งที่คาดว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายมีดังนี้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4(นรต.26) โยกคืนถิ่นกลับมาเป็นผบช.น. สลับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.( นรต.30)ไปแทน พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2 (นรต. 25) ซึ่งเพิ่งถูกให้มาช่วยราชการที่ ตร.จากกรณีม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช พัทยา จ.ชลบุรี ในงานประชุมอาเซียน ถูกย้ายเป็น ผบช.สำนักงานกำลังพล บช.แห่งใหม่ โดยมี พล.ต.ท.สมเดช ขาวขำ ผบช.สทส. (นรต. 29 )เป็นผบช.ภ.2 โดยมี พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรสารทูล ผบช.ภ.6 เป็นตัวสอดแทรก พล.ต.ท.ดิเรก มโนลีหกุล ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็นจเรตำรวจ(สบ8) พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นผบช.ยศ.คนแรก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก โยกสลับกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5
พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผบช.ศชต. คนแรกโยกเป็นผบช.สำนักงานงบประมาณและการเงิน บช.แห่งใหม่ คนแรก โดยมีพล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ที่ได้รับแรงหนุนจากกองทัพเป็นผบช.ศชต.แทน พล.ต.ท.วรเวทย์ วินิตเนตยานนท์ ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.คนสนิทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โยกเป็นผบช.ภ.8 นั่งคุมภาคใต้ตอนบนก่อนเกษียณ โดยโยก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นผบช.ประจำ ทำหน้าที่ประสานนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงศ์สุนทร รองจเรตำรวจ(สบ7) โยกกลับถิ่นเก่า เป็นรองผบช.ภ.6โดย พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รองผบช.ภ.6 เป็นรองผบช.สกพ. พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัฒน์ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองผบช.สตม.พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชษฏฐ์ รองผบช.สง.จตช.เป็นรองจตร.(สบ7) พล.ต.ต.วรินทร์ บุณยะกียรติ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองจตร.(สบ7) พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองผบช.ก.
พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ประจำสนง.ผู้ช่วยผบ.ตร. โยกเป็น ผบก.ศูนย์สืบสวนบช.ภ.9 พล.ต.ต.จีระศักดิ์ ปาณินท์ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.กลับไปเป็นนายแพทย์(สบ6) โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็น ผบก.ศูนย์สืบสวน สตม.ภาคกลาง พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ผบก.ศสส.สตม.ภาคใต้ พ.ต.อ.นิคม อินเฉิดฉาย รองผบก.จ.บุรีรัมย์ คนสนิทนายเนวิน ชิดชอบ เป็นผบก.ศสส.บช.ภ.3
พล.ต.ต.เกริกเกียรติ แก้วศรีงาม ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.ตราด พล.ต.ต.ฌาณไชย แกล้วเขตต์การ ผบก.ประจำสง จตช.เป็นผบก.จต. พล.ต.ต.กรกต สาริยา ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.จว.อำนาจเจริญ เป็นผบก.ศสส.บช.น. พล.ต.ต. ธนพล สนเทศ ผบก.ประจำฯอดีตนายตำรวจนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผบก. ตปพ.191 ขณะที่ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผบก.ตปพ. เป็นผบก.กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
อย่างไรก็ตามรายชื่อที่คาดว่าจะมีการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้างต้น มีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งในที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรอง ในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.2552 และก.ตร. เนื่องจากการแต่งตั้งครั้งนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการแต่งตั้งโดยเฉพาะปัจจัยจากฝ่ายการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ที่มีรายชื่อจะกลับมาดำรงตำแหน่งผบช.น.นั้น มีรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ค่อยพอใจในผลงานของ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เท่าใดนัก จึงได้แสดงความประสงค์จะให้มีการเปลี่ยนตัวผบช.น.ใหม่ ในขณะเดียวกัน ทาง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ได้เข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. โดยแสดงความประสงค์ที่จะขอกลับมายัง บช.น.อีกครั้ง ด้วยการยกเหตุผลว่า ได้ร่วมชะตาเดียวกัน ผบ.ตร. ที่ตกเป็นผู้ถูกร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบยปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลาเลือด.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระสำคัญการประชุมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตามโครงสร้างใหม่ ตร.
โดยในเวลา 09.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้นัดหมายรองผบ.ตร เพื่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติ หรือบอร์ดกลั่นกรอง ที่ห้องประชุม ชั้น 7 สำนักงาน ผบ.ตร.
สำหรับการแต่งตั้งครั้งนี้ เพื่อเป็นการปรับเกลี่ยตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ(ผบช.) รองผบช. และผู้บังคับการ(ผบก.) ลงในโครงสร้างใหม่ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉบับล่าสุดที่จะมีผลใช้ ซึ่งโครงสร้างใหม่ตร. นั้น มีการปรับเกลี่ย หน่วยงานต่างๆมีหน่วยงานระดับกองบัญชาการ(บช.)หรือเทียบเท่ารวม 30 หน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่มีเดิม 26 หน่วย ตั้งขึ้นใหม่ 4 หน่วยคือ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานกำลังพล และสำนักงานงบประมาณและการเงิน ขณะที่หน่วยงานระดับกองบังคับการ(บก.)หรือเทียบเท่า รวม 227 หน่วยงาน เพิ่มบก.ใหม่ 43 หน่วย เป็นการยกฐานะหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว จำนวน 36 หน่วย เช่น ศูนย์สืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล/ตำรวจภูธรภาค 1-9 ซึ่งมี รองผู้บังคับการเป็นหัวหน้า และ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1-9 ซึ่งมีผู้กำกับการเป็นหัวหน้า เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับกองบังคับการที่ตั้งขึ้นใหม่จริง ๆ มีเพียง 7 แห่ง คือ กองบังคับการอำนวยการของสำนักงานส่งกำลังบำรุง และกองบัญชาการศึกษา กองบัญชี กองตรวจสอบภายใน 2-3 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโครงสร้างใหม่นั้นจะมีการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการ(ผบช.) ทั้งสิ้น 30 ตำแหน่ง รองผบช. 146 ตำแหน่ง ผู้บังคับการ(ผบก.) 257 ตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งผบช. นั้นตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นมา เป็นการปรับเกลี่ยมาจาก ตำแหน่งผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ที่มีอยู่แล้ว ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นเป็นรองผบช. 146 ตำแหน่ง ปรับเกลี่ยมาจากตำแหน่งรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เช่นกัน ขณะที่ ระดับผบก.นั้นมีการกำหนดตำแหน่งผบก.มาใหม่ 10 ตำแหน่ง ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้นอกจากจะใช้ตำแหน่งผบก.ประจำมาสับเปลี่ยนแล้ว ยังมีการขยับรองผบก.ขึ้นมาอีก 10 ตำแหน่ง และสับเปลี่ยนผบก.หลายตำแหน่ง ขณะที่รวมทั้งประเทศทุกระดับตำแหน่งจะต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้น 105,335 ตำแหน่ง สำหรับการแต่งตั้งในการปรับโครงสร้างครั้งนี้
สำหรับตำแหน่งที่คาดว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายมีดังนี้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4(นรต.26) โยกคืนถิ่นกลับมาเป็นผบช.น. สลับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.( นรต.30)ไปแทน พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2 (นรต. 25) ซึ่งเพิ่งถูกให้มาช่วยราชการที่ ตร.จากกรณีม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช พัทยา จ.ชลบุรี ในงานประชุมอาเซียน ถูกย้ายเป็น ผบช.สำนักงานกำลังพล บช.แห่งใหม่ โดยมี พล.ต.ท.สมเดช ขาวขำ ผบช.สทส. (นรต. 29 )เป็นผบช.ภ.2 โดยมี พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรสารทูล ผบช.ภ.6 เป็นตัวสอดแทรก พล.ต.ท.ดิเรก มโนลีหกุล ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.เป็นจเรตำรวจ(สบ8) พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นผบช.ยศ.คนแรก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก โยกสลับกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5
พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผบช.ศชต. คนแรกโยกเป็นผบช.สำนักงานงบประมาณและการเงิน บช.แห่งใหม่ คนแรก โดยมีพล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ที่ได้รับแรงหนุนจากกองทัพเป็นผบช.ศชต.แทน พล.ต.ท.วรเวทย์ วินิตเนตยานนท์ ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.คนสนิทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โยกเป็นผบช.ภ.8 นั่งคุมภาคใต้ตอนบนก่อนเกษียณ โดยโยก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นผบช.ประจำ ทำหน้าที่ประสานนายกรัฐมนตรี
พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงศ์สุนทร รองจเรตำรวจ(สบ7) โยกกลับถิ่นเก่า เป็นรองผบช.ภ.6โดย พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รองผบช.ภ.6 เป็นรองผบช.สกพ. พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัฒน์ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองผบช.สตม.พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชษฏฐ์ รองผบช.สง.จตช.เป็นรองจตร.(สบ7) พล.ต.ต.วรินทร์ บุณยะกียรติ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองจตร.(สบ7) พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ รองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นรองผบช.ก.
พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ประจำสนง.ผู้ช่วยผบ.ตร. โยกเป็น ผบก.ศูนย์สืบสวนบช.ภ.9 พล.ต.ต.จีระศักดิ์ ปาณินท์ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.กลับไปเป็นนายแพทย์(สบ6) โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็น ผบก.ศูนย์สืบสวน สตม.ภาคกลาง พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ผบก.ศสส.สตม.ภาคใต้ พ.ต.อ.นิคม อินเฉิดฉาย รองผบก.จ.บุรีรัมย์ คนสนิทนายเนวิน ชิดชอบ เป็นผบก.ศสส.บช.ภ.3
พล.ต.ต.เกริกเกียรติ แก้วศรีงาม ผบก.ประจำสง.ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.ตราด พล.ต.ต.ฌาณไชย แกล้วเขตต์การ ผบก.ประจำสง จตช.เป็นผบก.จต. พล.ต.ต.กรกต สาริยา ผบก.ประจำสง.ผบ.ตร.เป็นผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.จว.อำนาจเจริญ เป็นผบก.ศสส.บช.น. พล.ต.ต. ธนพล สนเทศ ผบก.ประจำฯอดีตนายตำรวจนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผบก. ตปพ.191 ขณะที่ พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผบก.ตปพ. เป็นผบก.กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
อย่างไรก็ตามรายชื่อที่คาดว่าจะมีการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้างต้น มีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งในที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรอง ในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.2552 และก.ตร. เนื่องจากการแต่งตั้งครั้งนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการแต่งตั้งโดยเฉพาะปัจจัยจากฝ่ายการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ที่มีรายชื่อจะกลับมาดำรงตำแหน่งผบช.น.นั้น มีรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ค่อยพอใจในผลงานของ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เท่าใดนัก จึงได้แสดงความประสงค์จะให้มีการเปลี่ยนตัวผบช.น.ใหม่ ในขณะเดียวกัน ทาง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ได้เข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. โดยแสดงความประสงค์ที่จะขอกลับมายัง บช.น.อีกครั้ง ด้วยการยกเหตุผลว่า ได้ร่วมชะตาเดียวกัน ผบ.ตร. ที่ตกเป็นผู้ถูกร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบยปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลาเลือด.