วานนี้(4 ก.พ.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
(ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 2/2552 เวลา 14.00 น.วันที่ 6 ก.พ.52 ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 โดยมีวาระ
ที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง อาทิ การเลื่อนเงินเดือนหรือให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ประจำปี 2551 ให้แก้ข้า
ราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.6 ขึ้นไป จำนวน 462 ราย เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาเพื่อกำหนด
เป็นเหตุพิเศษตามกฏ ก.ตร. ว่าด้วยการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นประทวนหรือชั้นพลตำรวจ
เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร พ.ศ.2547 การปรับปรุงคณะอนุกรรมการก.ตร.
นอกจากนี้ ในวาระเรื่องเสนอเพื่อทราบระบุ เรื่องที่ 6 การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง
กรณี พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฟ้องคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ ตร.คืนสิทธิ
ทุกประการใน ตร.ให้แก่พล.ต.ท.ชลอ ให้เหมือนกับว่าไม่เคยถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ในห้วงปฏิบัติ 19 ก.ย.49 ซึ่งจะทำให้ พล.ต.ท.ชลอ เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 จ่อขึ้นรอง ผบ.ตร.
ทั้งนี้ ล่าสุดกองกำลังพลได้จัดลำดับอาวุโส ผู้ช่วยผบ.ตร.ไว้ดังนี้ พล.ต.ท.ชลอ อาวุโสอันดับ 1
ครองตำแหน่งเมื่อ 1 ต.ค.48 อาวุโสรองลงมาคือ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดครอง
ตำแหน่งพร้อมกันในวันที่ 1 ต.ค.49
ขณะที่มีรายงานว่า มีการแต่งตั้งนายพลตำรวจลงในตำแหน่งที่ว่างลง และตำแหน่งที่เปิดใหม่
หลายตำแหน่ง โดยขณะนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ว่าง ลง 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง ไปเป็น
หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ทั้งนี้ หากมีการเสนอ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นแทน ก็จะเปิดตำแหน่งว่างไล่
ระดับจนถึงผู้บังคับการ รวมถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.
ศปก.จชต) รองผบช.ศปก.จชต และผู้บังคับการในสังกัดอีกหลายตำแหน่ง ทั้งนี้ คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้าย
ครั้งนี้จะมีการสับเปลี่ยนผู้บัญชาการหน่วยสำคัญ และผู้บังคับการจังหวัดหลายตำแหน่ง
สำหรับตำแหน่งรองผบ.ตร. ที่จะมาแทน พล.ต.อ.ปรุง นั้น เป็นการช่วงชิงกันระหว่าง พล.ต.อ.
วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำตร. (นรต.28) ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.51 คณะกรรมการอนุ ก.ตร.ได้มีมติ
ให้เข้าดำรงตำแหน่งหลักในวาระแรกที่มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย
ผบ.ตร.ปป 22 (นรต.29) ซึ่งทุ่มเททำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ขณะที่รายสุดท้าย
ซึ่งน่าจะมีโอกาสมากที่สุด คือพล.ต.ท.วัชระพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.บร 11 (นรต.29) ซึ่งได้รับ
การสนับสนุนจากพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และที่ผ่านมายังได้รับการไว้วางใจให้รับผิดชอบ
งานสำคัญๆ
ส่วนตำแหน่งสำคัญที่คาดหมายว่าจะได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ฉลอง
สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย
ผบ.ตร. โดยให้ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์
เพราะเคยเป็นนายตำรวจติดตาม นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระ พุ่ม
พิเชษฐ์ รองผบช.ภ.9 ซึ่งรับผิดชอบดูแล ศปก.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.จชต. พล.ต.ต.ดิเรก มโนลีหกุล ผบช.ประจำ
สง.ผบ.ตร.ซึ่งเป็นลูกหม้อพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ผบช.ส. ขณะที่พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.
ถูกโยกมาเป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 ถูกย้ายเข้ากรุ เป็น ผบช.ประจำ
สง.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขยับเป็น ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. เป็น
ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. ซึ่งเป็นน้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ย้ายไปเป็น
ผบช.สตม. พล.ต.ต.วรเวทย์ วินิตเนตยานนท์ รอง ผบช.ภ.8 คนสนิทนายสุเทพ ขยับขึ้นเป็น ผบช.ตำแหน่ง
ใดตำแหน่งหนึ่ง พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ ผบก.ตชด.ภาค 4 ขยับเป็น รอง.ผบช.จชต. พล.ต.ต.สฤษชัย
อเนกเวียง ผบก.วท.4. เลื่อนเป็น รอง.ผบช.จชต.
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เป็นรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพ
สิทธิพร รองผบช.ก. ขยับมาเป็นรอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
กลับถิ่นเก่า เป็นรอง ผบช.ส. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ส. เป็นรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.
อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผบก.ทท. เป็น ผบก.ปปป. พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผบก.กพ. ซึ่งเป็นผู้เดินเรื่อง
การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ทว่ายังไม่มีความคืบหน้า โยกมาเป็น ผบก.ทท. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รัง
สิพราหมณกุล ผบก.ตปฟ. (191) ที่มีปัญหากับม็อบพันธมิตรฯ และเป็นผู้ที่นำลูกน้องล่ารายชื่อถอดถอน
ป.ป.ช. ขยับขึ้นเป็นรอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบก.ส.3 ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพรรคประ
ชาธิปัตย์ ขยับมาเป็น ผบก.ตปพ.แทน
รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
(ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 2/2552 เวลา 14.00 น.วันที่ 6 ก.พ.52 ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 โดยมีวาระ
ที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง อาทิ การเลื่อนเงินเดือนหรือให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ประจำปี 2551 ให้แก้ข้า
ราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.6 ขึ้นไป จำนวน 462 ราย เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาเพื่อกำหนด
เป็นเหตุพิเศษตามกฏ ก.ตร. ว่าด้วยการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นประทวนหรือชั้นพลตำรวจ
เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร พ.ศ.2547 การปรับปรุงคณะอนุกรรมการก.ตร.
นอกจากนี้ ในวาระเรื่องเสนอเพื่อทราบระบุ เรื่องที่ 6 การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง
กรณี พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฟ้องคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ ตร.คืนสิทธิ
ทุกประการใน ตร.ให้แก่พล.ต.ท.ชลอ ให้เหมือนกับว่าไม่เคยถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ในห้วงปฏิบัติ 19 ก.ย.49 ซึ่งจะทำให้ พล.ต.ท.ชลอ เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 จ่อขึ้นรอง ผบ.ตร.
ทั้งนี้ ล่าสุดกองกำลังพลได้จัดลำดับอาวุโส ผู้ช่วยผบ.ตร.ไว้ดังนี้ พล.ต.ท.ชลอ อาวุโสอันดับ 1
ครองตำแหน่งเมื่อ 1 ต.ค.48 อาวุโสรองลงมาคือ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดครอง
ตำแหน่งพร้อมกันในวันที่ 1 ต.ค.49
ขณะที่มีรายงานว่า มีการแต่งตั้งนายพลตำรวจลงในตำแหน่งที่ว่างลง และตำแหน่งที่เปิดใหม่
หลายตำแหน่ง โดยขณะนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ว่าง ลง 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง ไปเป็น
หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ทั้งนี้ หากมีการเสนอ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นแทน ก็จะเปิดตำแหน่งว่างไล่
ระดับจนถึงผู้บังคับการ รวมถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.
ศปก.จชต) รองผบช.ศปก.จชต และผู้บังคับการในสังกัดอีกหลายตำแหน่ง ทั้งนี้ คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้าย
ครั้งนี้จะมีการสับเปลี่ยนผู้บัญชาการหน่วยสำคัญ และผู้บังคับการจังหวัดหลายตำแหน่ง
สำหรับตำแหน่งรองผบ.ตร. ที่จะมาแทน พล.ต.อ.ปรุง นั้น เป็นการช่วงชิงกันระหว่าง พล.ต.อ.
วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำตร. (นรต.28) ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.51 คณะกรรมการอนุ ก.ตร.ได้มีมติ
ให้เข้าดำรงตำแหน่งหลักในวาระแรกที่มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย
ผบ.ตร.ปป 22 (นรต.29) ซึ่งทุ่มเททำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ขณะที่รายสุดท้าย
ซึ่งน่าจะมีโอกาสมากที่สุด คือพล.ต.ท.วัชระพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.บร 11 (นรต.29) ซึ่งได้รับ
การสนับสนุนจากพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และที่ผ่านมายังได้รับการไว้วางใจให้รับผิดชอบ
งานสำคัญๆ
ส่วนตำแหน่งสำคัญที่คาดหมายว่าจะได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ฉลอง
สนใจ ผบช.ภ.1 เพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย
ผบ.ตร. โดยให้ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์
เพราะเคยเป็นนายตำรวจติดตาม นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระ พุ่ม
พิเชษฐ์ รองผบช.ภ.9 ซึ่งรับผิดชอบดูแล ศปก.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.จชต. พล.ต.ต.ดิเรก มโนลีหกุล ผบช.ประจำ
สง.ผบ.ตร.ซึ่งเป็นลูกหม้อพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ผบช.ส. ขณะที่พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.
ถูกโยกมาเป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 ถูกย้ายเข้ากรุ เป็น ผบช.ประจำ
สง.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขยับเป็น ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. เป็น
ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. ซึ่งเป็นน้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ย้ายไปเป็น
ผบช.สตม. พล.ต.ต.วรเวทย์ วินิตเนตยานนท์ รอง ผบช.ภ.8 คนสนิทนายสุเทพ ขยับขึ้นเป็น ผบช.ตำแหน่ง
ใดตำแหน่งหนึ่ง พล.ต.ต.สุรพงษ์ เขมะสิงคิ ผบก.ตชด.ภาค 4 ขยับเป็น รอง.ผบช.จชต. พล.ต.ต.สฤษชัย
อเนกเวียง ผบก.วท.4. เลื่อนเป็น รอง.ผบช.จชต.
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เป็นรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพ
สิทธิพร รองผบช.ก. ขยับมาเป็นรอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
กลับถิ่นเก่า เป็นรอง ผบช.ส. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ส. เป็นรองผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.
อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผบก.ทท. เป็น ผบก.ปปป. พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผบก.กพ. ซึ่งเป็นผู้เดินเรื่อง
การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ทว่ายังไม่มีความคืบหน้า โยกมาเป็น ผบก.ทท. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รัง
สิพราหมณกุล ผบก.ตปฟ. (191) ที่มีปัญหากับม็อบพันธมิตรฯ และเป็นผู้ที่นำลูกน้องล่ารายชื่อถอดถอน
ป.ป.ช. ขยับขึ้นเป็นรอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบก.ส.3 ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพรรคประ
ชาธิปัตย์ ขยับมาเป็น ผบก.ตปพ.แทน