ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2551 โดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) เซ็นคำสั่งปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการที่ สภ.รัฐภูมิ จ.สงขลา ในขณะเดียวกัน ส้มเข่งใหญ่หล่นใส่สำนักงาน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ชนิดตั้งตัวแทบไม่ติด ในตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ถัดมาวันที่ 8 เม.ย. จึงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นับเป็น ผบ.ตร.คนที่ 6 หลังจากยกฐานะกรมตำรวจขึ้นเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.พัชรวาท หรือ"ป๊อด"เป็นชาวบางกะปิ กรุงเทพมหานครแต่โดยกำเนิด เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เกือบทั้งคณะ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 9 (ตท.9) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 25 (นรต.25) รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รองผบ.ตร.ในปัจจุบัน
การดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท น่าจะเป็นไปด้วยดี จนถึงอายุเกษียณราชการในปี 2552 เนื่องจากฐานะของผบ.ตร.ในขณะนั้น ไม่ได้ไปขัดขา หรือขัดใจฝ่ายการเมืองที่กำลังตาขวางอยู่ในขณะนั้น แต่ทว่ากับเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด ซึ่งมีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จากการกระทำของตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เป็นผู้นำสูงสุด จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้! แต่เหตุการร์ดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้เก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท สั่นคลอน!
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีคำสั่งสำนักนายรัฐมนตรี ที่ 305/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มาปฎิบัติงานสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนของสังกัดเดิมไปก่อนและให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เจรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน
ว่ากันว่า เหตุผลการสั่งโยกย้าย ผบ.ตร.ครั้งนั้น มิใช่เหตุผลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกตำรวจสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ทว่าเหตุผลหลักน่าจะมาจากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สนองนโยบายรัฐบาลของนายสมชาย ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ที่สนามบินดอนเมือง ขณะเดียวกันการแต่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.-สว.วาระประจำปี นายตำรวจหลายนายซึ่งเป็นเด็กเส้นสายนักการเมืองพรรคพลังประชาชน ไม่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะสาย “เจ๊แดง” ซึ่งสาเหตุทั้งสองข้อที่กล่าวมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ทั้งที่ยังเหลืออายุราชการเกือบ 1 ปี
มรสุมชีวิตใต้ร่มเงาสีกากีของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างหนัก จนทำให้กระเด็นจากตำแหน่งผบ.ตร. ซึ่ง 100 เปอร์เซ็นต์เต็มของทั้งคนในแวดวงสีกากี และเหล่าทัพอื่นๆ รวมทั้งภาคประชาชน เชื่อกันว่า ชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของ พล.ต.อ.พัชรวาท "จบแล้ว"! แต่เกิดเหตุไม่คาดคิด ยิ่งกว่าปาฎิหาริย์และมหัศจรรย์รวมกันขึ้นในช่วงระหว่างสูญญากาศทางการเมือง ที่ประเทศ ไร้ผู้นำ หลังจากนายสมชาย มีอันเป็นไป ถูกศาาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ช่วงนั้นเองที่ ฝ่ายกาารเมืองกำลังผสมผสานแกนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งว่ากันว่า ผู้มีกำลังภายในที่จับขั้วลบ ขั่วบวกมารวมกันได้ กลับปรากฏชื่อ"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นเงารางๆอยู่เบื้องหลัง
การบริหารประเทศในขณะนั้น มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีอยู่ และเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2551 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่ 325/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2551 ลงนามคำสั่งโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยระบุเหตุผลว่า คำสั่งเดิมที่ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น การช่วยราชการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม พล.ต.อ.พัชรวาท จึงนับเป็น ผบ.ตร.คนแรก ที่ถูกเด้งพ้นหน่วยไปแล้ว แต่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสูดของหน่วยได้เป็นคนแรก และคนเดียวของทั้งสมัยยังเป็นกรมตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ. ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางข่าวเบื้องหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับคืนสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.แพร่สะพัดไปทั่วสำนักปทุมวันว่า"ลูกเอ้ย...แม่ก็อายุปูนนี้แล้ว เป็นห่วงก็แต่น้องเจ้า กำลังตกระกำลำบาก ฝากดูแลน้องอย่าให้ขาดเกิน ด้วยสงสารน้องเจ้านี้ทุกข์นัก...."และด้วยความเป็นลูกกตัญญู พล.ต.อ.พัชรวาท จึงได้กลับคืนสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ด้วยประการฉะนี้
หลังจากนั้นมา เก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งอยู่ ก็ไม่แสดงอาการว่าสั่น ว่าคลอนแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่ง 23 ก.พ.2552 อนุกรรมการไต่สวนเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติ
ชี้มูลความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท กับพวก โดยชี้มูล พล.ต.อ.พัชรวาท ผิดวินัย แต่ไม่ร้ายแรง ทั้งนี้ ก่อนจะมีการชี้มูลความผิดนั้น สมาคมข้าราชการตำรวจ ที่มีพล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจเป็นนายกสมาคม ได้เคลื่อนไหว ล่าลายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. เพื่อหวังโค่นล้ม ป.ป.ช.ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องสอบสวน เหตุสลายการชุมนุม 7 ต.ค. จากนั้นก็มีข่าวว่า
ป.ป.ช.ชุดใหญ่ จะชี้มูลวันนั้น วันนี้ ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลและส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีเมื่อใด พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีในวันนั้น ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า เหตุไฉน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ จึงยังมิได้ชี้มูล และเหลือเวลาอีกเพียงประมาณ 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะต้องเกษียณอายุราชการแล้ว
มีเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ถึงการแต่งตั้งนายตำรวจให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผกก. ที่สน.คลองตัน แต่ทว่า ไม่เป็นผล ชื่อของ พ.ต.ท.อธิป พงษ์ศิวาภัย สวป.สน.คลองตั้น จึงได้ขยับขึ้นเป็นรองผกก.ป.สน.คลองตัน ตามคำสั่งบช.น. ที่ 410/2551 ที่ว่ามีเรื่องร้องเรียนนั้น เพราะนายตำรวจระดับสารวัตร ที่จะขึ้นเป็นรองผกก.ได้นั้น จะต้องอยู่ในตำแหน่งสารวัตรมาไม่น้อยกว่า 5 ปี เว้นแต่มีวาระพิเศษ เช่น หากมีอายุราชการ 8 เดือน ให้นับเป็น 1 ปีได้
การขึ้นดำรงตำแหน่งรองผกก.ของ พ.ต.ท.อธิป นั้น มีข้อสังเกตจากสื่อหลายฉบับระบุไว้ว่า "ผิดวิสัย เพราะ "กฎเกณฑ์" ต้องเป็น สารวัตร 5 ปี และได้รับแต่งตั้งก่อน 13 กุมภาพันธ์ 2547...มีผู้เข้าชิง 990 คน อยู่ในเกณฑ์ 430 คน ได้เพียง 26 คน อาวุโสที่ 1-32 จำนวน 29 คน ที่เป็นสารวัตร ก่อน 5 พฤศจิกายน 2539...ก่อนที่ "พ.ต.ท.อธิป" จะได้เป็น รองสารวัตร "เจ้าตัว" เป็นสารวัตร "อาวุโสอันดับที่ 426" ก็ผ่านฉลุย"
มีเสียงเล็ดรอดกันว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดันทุรัง พ.ต.ท.อธิป ขึ้นเป็นรองผกก.อย่างชนิดที่ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้าน ทั้งที่อายุราชการของ พ.ต.ท.อธิป ในขณะนั้น ยังคงขาดไปประมาณ 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นเป็นรองผกก.ได้ แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ไม่ฟัง และไม่รู้ว่า จะเกี่ยวข้องกับการที่ พ.ต.ท.อธิป เป็นบุตรของนายประสาท พงษ์ศิวาภัย หนึ่งในคณะกรรมการป.ป.ช.หรือไม่
บัดนี้ เหลือเวลาอีก เพียงราว 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ตลอดระยะเวลาที่กลับมาดำรงตำแหน่งผบ.ตร.รอบสองนั้น ก็มีข่าวปรากฏมาตลอดว่า "เจ๊"ข้างกาย เป็นผู้จัดการและดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด เกียรติประวัติในหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ จะมีประโยชน์อันใด หากจะได้รับการบันทึกว่า "เกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ตร."แต่กลับ มิได้ทำคุณประโยชน์เพื่อแผ่นดินเลย!
พล.ต.อ.พัชรวาท หรือ"ป๊อด"เป็นชาวบางกะปิ กรุงเทพมหานครแต่โดยกำเนิด เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เกือบทั้งคณะ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 9 (ตท.9) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 25 (นรต.25) รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รองผบ.ตร.ในปัจจุบัน
การดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท น่าจะเป็นไปด้วยดี จนถึงอายุเกษียณราชการในปี 2552 เนื่องจากฐานะของผบ.ตร.ในขณะนั้น ไม่ได้ไปขัดขา หรือขัดใจฝ่ายการเมืองที่กำลังตาขวางอยู่ในขณะนั้น แต่ทว่ากับเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด ซึ่งมีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จากการกระทำของตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เป็นผู้นำสูงสุด จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้! แต่เหตุการร์ดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้เก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พัชรวาท สั่นคลอน!
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีคำสั่งสำนักนายรัฐมนตรี ที่ 305/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มาปฎิบัติงานสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนของสังกัดเดิมไปก่อนและให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เจรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน
ว่ากันว่า เหตุผลการสั่งโยกย้าย ผบ.ตร.ครั้งนั้น มิใช่เหตุผลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกตำรวจสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ทว่าเหตุผลหลักน่าจะมาจากกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สนองนโยบายรัฐบาลของนายสมชาย ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาด ปล่อยให้มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ที่สนามบินดอนเมือง ขณะเดียวกันการแต่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.-สว.วาระประจำปี นายตำรวจหลายนายซึ่งเป็นเด็กเส้นสายนักการเมืองพรรคพลังประชาชน ไม่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเฉพาะสาย “เจ๊แดง” ซึ่งสาเหตุทั้งสองข้อที่กล่าวมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ทั้งที่ยังเหลืออายุราชการเกือบ 1 ปี
มรสุมชีวิตใต้ร่มเงาสีกากีของ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างหนัก จนทำให้กระเด็นจากตำแหน่งผบ.ตร. ซึ่ง 100 เปอร์เซ็นต์เต็มของทั้งคนในแวดวงสีกากี และเหล่าทัพอื่นๆ รวมทั้งภาคประชาชน เชื่อกันว่า ชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของ พล.ต.อ.พัชรวาท "จบแล้ว"! แต่เกิดเหตุไม่คาดคิด ยิ่งกว่าปาฎิหาริย์และมหัศจรรย์รวมกันขึ้นในช่วงระหว่างสูญญากาศทางการเมือง ที่ประเทศ ไร้ผู้นำ หลังจากนายสมชาย มีอันเป็นไป ถูกศาาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ช่วงนั้นเองที่ ฝ่ายกาารเมืองกำลังผสมผสานแกนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งว่ากันว่า ผู้มีกำลังภายในที่จับขั้วลบ ขั่วบวกมารวมกันได้ กลับปรากฏชื่อ"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นเงารางๆอยู่เบื้องหลัง
การบริหารประเทศในขณะนั้น มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีอยู่ และเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2551 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่ 325/2551 ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2551 ลงนามคำสั่งโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยระบุเหตุผลว่า คำสั่งเดิมที่ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น การช่วยราชการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม พล.ต.อ.พัชรวาท จึงนับเป็น ผบ.ตร.คนแรก ที่ถูกเด้งพ้นหน่วยไปแล้ว แต่สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสูดของหน่วยได้เป็นคนแรก และคนเดียวของทั้งสมัยยังเป็นกรมตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ. ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางข่าวเบื้องหลัง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับคืนสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.แพร่สะพัดไปทั่วสำนักปทุมวันว่า"ลูกเอ้ย...แม่ก็อายุปูนนี้แล้ว เป็นห่วงก็แต่น้องเจ้า กำลังตกระกำลำบาก ฝากดูแลน้องอย่าให้ขาดเกิน ด้วยสงสารน้องเจ้านี้ทุกข์นัก...."และด้วยความเป็นลูกกตัญญู พล.ต.อ.พัชรวาท จึงได้กลับคืนสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ด้วยประการฉะนี้
หลังจากนั้นมา เก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งอยู่ ก็ไม่แสดงอาการว่าสั่น ว่าคลอนแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่ง 23 ก.พ.2552 อนุกรรมการไต่สวนเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติ
ชี้มูลความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท กับพวก โดยชี้มูล พล.ต.อ.พัชรวาท ผิดวินัย แต่ไม่ร้ายแรง ทั้งนี้ ก่อนจะมีการชี้มูลความผิดนั้น สมาคมข้าราชการตำรวจ ที่มีพล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจเป็นนายกสมาคม ได้เคลื่อนไหว ล่าลายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. เพื่อหวังโค่นล้ม ป.ป.ช.ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องสอบสวน เหตุสลายการชุมนุม 7 ต.ค. จากนั้นก็มีข่าวว่า
ป.ป.ช.ชุดใหญ่ จะชี้มูลวันนั้น วันนี้ ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ชี้มูลและส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีเมื่อใด พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีในวันนั้น ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า เหตุไฉน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ จึงยังมิได้ชี้มูล และเหลือเวลาอีกเพียงประมาณ 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะต้องเกษียณอายุราชการแล้ว
มีเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ถึงการแต่งตั้งนายตำรวจให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผกก. ที่สน.คลองตัน แต่ทว่า ไม่เป็นผล ชื่อของ พ.ต.ท.อธิป พงษ์ศิวาภัย สวป.สน.คลองตั้น จึงได้ขยับขึ้นเป็นรองผกก.ป.สน.คลองตัน ตามคำสั่งบช.น. ที่ 410/2551 ที่ว่ามีเรื่องร้องเรียนนั้น เพราะนายตำรวจระดับสารวัตร ที่จะขึ้นเป็นรองผกก.ได้นั้น จะต้องอยู่ในตำแหน่งสารวัตรมาไม่น้อยกว่า 5 ปี เว้นแต่มีวาระพิเศษ เช่น หากมีอายุราชการ 8 เดือน ให้นับเป็น 1 ปีได้
การขึ้นดำรงตำแหน่งรองผกก.ของ พ.ต.ท.อธิป นั้น มีข้อสังเกตจากสื่อหลายฉบับระบุไว้ว่า "ผิดวิสัย เพราะ "กฎเกณฑ์" ต้องเป็น สารวัตร 5 ปี และได้รับแต่งตั้งก่อน 13 กุมภาพันธ์ 2547...มีผู้เข้าชิง 990 คน อยู่ในเกณฑ์ 430 คน ได้เพียง 26 คน อาวุโสที่ 1-32 จำนวน 29 คน ที่เป็นสารวัตร ก่อน 5 พฤศจิกายน 2539...ก่อนที่ "พ.ต.ท.อธิป" จะได้เป็น รองสารวัตร "เจ้าตัว" เป็นสารวัตร "อาวุโสอันดับที่ 426" ก็ผ่านฉลุย"
มีเสียงเล็ดรอดกันว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ดันทุรัง พ.ต.ท.อธิป ขึ้นเป็นรองผกก.อย่างชนิดที่ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้าน ทั้งที่อายุราชการของ พ.ต.ท.อธิป ในขณะนั้น ยังคงขาดไปประมาณ 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นเป็นรองผกก.ได้ แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ไม่ฟัง และไม่รู้ว่า จะเกี่ยวข้องกับการที่ พ.ต.ท.อธิป เป็นบุตรของนายประสาท พงษ์ศิวาภัย หนึ่งในคณะกรรมการป.ป.ช.หรือไม่
บัดนี้ เหลือเวลาอีก เพียงราว 2 เดือน พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ตลอดระยะเวลาที่กลับมาดำรงตำแหน่งผบ.ตร.รอบสองนั้น ก็มีข่าวปรากฏมาตลอดว่า "เจ๊"ข้างกาย เป็นผู้จัดการและดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด เกียรติประวัติในหนังสืออนุสรณ์ต่างๆ จะมีประโยชน์อันใด หากจะได้รับการบันทึกว่า "เกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ตร."แต่กลับ มิได้ทำคุณประโยชน์เพื่อแผ่นดินเลย!