ASTVผู้จัดการรายวัน -อัยการสูงสุดยื่นฟ้องเลิกสัญญา "รถดับเพลิงฉาว" พร้อมเรียกเงินค่างวด 3,905 ล้านบาทและดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีคืนจากบ.สไตเออร์ฯ “สุขุมพันธุ์" เผยศาลนัดฟังคำวินิจฉัยให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับจ่ายเงินงวดที่ 6-9 มูลค่า 2,782 ล้านบาทวันนี้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถ เรือและอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาทว่า ขณะนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้กับกทม.แล้ว ซึ่งในสำนวนที่จะยื่นฟ้องคาดว่ามี 3 ประเด็นด้วยกันคือ ประเด็นที่ 1. ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกสัญญา ให้สัญญาเป็นโมฆะ ประเด็นที่ 2. ค่างวดที่ชำระไปแล้วตั้งแต่งวดที่ 1-5 จำนวน 3,905 ล้านบาทขอให้ทางบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาร์ซอย สาธารณรัฐออสเตรีย คืนมาให้กทม.ทั้งหมด พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ประเด็นที่ 3. งวดที่เหลือตั้งแต่ที่ 6-9 มูลค่า 2,782 ล้านบาท โดยขอเสนอให้ศาลวินิจฉัยให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับไม่ให้ธนาคารกรุงไทยชำระค่ารถดับเพลิงไปยังธนาคาร Raiffeien Zentral Bank กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย
อย่างไรก็ตามจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จอยู่ที่ศาลตนไม่บังอาจก้าวล่วงว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร แต่ที่สำคัญคือว่ากทม.ได้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ในการที่จะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวกทม.และตนรู้สึกดีใจและขอขอบคุณอสส.ที่ได้สนับสนุนกิจกรรมกทม.ในเรื่องนี้
ต่อมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ออกแถลงการณ์พร้อมแถลงข่าวกรณีปัญหาการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาทว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกทม.ที่แสดงให้เห็นว่าเราชาวกรุงเทพฯ จะไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใสในกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงจากบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาซอยต์ (Steyr-Daimler Spezialfahrzeug AG&CO KG) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นับแต่วันแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่หลายครั้งก็พบกับอุปสรรค
ล่าสุดได้มีการเจรจาฉันท์มิตรกับบริษัทเจเนอรัล ไดนามิกส์ บริษัทแม่ของ สไตเออร์ฯที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย กทม.จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยมีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อขอให้สั่งฟ้องบริษัทสไตเออร์ในนามกรุงเทพมหานครต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากการลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ หรือ AOU (Agreement of Understanding) ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อซื้อขายและเรือดับเพลิงมีความไม่ถูกต้องสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้นจึงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ในระหว่างการดำเนินคดี กทม.ได้ร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อชะลอการเรียกเก็บเงินในงวดที่ 6 และงวดอื่นๆ ต่อจากนี้ระหว่างรอการพิพากษาของศาล โดยศาลได้ประทับรับฟ้องแล้วและนัดฟังคำวินิจฉัยว่าจะให้ความคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ในวันนี้(7 ส.ค.) เวลา 14.00 น. และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร กทม.จะไม่เข้าก้าวล่วงและพร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล ส่วนสไตเออร์ฯจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสไตเออร์ฯ
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการขอนำรถดับเพลิงออกมาใช้ก่อนหรือไม่นั้นจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของคดีหรือไม่ หรือจะเป็นการรกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากดูจากสำนวนที่อสส.ส่งฟ้องที่รัดกุมแล้วมีการระบุว่าสัญญาไม่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเมื่อสัญญาไม่ถูกต้องก็ต้องคืนเขาไป
ต่อข่อถามที่ว่า สาเหตุที่ทำให้อสส.ตัดสินใจส่งฟ้องให้กทม.นั้นมาจากอะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทางอสส.คงเห็นความตั้งใจจริงของกทม.ซึ่งหากอสส.ไม่ฟ้องให้เราก็จะฟ้องเองอยู่แล้วซึ่งส่วนนี้อาจจะมีผลให้อสส.พิจารณาส่งฟ้องก็ได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถ เรือและอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาทว่า ขณะนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ได้ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้กับกทม.แล้ว ซึ่งในสำนวนที่จะยื่นฟ้องคาดว่ามี 3 ประเด็นด้วยกันคือ ประเด็นที่ 1. ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกสัญญา ให้สัญญาเป็นโมฆะ ประเด็นที่ 2. ค่างวดที่ชำระไปแล้วตั้งแต่งวดที่ 1-5 จำนวน 3,905 ล้านบาทขอให้ทางบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาร์ซอย สาธารณรัฐออสเตรีย คืนมาให้กทม.ทั้งหมด พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ประเด็นที่ 3. งวดที่เหลือตั้งแต่ที่ 6-9 มูลค่า 2,782 ล้านบาท โดยขอเสนอให้ศาลวินิจฉัยให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับไม่ให้ธนาคารกรุงไทยชำระค่ารถดับเพลิงไปยังธนาคาร Raiffeien Zentral Bank กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย
อย่างไรก็ตามจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จอยู่ที่ศาลตนไม่บังอาจก้าวล่วงว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร แต่ที่สำคัญคือว่ากทม.ได้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ในการที่จะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวกทม.และตนรู้สึกดีใจและขอขอบคุณอสส.ที่ได้สนับสนุนกิจกรรมกทม.ในเรื่องนี้
ต่อมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ออกแถลงการณ์พร้อมแถลงข่าวกรณีปัญหาการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาทว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของกทม.ที่แสดงให้เห็นว่าเราชาวกรุงเทพฯ จะไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใสในกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงจากบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาซอยต์ (Steyr-Daimler Spezialfahrzeug AG&CO KG) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นับแต่วันแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่หลายครั้งก็พบกับอุปสรรค
ล่าสุดได้มีการเจรจาฉันท์มิตรกับบริษัทเจเนอรัล ไดนามิกส์ บริษัทแม่ของ สไตเออร์ฯที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย กทม.จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยมีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อขอให้สั่งฟ้องบริษัทสไตเออร์ในนามกรุงเทพมหานครต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากการลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ หรือ AOU (Agreement of Understanding) ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อซื้อขายและเรือดับเพลิงมีความไม่ถูกต้องสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้นจึงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ในระหว่างการดำเนินคดี กทม.ได้ร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อชะลอการเรียกเก็บเงินในงวดที่ 6 และงวดอื่นๆ ต่อจากนี้ระหว่างรอการพิพากษาของศาล โดยศาลได้ประทับรับฟ้องแล้วและนัดฟังคำวินิจฉัยว่าจะให้ความคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ในวันนี้(7 ส.ค.) เวลา 14.00 น. และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร กทม.จะไม่เข้าก้าวล่วงและพร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล ส่วนสไตเออร์ฯจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสไตเออร์ฯ
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการขอนำรถดับเพลิงออกมาใช้ก่อนหรือไม่นั้นจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของคดีหรือไม่ หรือจะเป็นการรกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากดูจากสำนวนที่อสส.ส่งฟ้องที่รัดกุมแล้วมีการระบุว่าสัญญาไม่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเมื่อสัญญาไม่ถูกต้องก็ต้องคืนเขาไป
ต่อข่อถามที่ว่า สาเหตุที่ทำให้อสส.ตัดสินใจส่งฟ้องให้กทม.นั้นมาจากอะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทางอสส.คงเห็นความตั้งใจจริงของกทม.ซึ่งหากอสส.ไม่ฟ้องให้เราก็จะฟ้องเองอยู่แล้วซึ่งส่วนนี้อาจจะมีผลให้อสส.พิจารณาส่งฟ้องก็ได้