ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ยกคำร้อง กทม. ขอระงับจ่ายค่างวด บริษัทสไตเออร์ ฯ คู่สัญญาซื้อขายรถ–เรือดับเพลิง งวดที่ 6-9 เหตุพยานหลักฐานนำสืบยังไม่เพียงพอที่จะให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคาร ระงับการจ่ายเงินตามสัญญาซื้อขายได้ “สุขุมพันธุ์” บอกเสียใจแต่น้อมรับคำตัดสินของศาล เผยเตรียมสู้ต่อไปในงวดต่อไป
วานนี้ (7 ส.ค.) เวลา 15.45 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 13 ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองชั่วคราว ให้ธนาคารกรุงไทย(KTB) ระงับการจ่ายเงินค่างวดตามสัญญาซื้อขาย รถเรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687 ล้านบาท ให้กับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด ประเทศออสเตรีย คู่สัญญาซื้อขายรถ เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย โดยนายนิคม บุญพิทักษ์ ผอ. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นตัวแทนมาฟังคำสั่ง
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์ขอให้ธนาคารออกเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น โจทก์และธนาคารต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย และประเพณีปฏิบัติเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งธนาคารในฐานะผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลย ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ย่อมต้องผูกพันกับจำเลยในอันที่จะชำระเงินด้วยเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต เมื่อจำเลยได้ส่งสินค้าในแก่โจทก์และยื่นเอกสารต่อธนาคารครบถ้วน ตามเงื่อนไขที่ระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิต ธนาคารจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนใขในเลตเตอร์ออฟเครดิตเท่านั้น เมื่อปรากฏว่ามีการเสนอเอกสารถูกต้องครบถ้วน ธนาคารก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต นั้น หากธนาคารไม่ชำระเงินโดยปราศจากเหตุผลมีน้ำหนักเป็นที่ยอมรับได้ ย่อมเกิดผลกระทบต่อภาพรวม และมีผลกระทบร้ายแรงต่อกิจการในการออกเลตเตอร์ออฟเครดิต ของธนาคารและลูกค้าของธนาคารที่ธนาคารออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ เพื่อชำระเงินค่าสินค้าแก่ผู้ขายในต่างประเทศในภายภาคหน้า ซึ่งการที่ศาลจะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตดังกล่าว จึงต้องพิจารณาระมัด ระวังอย่างยิ่ง
ส่วนที่โจทก์นำสืบว่าคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่เจ้าพนักงานกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา 157 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 การลงนามในข้อตกลงซื้อขายรถดับเพลิง และอุปกรณ์จึงไม่ถูกต้องสมบูรณ์ มีการกระทำโดยไม่สุจริต อันเป็นการฉ้อฉลโจทก์ เห็นว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงมูลเหตุที่ทำให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ยังไม่ถือว่าข้อเท็จจริงมีความชัดเจนเพียงพอ หรือถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าเป็นการฉ้อฉล เกี่ยวกับระบบการออก การปฏิบัติตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครเคดิต และการชำระเงินอย่างไร
พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวน จึงยังไม่เพียงพอที่จะให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคาร ระงับการจ่ายเงินในงวดที่ 6 -9 ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต และห้ามมิให้ธนาคาร หักเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ทุกบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารดังกล่าวตามที่โจทก์ร้องขอ ส่วนหากข้อเท็จจริงในที่สุดจะได้ความว่า จำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์ และข้อตกลงไม่ถูกต้องสมบูรณ์ ก็เป็นเรื่องที่โจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้อง เพื่อเรียกเงินค่าสินค้าที่มีการชำระแล้วคืน และอาจเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้อีกตามกระบวนการของกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
“สุขุมพันธุ์” บอกเสียใจ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังเห็นสำนวนคำวินิจฉัยของศาลแต่ได้รับรายงานคร่าวๆแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตาม งวดที่ 6 นี้ก็ต้องจ่ายไปก่อนส่วนงวดที่เหลือก็ต้องสู้ต่อไป โดยเบื้องต้นก็คงจะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะทำเรื่องยื่นฟ้องอีกครั้ง ตราบใดที่คดียังไม้สิ้นสุด ตนเองก็จะไม่ยอมแพ้
ต่อข้อถามที่ว่า ที่ศาลไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราวเพราะสำนวนอ่อนหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับฝ่ายกฎหมาย วันนี้ออกมางานข้างนอกตลอดทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อจ่ายงวดที่ 6 แล้วจะมีการนำรถดับเพลิงออกมาใช้หรือไม่ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หากกทม.นำรถออกมาใช้อาจมีผลต่อรูปคดีเพราะอาจทำให้สำนวนคดีอ่อนลงซึ่งจะส่งผลเสียต่อกทม.ในอนาคต
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ที่กำกับดูแลด้านการเงิน การคลังกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปทางกทม.จะทำหนังสือถึงธนาคารกรุงไทย ในการขอระงับการตัดค่างวดที่ 6 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กทม.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่งวดที่ 1-5 ถึงแม้ว่าศาลจะยกคำร้องการขอคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายเงิน แต่ที่ทำหนังสือก็เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นฟ้องและเรียกเก็บเงินคืนในครั้งต่อไป
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. ที่กำกับดูแลสำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กทม.เคารพในการตัดสินใจของศาลในการยกฟ้องการขอคุ้มครองการระงับการจ่ายค่างวดชั่วคราว อย่างไรก็ตาม กทม.ก็ต้องจ่ายค่างวดที่ 6 ไปก่อน ส่วนครั้งต่อไปกทม.จะต้องหาข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อที่จะนำไปประกอบการยื่นฟ้องให้รัดกุมกว่านี้.
วานนี้ (7 ส.ค.) เวลา 15.45 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 13 ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อคุ้มครองชั่วคราว ให้ธนาคารกรุงไทย(KTB) ระงับการจ่ายเงินค่างวดตามสัญญาซื้อขาย รถเรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687 ล้านบาท ให้กับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด ประเทศออสเตรีย คู่สัญญาซื้อขายรถ เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย โดยนายนิคม บุญพิทักษ์ ผอ. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นตัวแทนมาฟังคำสั่ง
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์ขอให้ธนาคารออกเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น โจทก์และธนาคารต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย และประเพณีปฏิบัติเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งธนาคารในฐานะผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลย ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ย่อมต้องผูกพันกับจำเลยในอันที่จะชำระเงินด้วยเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต เมื่อจำเลยได้ส่งสินค้าในแก่โจทก์และยื่นเอกสารต่อธนาคารครบถ้วน ตามเงื่อนไขที่ระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิต ธนาคารจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ตามเงื่อนใขในเลตเตอร์ออฟเครดิตเท่านั้น เมื่อปรากฏว่ามีการเสนอเอกสารถูกต้องครบถ้วน ธนาคารก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต นั้น หากธนาคารไม่ชำระเงินโดยปราศจากเหตุผลมีน้ำหนักเป็นที่ยอมรับได้ ย่อมเกิดผลกระทบต่อภาพรวม และมีผลกระทบร้ายแรงต่อกิจการในการออกเลตเตอร์ออฟเครดิต ของธนาคารและลูกค้าของธนาคารที่ธนาคารออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ เพื่อชำระเงินค่าสินค้าแก่ผู้ขายในต่างประเทศในภายภาคหน้า ซึ่งการที่ศาลจะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตดังกล่าว จึงต้องพิจารณาระมัด ระวังอย่างยิ่ง
ส่วนที่โจทก์นำสืบว่าคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่เจ้าพนักงานกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา 157 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 การลงนามในข้อตกลงซื้อขายรถดับเพลิง และอุปกรณ์จึงไม่ถูกต้องสมบูรณ์ มีการกระทำโดยไม่สุจริต อันเป็นการฉ้อฉลโจทก์ เห็นว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงมูลเหตุที่ทำให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ยังไม่ถือว่าข้อเท็จจริงมีความชัดเจนเพียงพอ หรือถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าเป็นการฉ้อฉล เกี่ยวกับระบบการออก การปฏิบัติตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครเคดิต และการชำระเงินอย่างไร
พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวน จึงยังไม่เพียงพอที่จะให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคาร ระงับการจ่ายเงินในงวดที่ 6 -9 ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต และห้ามมิให้ธนาคาร หักเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ทุกบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารดังกล่าวตามที่โจทก์ร้องขอ ส่วนหากข้อเท็จจริงในที่สุดจะได้ความว่า จำเลยได้ฉ้อฉลโจทก์ และข้อตกลงไม่ถูกต้องสมบูรณ์ ก็เป็นเรื่องที่โจทก์สามารถใช้สิทธิเรียกร้อง เพื่อเรียกเงินค่าสินค้าที่มีการชำระแล้วคืน และอาจเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้อีกตามกระบวนการของกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
“สุขุมพันธุ์” บอกเสียใจ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังเห็นสำนวนคำวินิจฉัยของศาลแต่ได้รับรายงานคร่าวๆแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตาม งวดที่ 6 นี้ก็ต้องจ่ายไปก่อนส่วนงวดที่เหลือก็ต้องสู้ต่อไป โดยเบื้องต้นก็คงจะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะทำเรื่องยื่นฟ้องอีกครั้ง ตราบใดที่คดียังไม้สิ้นสุด ตนเองก็จะไม่ยอมแพ้
ต่อข้อถามที่ว่า ที่ศาลไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราวเพราะสำนวนอ่อนหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับฝ่ายกฎหมาย วันนี้ออกมางานข้างนอกตลอดทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อจ่ายงวดที่ 6 แล้วจะมีการนำรถดับเพลิงออกมาใช้หรือไม่ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หากกทม.นำรถออกมาใช้อาจมีผลต่อรูปคดีเพราะอาจทำให้สำนวนคดีอ่อนลงซึ่งจะส่งผลเสียต่อกทม.ในอนาคต
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ที่กำกับดูแลด้านการเงิน การคลังกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปทางกทม.จะทำหนังสือถึงธนาคารกรุงไทย ในการขอระงับการตัดค่างวดที่ 6 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กทม.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่งวดที่ 1-5 ถึงแม้ว่าศาลจะยกคำร้องการขอคุ้มครองชั่วคราวระงับการจ่ายเงิน แต่ที่ทำหนังสือก็เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นฟ้องและเรียกเก็บเงินคืนในครั้งต่อไป
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. ที่กำกับดูแลสำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กทม.เคารพในการตัดสินใจของศาลในการยกฟ้องการขอคุ้มครองการระงับการจ่ายค่างวดชั่วคราว อย่างไรก็ตาม กทม.ก็ต้องจ่ายค่างวดที่ 6 ไปก่อน ส่วนครั้งต่อไปกทม.จะต้องหาข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อที่จะนำไปประกอบการยื่นฟ้องให้รัดกุมกว่านี้.
