ศาลรับฟ้องแล้วคดีทุจริตรถดับเพลิง พรุ่งนี้ (7 ส.ค.) มีลุ้นนัดฟังคำวินิจฉัยให้ความคุ้มครองชั่วคราวระงับจ่ายเงินงวดที่ 6-9 บ่าย 2 โมง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกแถลงการณ์พร้อมแถลงข่าวกรณีปัญหาการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของ กทม.ที่แสดงให้เห็นว่าเราชาวกรุงเทพฯ จะไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใสในกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงจากบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาซอยต์ (Steyr-Daimler Spezialfahrzeug AG&CO KG) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นับแต่วันแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่หลายครั้งก็พบกับอุปสรรค ซึ่งล่าสุดได้มีการเจรจาฉันท์มิตรกับบริษัท เจเนอรัล ไดนามิกส์ บริษัทแม่ของ สไตเออร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย กทม.จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยมีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อขอให้สั่งฟ้องบริษัท สไตเออร์ ในนามกรุงเทพมหานครต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากการลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ หรือ AOU (Agreement of Understanding) ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อซื้อขายและเรือดับเพลิงมีความไม่ถูกต้องสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้นจึงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ (6 ส.ค.) อสส.ได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งดังนี้ 1.ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขาย บันทึกข้อตกลงซื้อขายตามข้อตกลงความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย 2.สั่งห้ามไม่ให้จำเลยเรียกเก็บเงินงวดที่ 6-9 รวมจำนวน 51,779,126.64 ยูโร จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3.ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์
ทั้งนี้ ในระหว่างการดำเนินคดี กทม.ได้ร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อชะลอการเรียกเก็บเงินในงวดที่ 6 และงวดอื่นๆ ต่อจากนี้ ระหว่างรอการพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศาลได้ประทับรับฟ้องแล้วและนัดฟังคำวินิจฉัยว่าจะให้ความคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) เวลา 14.00 น.และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร กทม.จะไม่เข้าก้าวล่วงและพร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล ส่วนสไตเออร์ฯจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสไตเออร์ฯ
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการขอนำรถดับเพลิงออกมาใช้ก่อนหรือไม่นั้นจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของคดีหรือไม่ หรือจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากดูจากสำนวนที่อสส.ส่งฟ้องที่รัดกุมแล้วมีการระบุว่า สัญญาไม่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือ เมื่อสัญญาไม่ถูกต้องก็ต้องคืนเขาไป
ต่อข่อถามที่ว่า สาเหตุที่ทำให้ อสส.ตัดสินใจส่งฟ้องให้ กทม.นั้นมาจากอะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทาง อสส.คงเห็นความตั้งใจจริงของ กทม.ซึ่งหาก อสส.ไม่ฟ้องให้เราก็จะฟ้องเองอยู่แล้ว ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีผลให้ อสส.พิจารณาส่งฟ้องก็ได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกแถลงการณ์พร้อมแถลงข่าวกรณีปัญหาการจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของ กทม.ที่แสดงให้เห็นว่าเราชาวกรุงเทพฯ จะไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใสในกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงจากบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์พุค สเปเชียล ฟาซอยต์ (Steyr-Daimler Spezialfahrzeug AG&CO KG) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นับแต่วันแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้พยายามแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่หลายครั้งก็พบกับอุปสรรค ซึ่งล่าสุดได้มีการเจรจาฉันท์มิตรกับบริษัท เจเนอรัล ไดนามิกส์ บริษัทแม่ของ สไตเออร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย กทม.จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยมีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อขอให้สั่งฟ้องบริษัท สไตเออร์ ในนามกรุงเทพมหานครต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากการลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ หรือ AOU (Agreement of Understanding) ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อซื้อขายและเรือดับเพลิงมีความไม่ถูกต้องสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้นจึงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ (6 ส.ค.) อสส.ได้ยื่นฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งดังนี้ 1.ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขาย บันทึกข้อตกลงซื้อขายตามข้อตกลงความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย 2.สั่งห้ามไม่ให้จำเลยเรียกเก็บเงินงวดที่ 6-9 รวมจำนวน 51,779,126.64 ยูโร จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3.ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์
ทั้งนี้ ในระหว่างการดำเนินคดี กทม.ได้ร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อชะลอการเรียกเก็บเงินในงวดที่ 6 และงวดอื่นๆ ต่อจากนี้ ระหว่างรอการพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศาลได้ประทับรับฟ้องแล้วและนัดฟังคำวินิจฉัยว่าจะให้ความคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) เวลา 14.00 น.และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร กทม.จะไม่เข้าก้าวล่วงและพร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล ส่วนสไตเออร์ฯจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสไตเออร์ฯ
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการขอนำรถดับเพลิงออกมาใช้ก่อนหรือไม่นั้นจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของคดีหรือไม่ หรือจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากดูจากสำนวนที่อสส.ส่งฟ้องที่รัดกุมแล้วมีการระบุว่า สัญญาไม่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือ เมื่อสัญญาไม่ถูกต้องก็ต้องคืนเขาไป
ต่อข่อถามที่ว่า สาเหตุที่ทำให้ อสส.ตัดสินใจส่งฟ้องให้ กทม.นั้นมาจากอะไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ทาง อสส.คงเห็นความตั้งใจจริงของ กทม.ซึ่งหาก อสส.ไม่ฟ้องให้เราก็จะฟ้องเองอยู่แล้ว ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีผลให้ อสส.พิจารณาส่งฟ้องก็ได้