ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงอุตฯ สั่งกรมโรงงาน และกนอ.ออกใบอนุญาตดำเนินกิจการแก่โครงการที่ค้างการพิจารณา 50-60 กิจการมูลค่า 2 แสนล้านบาทได้หลังกฤษฎีกาตีความว่าทำได้ ส่วนบัญชีรายชื่อกิจการเตรียมหารือในเวทีกรอ. 19 ส.ค.นี้
นายโกศล ใจรังษี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เซ็นหนังสือถึงนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อธิบดีกรมโรงงาน (กรอ.) ให้สามารถออกใบอนุญาตดำเนินการกับกิจการที่ค้างการพิจารณาแล้วหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือตอบกลับมาเกี่ยวกับการตีความมาตรา 67 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ส่วนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กฤษฎีกาได้ส่งหนังสือถึงกนอ.ตรงไปแล้ว ทั้งนี้โครงการที่ค้างการอนุมัติอยู่รวมแล้วประมาณ 50-60 โครงการ มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท
“ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือการตีความตามมาตรา 67 มายังกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว โดยให้ความเห็นว่าหน่วยงานอนุญาตสามารถพิจารณาออกใบอนุญาตให้แก่โครงการ หรือกิจกรรมที่ได้รับความเห็นชอบการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535 ได้ เพราะเป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ซึ่งใกล้เคียงกับการดำเนินการของมาตรา 67 ที่มีการทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอยู่แล้ว”นายโกศลกล่าว
นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้เสนอบัญชีรายชื่อประเภทกิจการรุนแรงให้นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งจะนำเข้าต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐร่วมเอกชน (กรอ.)ในวันที่ 19 ส.ค.นี้
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่ากนอ. กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวหารือในบอร์ดกนอ. 19 ส.ค.2552 โดยโครงการที่ค้างการอนุญาตในส่วนของกนอ.มี 3 โรงงาน คือ บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส ลงทุน1,800 ล้านบาท บริษัทปตท.อะโรเมติกส์ (พีทีทีเออาร์) ลงทุน1,300 ล้านบาทและบริษัทอทิตยา เบอร์ลา ลงทุนปิโตรเคมีมูลค่า270 ล้านบาท โดยมีพื้นที่อยู่ในมาบตาพุดทั้งหมด
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อธิบดีกรมโรงงาน (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.จะรอการประกาศประเภทกิจการรุนแรงออกมาก่อน เพื่อความมั่นใจว่าจะมีแนวทางปฏิบัติ ซึ่งบัญชีรายชื่อประเภทกิจการน่าจะออกมาได้ภายในสัปดาห์หน้า
นายโกศล ใจรังษี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เซ็นหนังสือถึงนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อธิบดีกรมโรงงาน (กรอ.) ให้สามารถออกใบอนุญาตดำเนินการกับกิจการที่ค้างการพิจารณาแล้วหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือตอบกลับมาเกี่ยวกับการตีความมาตรา 67 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ส่วนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กฤษฎีกาได้ส่งหนังสือถึงกนอ.ตรงไปแล้ว ทั้งนี้โครงการที่ค้างการอนุมัติอยู่รวมแล้วประมาณ 50-60 โครงการ มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท
“ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือการตีความตามมาตรา 67 มายังกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว โดยให้ความเห็นว่าหน่วยงานอนุญาตสามารถพิจารณาออกใบอนุญาตให้แก่โครงการ หรือกิจกรรมที่ได้รับความเห็นชอบการทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535 ได้ เพราะเป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ซึ่งใกล้เคียงกับการดำเนินการของมาตรา 67 ที่มีการทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอยู่แล้ว”นายโกศลกล่าว
นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้เสนอบัญชีรายชื่อประเภทกิจการรุนแรงให้นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งจะนำเข้าต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐร่วมเอกชน (กรอ.)ในวันที่ 19 ส.ค.นี้
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่ากนอ. กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวหารือในบอร์ดกนอ. 19 ส.ค.2552 โดยโครงการที่ค้างการอนุญาตในส่วนของกนอ.มี 3 โรงงาน คือ บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส ลงทุน1,800 ล้านบาท บริษัทปตท.อะโรเมติกส์ (พีทีทีเออาร์) ลงทุน1,300 ล้านบาทและบริษัทอทิตยา เบอร์ลา ลงทุนปิโตรเคมีมูลค่า270 ล้านบาท โดยมีพื้นที่อยู่ในมาบตาพุดทั้งหมด
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อธิบดีกรมโรงงาน (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.จะรอการประกาศประเภทกิจการรุนแรงออกมาก่อน เพื่อความมั่นใจว่าจะมีแนวทางปฏิบัติ ซึ่งบัญชีรายชื่อประเภทกิจการน่าจะออกมาได้ภายในสัปดาห์หน้า
