ASTVผู้จัดการรายวัน- สหภาพการบินไทยร้องนายกฯ ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเครื่องบินและแต่งตั้งผู้บริหารเพิ่มอีก 2 ตำแหน่งทำให้ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขณะที่ประธานบอร์ดบินไทย โต้ตั้งรองเอ็มดีบินไทยเพิ่ม 2 ตำแหน่ง อ้างเพิ่มงานให้ทำ ทั้งด้านยุทธศาสตร์และ พัฒนางานที่ถูกผู้โดยสารติติงยันมีความจำเป็นต้องมีคนดูแล
วานนี้ (5ส.ค.) กลุ่มรักษ์การบินไทย พร้อมด้วยกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย นำโดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และตัวแทนพนักงานประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนการการปรับโครงสร้างองค์กร และระงับการแต่งตั้งดำเนินการตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายในการบินไทย
นางแจ่มศรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 9 ได้อนุมัติการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และมีคำสั่งจัดตั้งสายกลยุทธ์และแผน ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 2 ตำแหน่ง ทำให้บริษัทฯ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาท ต่อเดือนต่อตำแหน่ง และยังซ้ำซ้อน กับตำแหน่งที่มีอยู่เดิม ขัดแย้งกับนโยบายปรับลดค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ในเรื่องของนโยบายการจัดซื้อเครื่องบินที่ผ่านมาไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทการบินไทยขาดทุนเป็นจำนวนมาก เช่น การจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 ที่ทำการบินเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์ก รวมถึงในกรณี A-380 ที่บริษัทได้วางเงินมัดจำไว้เกือบ 3 หมื่นล้านบาท ถ้ารับเครื่องบินมาใช้ จะต้องจ่ายค่าคาร์บอนเครดิตกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าไม่รับเครื่องบินจะถูกยึดเงินมัดจำ อีกทั้งการเลือกใช้แบบเครื่องบินที่ไม่สอดคล้องกับผู้โดยสารในเส้นทางบินต่างๆ ทำให้มีผลประกอบการขาดทุนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ใครจะรับผิดชอบ
"บริษัทกำลังประสบปัญหาการขาดทุน มีการปรับลดค่าใช้จ่ายที่กระทบต่อการบริการผู้โดยสารและพนักงาน แต่กลับไปเพิ่มตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขึ้นใหม่ ทำให้บริษัทฯ มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ทั้งยังเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงานทุกคนมากขึ้นไปอีก ในฐานะที่การบินไทยเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน จึงขอกราบเรียนนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของการบินไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" นางแจ่มศรีกล่าว
"อำพน"แจงตั้ง2ผู้บริหารเป็นสิ่งจำเป็น
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (บอร์ดการบินไทย) กล่าวว่า ตามที่กลุ่มรักษ์การบินไทย พร้อมด้วยกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ตั้งข้อสังเกตมายังนายกฯ ถึงมติบอร์ดการบินไทย ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเพิ่มตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทั้ง 2 ตำแหน่ง ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ แต่เป็นการเพิ่มการทำงานของรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เท่านั้น ประกอบด้วย 1.รองฯฝ่ายการวางแผนสายกลยุทธ์ ให้ทำการเพิ่มในด้านการวางแผนยุทธศาสตร์ 2.รองฯอีกคนหนึ่งที่ยังไม่มีหน้าที่ให้มาดูเรื่องการพัฒนาโครงสร้างและเรื่องที่ได้รับการติติงมาจากผู้โดยสาร
“สิ่งที่เราทราบคือจะต้องยึดหลัก บริการผู้โดยสารที่มีอุปการคุณต่อเรา ดังนั้นการดูแลผู้โดยสารจึงเป็นนโยบายหลัก ที่เน้นถึงความพึงพอใจ ความปลอดภัยและคุณภาพที่จะบริการผู้โดยสารเป็นหลัก ณ ขณะนี้จะให้ผ่านฝ่ายบริหารขึ้นมาว่า การปรับรูปแบบองค์กรตรงส่วนนี้ จะต้องทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ผมขอยืนยันว่าวันที่ 7 ส.ค. นี้จะยังไม่มีการเสนอ แต่งตั้ง 2 ตำแหน่งนี้ จนกว่าจะมีการเสนอมาจากฝ่ายบริหารและเริ่มจากคัดสรรฯ ไม่มีการใช้มติบอร์ดตั้งเอ็มดีใหม่ ตามที่เป็นข่าว”
วานนี้ (5ส.ค.) กลุ่มรักษ์การบินไทย พร้อมด้วยกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย นำโดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และตัวแทนพนักงานประมาณ 30 คน ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนการการปรับโครงสร้างองค์กร และระงับการแต่งตั้งดำเนินการตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายในการบินไทย
นางแจ่มศรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 9 ได้อนุมัติการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และมีคำสั่งจัดตั้งสายกลยุทธ์และแผน ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 2 ตำแหน่ง ทำให้บริษัทฯ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาท ต่อเดือนต่อตำแหน่ง และยังซ้ำซ้อน กับตำแหน่งที่มีอยู่เดิม ขัดแย้งกับนโยบายปรับลดค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ในเรื่องของนโยบายการจัดซื้อเครื่องบินที่ผ่านมาไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทการบินไทยขาดทุนเป็นจำนวนมาก เช่น การจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 ที่ทำการบินเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์ก รวมถึงในกรณี A-380 ที่บริษัทได้วางเงินมัดจำไว้เกือบ 3 หมื่นล้านบาท ถ้ารับเครื่องบินมาใช้ จะต้องจ่ายค่าคาร์บอนเครดิตกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าไม่รับเครื่องบินจะถูกยึดเงินมัดจำ อีกทั้งการเลือกใช้แบบเครื่องบินที่ไม่สอดคล้องกับผู้โดยสารในเส้นทางบินต่างๆ ทำให้มีผลประกอบการขาดทุนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ใครจะรับผิดชอบ
"บริษัทกำลังประสบปัญหาการขาดทุน มีการปรับลดค่าใช้จ่ายที่กระทบต่อการบริการผู้โดยสารและพนักงาน แต่กลับไปเพิ่มตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขึ้นใหม่ ทำให้บริษัทฯ มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ทั้งยังเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงานทุกคนมากขึ้นไปอีก ในฐานะที่การบินไทยเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน จึงขอกราบเรียนนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของการบินไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป" นางแจ่มศรีกล่าว
"อำพน"แจงตั้ง2ผู้บริหารเป็นสิ่งจำเป็น
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (บอร์ดการบินไทย) กล่าวว่า ตามที่กลุ่มรักษ์การบินไทย พร้อมด้วยกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ตั้งข้อสังเกตมายังนายกฯ ถึงมติบอร์ดการบินไทย ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเพิ่มตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทั้ง 2 ตำแหน่ง ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ แต่เป็นการเพิ่มการทำงานของรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เท่านั้น ประกอบด้วย 1.รองฯฝ่ายการวางแผนสายกลยุทธ์ ให้ทำการเพิ่มในด้านการวางแผนยุทธศาสตร์ 2.รองฯอีกคนหนึ่งที่ยังไม่มีหน้าที่ให้มาดูเรื่องการพัฒนาโครงสร้างและเรื่องที่ได้รับการติติงมาจากผู้โดยสาร
“สิ่งที่เราทราบคือจะต้องยึดหลัก บริการผู้โดยสารที่มีอุปการคุณต่อเรา ดังนั้นการดูแลผู้โดยสารจึงเป็นนโยบายหลัก ที่เน้นถึงความพึงพอใจ ความปลอดภัยและคุณภาพที่จะบริการผู้โดยสารเป็นหลัก ณ ขณะนี้จะให้ผ่านฝ่ายบริหารขึ้นมาว่า การปรับรูปแบบองค์กรตรงส่วนนี้ จะต้องทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ผมขอยืนยันว่าวันที่ 7 ส.ค. นี้จะยังไม่มีการเสนอ แต่งตั้ง 2 ตำแหน่งนี้ จนกว่าจะมีการเสนอมาจากฝ่ายบริหารและเริ่มจากคัดสรรฯ ไม่มีการใช้มติบอร์ดตั้งเอ็มดีใหม่ ตามที่เป็นข่าว”
