xs
xsm
sm
md
lg

พระราชาผู้เป็นสง่าแห่งแคว้น

เผยแพร่:   โดย: อัญชะลี ไพรีรัก

สังเกตได้ว่าช่วงนี้มีผู้ส่งเมลเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากขึ้น

แต่ละเมลจะมีเนื้อหา และภาพประกอบแตกต่างกันไป

ส่วนใหญ่เป็นการรวบรวมพระราชประวัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนถึงพระราชกรณียกิจในปัจจุบัน

ตามมาด้วย “ภาพหาดูยาก” ซึ่งแข่งกันค้นคว้าหาภาพที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อนมาแลกเปลี่ยนกันดูให้ชื่นใจ

ล่าสุดมีการส่งเมล “ใบทะเบียนสมรส” และ “ใบเสียภาษี ภ.ง.ด. 94” (ตามภาพที่ปรากฏ)

แต่ที่ดูออกจะได้รับเสียงตอบรับอย่างกระตือรือร้นมากที่สุด เห็นจะได้แก่ เอกสารเรียกร้องให้ประชาชนลงชื่อ “คัดค้าน” การถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง ที่จัดทำโดยคณะอาจารย์จากหลายภาควิชากลุ่มหนึ่งแห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

เรื่องฎีกาสีแดง เป็นที่โจษขานกันมากในสังคม โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์ มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน เขียนบทความเกี่ยวกับการถวายฎีกาต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพื่อเผยแพร่ความรู้เป็นวิทยาทานมากมายหลายฉบับ และทุกฉบับสามารถสรุปใจความได้ว่า ฎีกามี 2 รูปแบบ

1. คือ ฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งจำเลยผู้ต้องคำพิพากษาต้องได้รับโทษก่อน และผู้ถวายฎีกา คือ ภรรยา และบุตร ตามกฎหมาย แต่การพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่ใช่ศาลที่ 4 มิอาจกลับคำพิพากษาได้

2. คือ ฎีการ้องทุกข์ ซึ่งประเภทนี้มีราษฎรส่งฎีกามาเป็นจำนวนมาก และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานความช่วยเหลือไปแล้วมิใช่น้อย ซึ่งมีข่าวสารปรากฏให้รับทราบทางหน้าหนังสือพิมพ์เป็นระยะ

เรื่องฎีการ้องทุกข์นี้ มีผู้รู้ค้นคว้าหาเรื่องราวในอดีตมาเมลส่งต่อๆ กันว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเคยมีพระราชกระแสเล่าเรื่องที่ชาวบ้านภาคใต้มาถวายฎีกาต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ “ในหลวง” ของปวงชนกับกลุ่มสื่อมวลชนหญิงเมื่อปี 2523 ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ว่า

“ฎีกาที่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี้มีมากมายก่ายกอง ชาวบ้านก็มาปรับทุกข์กับในหลวง (ทรงพระสรวล) มีอะไรก็มาขอให้ท่านช่วยโน่นช่วยนี่”

สมเด็จ ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า “ชาวบ้านภาคใต้ฉลาด รู้ด้วยนะว่าฎีกานี้ต้องทำอย่างไร เขาเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้ แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้ บุ้ยบ้ายบอกว่า นั่นข้างล่างนะ ฎีกาอยู่ข้างล่างนะ”

“รู้จักซ่อนด้วยนะ ซ่อนไว้ มิเช่นนั้นตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน อย่างที่ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราชนี้ ถ้าตามไปดูจะเห็นเขามีเวรยามกันแล้วก็พยักหน้า อุตส่าห์ซ่อนแทรกเข้าไปไว้พับเสียจนเล็กนิดเดียว”

สมเด็จฯ ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า “ชาวบ้านจะเข้ามาร้องเรียนกับพระเจ้าอยู่หัวทุกเรื่อง เกี่ยวกับกฎหมายก็มี เช่น ชาวบ้านทุ่งใหญ่ฎีกาว่า ลูกน้องเสือฉลองฆ่าชาวบ้าน ปิดถนน ปิดโรงเรียน ปิดตลาด ปิดสวนยาง เขามาร้องไห้ บอกว่าไม่รู้จะเอาอะไรให้ขอร้องให้ในหลวงช่วย ขอให้ทหารของพระเจ้าแผ่นดินช่วย แล้วก็เซ็นชื่อกันยาว”

“เมื่อฉันได้รับฎีกาแล้ว ก็จะซีร็อกซ์แล้วส่งไปให้ราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วส่งไปที่ราชการ...ฉันเอาไปให้แม่ทัพ แม่ทัพเห็นเข้าก็อึ้ง”

“ปีที่เราไปทุ่งใหญ่ ได้เห็นสภาพคนแล้วสงสารที่สุดเลย เพราะที่นี่มีคนจน...จนชนิดที่เราไม่เคยเห็นที่ไหน เกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร่างกายขาดเลือดจนซีด ฉันเปิดตาดู ตาข้างในขาวเหมือนกับผ้าอย่างนี้ (ทรงจับไปที่ผ้าปูโต๊ะ)...คือ แทบไม่มีเลือดในตัว”

“ฉันให้แม่ทัพ ตอนนั้นเป็นคุณปิ่น ธรรมศรี (พลโทปิ่น ธรรมศรี อดีตแม่ทัพภาค 4) คุณเสริม เป็น ผบ.ทบ. (พลเอกเสริม ณ นคร) เมื่อคุณเปรมไปเฝ้าที่ตำหนักทักษิณฉันเลยให้คุณเปรมดู คุณเปรมก็ถามคุณปิ่นว่า ทำไมไม่ช่วยราษฎร แต่คุณปิ่นตอบว่า จะไปก้าวก่าย”

สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงหันมาถามนักข่าวหญิง ว่า “อันนี้การเมืองใช่ไหม ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร ถามฝรั่งให้เขาบอกคำจำกัดความมาสิว่า การเมืองนี่เป็นอย่างไร ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะราษฎรเอามาให้ช่วย”

“หนหนึ่ง ค้ำขำ มีเสียงตุ๊บๆ ตั๊บๆ หันไปมองว่าอะไรกัน ที่แท้เห็นสิรินธร กับ จุฬาภรณ์ ไปแย่งฎีกามาจากตำรวจ โดยมากเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยากให้ยุ่งการเมือง”

“คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามา ก็คงอยากจะชักออกมาจากชายพก หรือตะกร้า ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจอีกที (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้วแม่เล็กบอก เล็กได้มาแล้ว เล็กๆ ได้มาแล้ว”

“ก็บอกเขาไปว่าโธ่...คุณถ้าเผื่อปิดนี่ บ้านเมืองเราจะไปไม่ไหวนะ ราษฎรไม่รู้จะออกทางไหน เรามีหน้าที่เอามาแล้วเอาไปให้รัฐบาล”

“อย่าไปปิดประชาชน เขาไม่รู้จะไประบายทางไหน อย่าปิดเลยบ้านเมืองจะไม่ปลอดภัย”

เมื่อนักข่าวหญิงกราบบังคมทูลถามว่า ราษฎรส่วนใหญ่ถวายฎีกาด้วยเรื่องอะไร สมเด็จฯ รับสั่งตอบว่า

“ความไม่เป็นธรรมจากราชการ และเรื่องที่ดินที่ไม่มีเอกสารแต่จับจองมาแต่ครั้งปู่ย่าตายาย”

“ชาวบ้านเขาบอกว่าราชินีแปลงตัวมาสิ แล้วจะรู้ว่าราษฎรทุกข์ยากอย่างไร แต่อย่าเอาทหาร ตำรวจมานะ ราชินีแปลงตัวมารับรองปลอดภัยมาเฉพาะผู้หญิงนะ”

“ฉันไม่กล้าไปกลัวถูกจับ แต่เรื่องนี้พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ดีจะได้เป็นราชินีบนเขา” …

จากการพระราชทานสัมภาษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ จะเห็นได้ว่า ฎีการ้องทุกข์มักมาจากมือของชาวบ้านผู้ทุกข์ยากเอง และเรื่องทุกข์ร้อนคือ เรื่องที่ดินทำกิน และถูกทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่ไม่ดีบางกลุ่มกดขี่ข่มเหงรังแก

ฎีการ้องทุกข์ของประชาชนทั่วๆ ไปมีมานมนาน ทั้งร้องทุกข์เรื่องถูกข้าราชการกลั่นแกล้งรังแก และยากจนข้นแค้น ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานความช่วยเหลือไปแล้วมากมาย

ฎีการ้องทุกข์ของชาวบ้าน จึงแตกต่างไปจากฎีการ้องทุกข์ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณอย่างสิ้นเชิง เพราะฎีกาของคุณทักษิณ ที่อ้างว่ามีประชาชน 5 – 6 ล้านคน ต้องการให้พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานอภัยโทษให้กับเขา แล้วคุณทักษิณจะได้กลับเมืองไทยเพื่อมาทดแทนบุญคุณแผ่นดิน และรับใช้พระเจ้าอยู่หัว.

ก็สงสัยต่อไปว่า แล้วทำไมคุณทักษิณถึงกลับเมืองไทยไม่ได้ ในเมื่อค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเดินทางก็มี หรือเครื่องบินส่วนตัวแสนโก้ก็มีให้เห็นกันทนโท่

คำตอบง่ายๆ คือ เพราะคดีที่ดินรัชดาฯ คุณทักษิณถึงกลับเมืองไทยไม่ได้ เพราะคุณทักษิณกลัวว่า ถ้ากลับมาจะถูกจับติดคุกติดตะราง และอับอายขายหน้าเขาไปทั้งโลก

คุณทักษิณ อ้างฟ้าอ้างแผ่นดิน เหมือนอยากโหนกำแพงวังไปหาเรื่อง เพราะไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คุณทักษิณจะได้ประโยชน์จากการนี้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

แต่สถาบันสูงสุดซึ่งคือเสาหลักของสังคมไทย ที่เป็นมากกว่าเอกลักษณ์ และ วัฒนธรรมจะบังเกิดความแปดเปื้อน มัวหมอง ด้วยถูกสั่นคลอนเพราะฎีกาแดง...คุณทักษิณจะไม่สนใจไยดีเรื่องนี้บ้างเลยหรือ

แต่มีคนสนใจเรื่องคุณทักษิณใช้คนเสื้อแดง ล่ารายชื่อประชาชนที่อวดอ้างว่ามีเป็นล้านๆ รายชื่อ เพื่อขอพระราชทายอภัยโทษให้กับตัวเอง ซึ่งบัดนี้มีสถานภาพเป็นนักโทษหนีคดี “ที่ดินรัชดาฯ”

คดีนี้สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อ 21 ตุลาคม 2551 ที่พิพากษาให้อดีตนายกฯ คนนี้มีความผิดติดคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีส่วนได้ส่วนเสียกับสัญญาที่ทำกับหน่วยงานรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 ม.4, 100 …ส่วนเมียรอดตัวไป

คุณทักษิณไม่ได้ทำมาหากินบนที่ดินผืนนี้อย่างบริสุทธิ์มาแต่ครั้งบรรพบุรุษ แล้วถูกทางการกลั่นแกล้งด้วยเรื่องเอกสารการทำกินเหมือนราษฎรทั่วไป ถึงไป “ถวายฎีการ้องทุกข์” ต่อองค์พระราชา และพระราชินี เพื่อขอความเป็นธรรม

ทว่าคุณทักษิณเอาตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปช่วยเมียทำมาหากิน ถือเป็นการเอาเปรียบคนอื่น ขี้โกง เมื่อถูกจับได้ก็โกหกว่า เปล่า เมื่อศาลไต่สวนก็ยึกยักไม่ร่วมมือ ท่าโน้นท่านี้ ในที่สุดเมื่อใกล้จะพิพากษาก็หนีคดี แถมมีเรื่องถุงช็อกโกแลต 2 ล้านบาทในที่ทำการศาลเข้ามาแทรกอีก

แต่กฎหมายเขาบอกว่า เมื่อถูกพิพากษาว่า ผิดแล้วต้องติดคุก แล้วค่อยให้ลูก – เมีย ทำเอกสารถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษภายหลัง ไม่ใช่มีเงินมากก็จ้างพวกมาลากฎีกาแดงไปกดดันในหลวง ถึงขนาดปราศรัยข้างวังไกลกังวล และจะถวายฎีกา 17 สิงหาคมนี้

อย่าลืมสิ ... คุณทักษิณมีคดีติดตัวอีกมากมายหลายคดี ล้วนแล้วแต่เป็นคดีทุจริต คอร์รัปชันทั้งนั้นเลย นับรวมกันแล้วก็ถูกกล่าวหาว่าโกงบ้าน โกงเมืองไปเป็นแสนล้านบาท ทำไมไม่กลับมายืนสู้คดี ถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ หนีคุก หนีตาราง หนีศาลไปทำไม

ขืนปล่อยฎีกาแดงของคุณทักษิณบานปลายออกไปไม่รีบจัดการ ระบบระเบียบและสถาบันต่างๆ ในบ้านนี้เมืองนี้ย่อยยับเพราะมือ ทักษิณ ชินวัตร เป็นแน่แท้ โดยเฉพาะสถาบันสูงสุด

คนส่วนใหญ่จึงมองว่า ฎีกาแดงแฝงการเมือง ปนเรื่องมักใหญ่ใฝ่สูงไว้ในคราวเดียวกัน

ถึงตรงนี้แล้วนึกถึงอีกเมลหนึ่งของดร.สุพงษ์ ลิ้มธนากุล ที่ส่งเรื่อง “เรียนรู้พระเจ้าอยู่หัว ผ่านสายตา ศ.แมนเฟรด คราเมส ชาวเยอรมัน ที่คิดว่า พระเจ้าอยู่หัวคือบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ของคนไทย ที่สังคมไทยมิได้เรียนรู้แนวทางคำสอน และพระราชดำริของพระองค์อย่างลึกซึ้งเท่าไรเลย

และอีกเมลหนึ่ง คือ เมลที่รวบรวมเรื่องราวมากมายของเด็กน้อย ทั่วทุกภาคในประเทศไทย เป็นภาพชีวิตของเด็กผู้แสนยากจน เรียนดี และมีความกตัญญูต่อบุพการี

เด็กๆ เหล่านี้เขียนจดหมายด้วยกระดาษ-ปากกาที่พอจะหาได้ แล้วส่งเป็นจดหมายธรรมดา ติดแสตมป์ จ่าหน้าซองสั้นๆ ถึง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระตำหนักจิตรลดาฯ กรุงเทพฯ” ...ซึ่งก็ถึง...

จดหมายลักษณะนี้มีมาทุกวัน และถึงพระเนตร พระกรรณ ทุกฉบับ

ในไม่ช้าก็ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ ซึ่งมีตั้งแต่ที่ดินกะทัดรัด บ้านหลังน้อยที่อบอุ่น ทุนการศึกษาจนเติบใหญ่ อาชีพ และกระบวนการดูแลรักษาคนเฒ่าคนแก่เพื่อแบ่งเบาภาระเด็กๆ เหล่านี้

เด็กๆ เหล่านี้จึงซาบซึ้งดีกับ “รูปที่มีทุกบ้าน” ในบ้านหลังใหม่ และชีวิตใหม่ที่ได้รับพระราชทานจาก “ในหลวง”

เมลเด็ดอีกหัวข้อหนึ่งคือ เมลที่มาจากดูไบ มีคนไทยส่งภาพการจัดงานเลี้ยงพระฉลองวันเกิด 60 ปีของคุณทักษิณ ที่มีลูกๆ อยู่กันพร้อมหน้า งานนี้ทุกคนใส่สีแดงแจ๊ดแจ๋หมด ยกเว้นพระสงฆ์

ดูจากภาพพอประมวลได้ว่า คุณทักษิณมีชีวิตผาสุก และยังมั่งคั่งร่ำรวย

ครอบครัวเขารู้อยู่เต็มอกว่า คุณทักษิณอยู่ไหน บริวารของเขาก็รู้ มีแต่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในการตามตัวนักโทษหนีคดีมาเท่านั้นที่ซื่อบื้อ บ้องแบ้ว ไม่รู้อะไรเลย เห็นว่าล่าสุด ครม.อนุมัติตั้งสำนักงานบังคับคดีเพื่อล่าตัวผู้ต้องหาหนีหมายจับ

เชื่อสิชาตินี้ก็ไม่มีวันล่าตัวทักษิณมาลงโทษได้ เงินสกปรกของเขาปิดหู ปิดตา ปิดปากถ้วนทั่วแล้ว คงมีแต่ความหายนะของบ้านเมืองเรา หรือไม่ก็ความตายของทักษิณเท่านั้นที่จะจบเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้ลงได้ อะไรจะมาถึงก่อนก็เท่านั้น

คุณทักษิณจะมีเหมืองทอง เหมืองเพชร บ้าบออะไรไม่รู้ รู้แต่ว่า ทักษิณคนลวงโลกยังกวนบ้านเมืองเราให้ขุ่นอยู่ได้เสมอ เขายังอยู่กับเราไม่เคยไปไหน เขาทำลายบ้านเมืองเราจนยับเยิน และกำลังปั่นป่วนสถาบันสูงสุดให้มัวหมอง

ในระหว่างนั่งคิดว่า จะทำอย่างไรกับคนคนนี้ดี มาดูหนังสือเล่มใหม่ที่โลกไซเบอร์ภูมิใจนำเสนอ คือ

“ถึงเธอเรียกพ่อ ลิ่วล้อเรียกนายกฯ สัตว์นรกเรียกนาย แต่เราคนไทยก็เรียก ทรราช”

ขายดีอันดับหนึ่ง อมตะนิรันดร

กำลังโหลดความคิดเห็น