คงไม่ช้าจนเกินไปที่จะขอร่วมส่งกำลังใจ “แฮปปี้ เบิร์ธเดย์” 3 ส.ค. ไปยังท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ก้าวผ่านปีที่ 45 ของชีวิต ย่างสามขุมสู่ปีที่ 46 แห่งชีวิต บนเดือนที่ 8 ของเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย
ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ....7 เดือนบนเก้าอี้นายกฯ แม้ผมจะผิดความคาดหมายและคาดหวังหลายประการ แต่โดยรวมแล้วด้วยความตั้งใจดีที่จะทำงาน และความเป็นคนดี มีความรู้ความเข้าใจของท่านผมให้ท่าน “สอบผ่าน”..
(หาก) ครบ 12 เดือนหรือครบปี “สอบผ่าน” จะกลายเป็น “สอบตก” หรือคะแนนสอบผ่านยิ่งดีขึ้นหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที
จะว่าไปว่าความผิดหวังล่าสุดของผมต่อท่านนายกฯ ก็คือ บทบาทของท่านในฐานะนายกฯ ซึ่งสวมหมวก “ประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ” หรือก.ต.ช.
แต่เพื่อความเป็นธรรม ในเมื่อท่านนายกฯ มอบหมายให้รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่งหัวโต๊ะเล่นบทประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.)
ความปั่นป่วนจนออกอาการเละเป็นโจ๊กกองปราบในขณะนี้ ทั้งท่านนายกฯ และรองนายกฯ สุเทพกรุณารับ “ผิด” ไปแบ่งกันเอาเองก็แล้วกัน
เรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นข่าวดังเป็นข่าวใหญ่อยู่ในขณะนี้มีอยู่สองเรื่องคือ กรณีคดีลอบสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล กับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจภายใต้โครงสร้างใหม่
สองเรื่องนี้มันนัวเนียนุงนังจนกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” จนนำไปสู่ประเด็น “ปลดไม่ปลด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป๊อด” ผบ.ตร.
“พัชรวาท” ซึ่งต้องดิ้นจนสุดฤทธิ์ให้ชีวิตเกษียณบนเก้าอี้ ผบ.ตร.ในวันที่ 30 ก.ย. 2552 ให้ได้
* กรณีคดีฆ่าสนธิ โดยภาพรวม นายกฯค่อนข้างแข็งแรงในการสนับสนุนให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ดูแลรับผิดชอบคดี ทำงานมาพักหนึ่งพล.ต.อ.ธานีบอกว่าการสางคดีมีอุปสรรค เจอตอ
อย่ามาปฏิเสธกันเลยว่าในทางลึก “ตอ” หรืออุปสรรคที่ว่านั้นจะไม่มีบิ๊กตำรวจบางคนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อม นายกฯก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใคร ใครที่จะพยายามจะแยกสลายทีมสอบสวนสืบสวน จนสุดท้ายนายกฯต้องออกแรงแก้ปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า
ประเด็นแห่งความร้อนแรงของคดีฆ่าสนธินั้นอยู่ตรงที่ว่า...ถ้าคดีเดินหน้าไปเร็วและจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหาร –ตำรวจ มาได้สักครึ่งค่อนชุดฆ่า นอกจากกลุ่ม “อำนาจเก่า” หรือระบอบทักษิณจะถูกเปิดเผยโฉมหน้าความอำมหิตแล้ว ยังมีโอกาสไม่น้อยที่จะโยงใยไปถึงกลุ่มที่เรียกกันว่า “อำนาจใหม่” ที่มีบิ๊ก ๆของฝ่ายทหารและตำรวจร่วมวงอยู่
“พัชรวาท” ไม่ใช่จระเข้ขวางคลอง หากแต่ตำแหน่งผบ.ตร.นั้นมีอำนาจมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าจระเข้...!!
* กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เป็นที่ทราบๆ กันว่าพล.ต.อ.พัชรวาทอยากฝากฝีไม้ลายมือเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายภายใต้โครงสร้างใหม่ของ สตช.ให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง
โครงสร้างใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ สตช.ซึ่งรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับในวันที่ 16 ส.ค.2552
โครงสร้างใหม่ซึ่งจะเพิ่มหน่วยงานระดับกองบัญชาการ (บช.) หรือเทียบเท่าอีก 4 หน่วย รวมทั้งหมดเป็น 30 บช./ระดับกองบังคับการ (บก.) หรือเทียบเท่าเพิ่มอีก 43 หน่วย รวมทั้งหมดเป็น 227 บก.
โครงสร้างใหม่ที่จะนำไปสู่การแต่งตั้งโยกย้ายใหม่ สลับกับการหมุนเวียนระดับนายพลครั้งมโหฬาร อาทิ ระดับผู้บัญชาการประมาณ 30 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 146 ตำแหน่ง, ระดับ ผบก. 257 ตำแหน่ง
และเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. 2552 ได้มีการประชุม ก.ตร.ลงมติโผแต่งตั้งโยกย้าย 152 นายพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่โผดังกล่าวก็ต้องสะดุดหยุดลงที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะมีเสียงทักท้วงว่าพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการฯ ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ประการใด..
นายกฯ เองเปิดเผย-ยอมรับไม่ต่ำกว่าสองครั้งว่า การจัดทำโผโยกย้ายมีปัญหาและได้สั่งระงับยับยั้งเอาไว้ รอ ผบ.ตร.คนใหม่มาจัดทำ ในขณะที่รองนายกฯ สุเทพยอมรับว่าสับสนทำได้หรือไม่ในขณะที่พระราชกฤษฎีกาฯ ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แต่ “พัชรวาท” พูดชัดว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงระวังจะถูกฟ้องร้อง
ส่วนคนใกล้ชิดนายกฯ อย่าง ศิริโชค โสภา ณ วอลเปเปอร์ หลังจากถูกข่าวลือทำนองว่าคนแวดล้อมนายกฯ พากันใช้อำนาจฝากฝังแทรกแซงการโยกย้าย ได้ฉีกตัวออกมาสวนกลางอากาศว่า มีตำรวจระดับนายพลที่ใกล้ชิด ผบ.ตร.รับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย พอโผถูกเบรกทำให้สูญเสียผลประโยชน์ บางคนถึงขั้นทวงเงินคืนกันแล้ว...
ผมไม่ทราบว่ามีนายพลคนไหนที่ใกล้ชิด ผบ.ตร.บ้าง รู้จักอยู่คนเดียวก็..พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิช เท่านั้น แต่คุณศิริโชคจะหมายถึงใครผมไม่ทราบจริงๆ
ว่ามาเสียยืดยาว ผมอยากสรุปว่ารัฐบาล “เสียรังวัด” ณ แนวรบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก เรื่องแต่งตั้งโยกย้ายก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งก็คือความเหยาะแหยะเรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.แรกๆ ก็ทำดูเหมือนว่าจะเด้งดึ๋ง ผบ.ตร.ต่อมาก็บอกทำนองว่า ผบ.ตร.จะหาทางออกเองด้วยการลาราชการ
ไปๆ มาๆ “พัชรวาท” บอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ หลังจากที่พี่ชายของท่าน คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เปรี้ยงปร้างออกก่อนหน้านี้ว่า...น้องชายของผมผิดอะไร...ตามด้วย พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม ออกมาฮึ่มๆ ใส่ชาวบ้านหลายเรื่อง
เสียเหลี่ยมนักเรียนนอก เสียฟอร์มกำนันเทือก กันโดยทั่วถ้วน
จะว่าไปถ้าท่านนายกฯ ไม่เงื้อง่า บอกมาตรงๆ ว่าสำหรับพล.ต.อ.พัชรวาทปล่อยให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ชี้มูลกรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด รัฐบาลไม่มีความคิดจะเด้งจะย้ายแม้แต่นิด จะโยกย้ายแต่งตั้งกันอีท่าไหนก็ว่าไปตามใจชอบ...ก็หมดเรื่องไปแล้ว ชาวบ้านอย่างผมๆ อย่างเราๆ ท่านๆ จะได้ไม่ต้องลุ้นไม่ต้องหวังอะไรให้เมื่อยตุ้ม...
แต่ถ้าคิดจะทำเรื่องใหญ่ ก็ต้องลำดับเรื่องราว ว่ากันด้วยเหตุผล แล้วใช้ความกล้าหาญทางการเมืองบนพื้นฐานประโยชน์ประชาชนอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าทำเรื่องแค่นี้จะเป็นเหตุลามไปถึงขั้นทำให้พรรคการเมืองอย่างภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล..
มันไม่ขนาดนั้น คิดมากกันไปเอง
แต่ถ้าอยากจะปล่อยให้วงการตำรวจเป็นไปแบบเดิมๆ ส่วนใหญ่ใส่เกียร์ว่าง ใครอยากจะได้ดิบได้ดี (โดยเฉพาะที่อีสาน) ต้องไปเรียนให้จบเนฯ ที่ไม่ใช่ “เนติบัณฑิต” หากแต่หมายถึง “เนวิน” ก็ไม่ว่ากัน
สุขสันต์วันเกิดครับท่านนายกฯ
samr_rod@hotmail.com
ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ....7 เดือนบนเก้าอี้นายกฯ แม้ผมจะผิดความคาดหมายและคาดหวังหลายประการ แต่โดยรวมแล้วด้วยความตั้งใจดีที่จะทำงาน และความเป็นคนดี มีความรู้ความเข้าใจของท่านผมให้ท่าน “สอบผ่าน”..
(หาก) ครบ 12 เดือนหรือครบปี “สอบผ่าน” จะกลายเป็น “สอบตก” หรือคะแนนสอบผ่านยิ่งดีขึ้นหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที
จะว่าไปว่าความผิดหวังล่าสุดของผมต่อท่านนายกฯ ก็คือ บทบาทของท่านในฐานะนายกฯ ซึ่งสวมหมวก “ประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ” หรือก.ต.ช.
แต่เพื่อความเป็นธรรม ในเมื่อท่านนายกฯ มอบหมายให้รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่งหัวโต๊ะเล่นบทประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.)
ความปั่นป่วนจนออกอาการเละเป็นโจ๊กกองปราบในขณะนี้ ทั้งท่านนายกฯ และรองนายกฯ สุเทพกรุณารับ “ผิด” ไปแบ่งกันเอาเองก็แล้วกัน
เรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นข่าวดังเป็นข่าวใหญ่อยู่ในขณะนี้มีอยู่สองเรื่องคือ กรณีคดีลอบสังหารสนธิ ลิ้มทองกุล กับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจภายใต้โครงสร้างใหม่
สองเรื่องนี้มันนัวเนียนุงนังจนกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” จนนำไปสู่ประเด็น “ปลดไม่ปลด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป๊อด” ผบ.ตร.
“พัชรวาท” ซึ่งต้องดิ้นจนสุดฤทธิ์ให้ชีวิตเกษียณบนเก้าอี้ ผบ.ตร.ในวันที่ 30 ก.ย. 2552 ให้ได้
* กรณีคดีฆ่าสนธิ โดยภาพรวม นายกฯค่อนข้างแข็งแรงในการสนับสนุนให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ดูแลรับผิดชอบคดี ทำงานมาพักหนึ่งพล.ต.อ.ธานีบอกว่าการสางคดีมีอุปสรรค เจอตอ
อย่ามาปฏิเสธกันเลยว่าในทางลึก “ตอ” หรืออุปสรรคที่ว่านั้นจะไม่มีบิ๊กตำรวจบางคนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อม นายกฯก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใคร ใครที่จะพยายามจะแยกสลายทีมสอบสวนสืบสวน จนสุดท้ายนายกฯต้องออกแรงแก้ปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า
ประเด็นแห่งความร้อนแรงของคดีฆ่าสนธินั้นอยู่ตรงที่ว่า...ถ้าคดีเดินหน้าไปเร็วและจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นทหาร –ตำรวจ มาได้สักครึ่งค่อนชุดฆ่า นอกจากกลุ่ม “อำนาจเก่า” หรือระบอบทักษิณจะถูกเปิดเผยโฉมหน้าความอำมหิตแล้ว ยังมีโอกาสไม่น้อยที่จะโยงใยไปถึงกลุ่มที่เรียกกันว่า “อำนาจใหม่” ที่มีบิ๊ก ๆของฝ่ายทหารและตำรวจร่วมวงอยู่
“พัชรวาท” ไม่ใช่จระเข้ขวางคลอง หากแต่ตำแหน่งผบ.ตร.นั้นมีอำนาจมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าจระเข้...!!
* กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เป็นที่ทราบๆ กันว่าพล.ต.อ.พัชรวาทอยากฝากฝีไม้ลายมือเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายภายใต้โครงสร้างใหม่ของ สตช.ให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง
โครงสร้างใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ สตช.ซึ่งรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับในวันที่ 16 ส.ค.2552
โครงสร้างใหม่ซึ่งจะเพิ่มหน่วยงานระดับกองบัญชาการ (บช.) หรือเทียบเท่าอีก 4 หน่วย รวมทั้งหมดเป็น 30 บช./ระดับกองบังคับการ (บก.) หรือเทียบเท่าเพิ่มอีก 43 หน่วย รวมทั้งหมดเป็น 227 บก.
โครงสร้างใหม่ที่จะนำไปสู่การแต่งตั้งโยกย้ายใหม่ สลับกับการหมุนเวียนระดับนายพลครั้งมโหฬาร อาทิ ระดับผู้บัญชาการประมาณ 30 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 146 ตำแหน่ง, ระดับ ผบก. 257 ตำแหน่ง
และเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. 2552 ได้มีการประชุม ก.ตร.ลงมติโผแต่งตั้งโยกย้าย 152 นายพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่โผดังกล่าวก็ต้องสะดุดหยุดลงที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพราะมีเสียงทักท้วงว่าพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการฯ ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ประการใด..
นายกฯ เองเปิดเผย-ยอมรับไม่ต่ำกว่าสองครั้งว่า การจัดทำโผโยกย้ายมีปัญหาและได้สั่งระงับยับยั้งเอาไว้ รอ ผบ.ตร.คนใหม่มาจัดทำ ในขณะที่รองนายกฯ สุเทพยอมรับว่าสับสนทำได้หรือไม่ในขณะที่พระราชกฤษฎีกาฯ ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แต่ “พัชรวาท” พูดชัดว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงระวังจะถูกฟ้องร้อง
ส่วนคนใกล้ชิดนายกฯ อย่าง ศิริโชค โสภา ณ วอลเปเปอร์ หลังจากถูกข่าวลือทำนองว่าคนแวดล้อมนายกฯ พากันใช้อำนาจฝากฝังแทรกแซงการโยกย้าย ได้ฉีกตัวออกมาสวนกลางอากาศว่า มีตำรวจระดับนายพลที่ใกล้ชิด ผบ.ตร.รับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย พอโผถูกเบรกทำให้สูญเสียผลประโยชน์ บางคนถึงขั้นทวงเงินคืนกันแล้ว...
ผมไม่ทราบว่ามีนายพลคนไหนที่ใกล้ชิด ผบ.ตร.บ้าง รู้จักอยู่คนเดียวก็..พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิช เท่านั้น แต่คุณศิริโชคจะหมายถึงใครผมไม่ทราบจริงๆ
ว่ามาเสียยืดยาว ผมอยากสรุปว่ารัฐบาล “เสียรังวัด” ณ แนวรบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก เรื่องแต่งตั้งโยกย้ายก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งก็คือความเหยาะแหยะเรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.แรกๆ ก็ทำดูเหมือนว่าจะเด้งดึ๋ง ผบ.ตร.ต่อมาก็บอกทำนองว่า ผบ.ตร.จะหาทางออกเองด้วยการลาราชการ
ไปๆ มาๆ “พัชรวาท” บอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ หลังจากที่พี่ชายของท่าน คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เปรี้ยงปร้างออกก่อนหน้านี้ว่า...น้องชายของผมผิดอะไร...ตามด้วย พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม ออกมาฮึ่มๆ ใส่ชาวบ้านหลายเรื่อง
เสียเหลี่ยมนักเรียนนอก เสียฟอร์มกำนันเทือก กันโดยทั่วถ้วน
จะว่าไปถ้าท่านนายกฯ ไม่เงื้อง่า บอกมาตรงๆ ว่าสำหรับพล.ต.อ.พัชรวาทปล่อยให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ชี้มูลกรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด รัฐบาลไม่มีความคิดจะเด้งจะย้ายแม้แต่นิด จะโยกย้ายแต่งตั้งกันอีท่าไหนก็ว่าไปตามใจชอบ...ก็หมดเรื่องไปแล้ว ชาวบ้านอย่างผมๆ อย่างเราๆ ท่านๆ จะได้ไม่ต้องลุ้นไม่ต้องหวังอะไรให้เมื่อยตุ้ม...
แต่ถ้าคิดจะทำเรื่องใหญ่ ก็ต้องลำดับเรื่องราว ว่ากันด้วยเหตุผล แล้วใช้ความกล้าหาญทางการเมืองบนพื้นฐานประโยชน์ประชาชนอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวว่าทำเรื่องแค่นี้จะเป็นเหตุลามไปถึงขั้นทำให้พรรคการเมืองอย่างภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล..
มันไม่ขนาดนั้น คิดมากกันไปเอง
แต่ถ้าอยากจะปล่อยให้วงการตำรวจเป็นไปแบบเดิมๆ ส่วนใหญ่ใส่เกียร์ว่าง ใครอยากจะได้ดิบได้ดี (โดยเฉพาะที่อีสาน) ต้องไปเรียนให้จบเนฯ ที่ไม่ใช่ “เนติบัณฑิต” หากแต่หมายถึง “เนวิน” ก็ไม่ว่ากัน
สุขสันต์วันเกิดครับท่านนายกฯ
samr_rod@hotmail.com