“เลขาฯกลาโหม” ทำไก๋ บอกไม่แน่ใจ “ประวิตร” หลุดปากพูดสู้นอก กม.ตอนไหน เผยเหตุที่ออกมาชี้แจง ไม่มีใบสั่ง แต่อยากทำเอง ป้อง “บิ๊กป้อม” ไม่เคยคิดทำร้ายผู้อื่น ปัดเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานยัน “ประวิตร” พูดจริง ด้าน “โฆษกกลาโหม” ระบุ ผู้ถูกพาดพิง มีสิทธิฟ้องตาม กม. ย้ำต้องเร่งทำความเข้าใจสื่อ ไม่ให้สังคมแตกแยก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.นพดล อินทปัญญา ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ กระทรวงกลาโหม พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่า จะมีการทำนอกกฎหมาย หากปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออก ว่า ตามที่สื่อนำเสนอข่าวว่า พล.อ.ประวิตร คิดจะทำอะไรนอกกฎหมาย เรื่องที่ตนจะพูดต่อไปนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไปแล้วหลายคน ว่า ไม่รู้คำพูดนอกกฎหมายถูกหลุดออกไปตอนไหน ตนจำไม่ได้ แต่ไม่อยากปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเลขาฯกระทรวงกลาโหม ปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง ไม่กล้ารับผิดชอบ และไม่ใช่ลูกผู้ชาย
พล.อ.นพดล กล่าวต่อว่า สิ่งที่พูดไม่เคยคิดว่าจะไปทำการใดในทางที่ผิดกฎหมาย โดยการใช้กำลังประทุษร้าย การทำนอกกฎหมาย การทำสิ่งที่มีความรุนแรง เกินขอบเขตกฎหมายจะทำได้อย่างไร ตนเห็นใจ รมว.กลาโหม ที่ถูกสื่อหลายฉบับเอาไปประโคมข่าว ท่านคิดจะทำการนอกกฎหมาย ความจริงแล้วท่านไม่รู้เรื่อง ท่านมีแต่นโยบายให้คนในชาติสมานฉันท์
“ทุกอย่างเป็นคำพูดของผม ไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้เกี่ยวกับ รมว.กลาโหม หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง การออกมาพูดแบบนี้ ไม่ได้เป็นการตัดตอน หากมีอะไรจะเกิดขอให้เกิดกับผมคนเดียว โดยคำพูดดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะใช้กำลังทำร้ายใครที่ผิดกฎหมาย อยากให้เรื่องจบลงตรงนี้ ว่า ไม่มีใครบุคคลใดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” พล.อ.นพดล กล่าว
สำหรับกรณีที่สื่อมวลชนได้ลงข่าวว่าเรื่องนี้เป็นคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ทางด้าน พล.อ.นพดล กล่าวว่า ตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ไปพูดกับใคร การให้สัมภาษณ์วันนั้นไม่มีการอัดเทป ตนจะปฏิเสธไปก็ได้ แต่การที่ตนไม่ปฏิเสธ เพราะจำไม่ได้จริงๆ ว่า หลุดคำพูดใดออกไปบ้าง แม้จะหลุดคำพูดออกไป ก็ไม่มีเจตนาทำร้ายใครเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องที่ทำผิดนอกกฎหมาย หากมีใครจะว่าตนก็ไม่เป็นไร แต่ในเมื่อเกี่ยวโยงกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตน ก็รู้สึกเห็นใจผู้ที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาตั้งคำถามว่า เหตุที่พูดออกไปเช่นนั้นมีหมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้มีใครบังคับให้ตนพูด แต่ตนต้องการพูดเอง ตนเห็นใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร รวมทั้งผู้ที่ถูกลากมาเกี่ยวข้องทุกคน เนื่องจากบุคคลเหล่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวด้วยเลย
ส่วน กรณีความใกล้ชิดทางสายเลือดของ พล.อ.ประวิตร กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ทำให้พูดออกไปด้วยอารมณ์นั้น พล.อ.นพดล กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใคร เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ได้พูดกับนักข่าว ว่า ตระกูลวงษ์สุวรรณ ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าว พล.อ.นพดล กล่าวว่า เมื่อบุคคลใดถูกกล่าวหาก็เป็นไปได้ที่ญาติพี่น้องจะไม่ชอบ แต่ตนไม่สามารถไปตอบแทนผู้อื่นได้ โดยหากถ้าเป็นการพูดกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือคนรู้จักก็สามารถทำได้ เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกไป เป็นผลบวกและมีอำนาจต่อรองการไม่ให้ปลด ผบ.ตร. ได้หรือไม่ พล.อ.นพดล กล่าวว่า คงไม่ใช่ ไม่ได้มีอำนาจไปต่อรองกับใคร ทุกอย่างอยู่ที่ความจริงมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำพูดของตนหรือใคร ซึ่งที่ผ่านมา หากคนอื่นได้อ่านข่าว คงคิดว่าตนเป็นคนก้าวร้าว ต้องการทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากวันนี้ขอให้ทุกอย่างจบลง ทั้งนี้ อยากขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน ขอโทษนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซี่งหลังจากที่เป็นข่าว พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้พูดอะไร
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การดำเนินการทางด้านกฎหมาย คือ การดำเนินการกับผู้ที่กระทำการกล่าวหาพาดพิง ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ซึ่งผู้เสียหายก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิ ส่วนการจะดำเนินการนอกกฎหมายนั้นหมายถึง การไปชี้แจง ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนและบุคคลที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม
นอกจากนี้ พ.อ.ธนาธิป ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร สั่งให้เหล่าทัพเร่งทำความเข้าใจกับกำลังพล และประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงทำการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย เนื่องจากต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติ
