xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

บีโอไอ:งานออแกไนซ์ฝีมือหญิงไทยในประเทศฝรั่งเศส

เผยแพร่:   โดย: วรรณนิภา พิภพไชยาสิทธิ์/สุนันทา อักขระกิจ

<b><font size=3>สุนิสา กุศลส่ง</font></b>
การเป็นคนไม่เลือกงาน สามารถทำงานอะไรก็ได้ ทำให้ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปารีส ประเทศฝรั่งเศส สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์ ที่รับจัดงานต่างๆ และมีบริการทุกอย่างครบวงจร โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาหารไทย รวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่แสดงถึงความเป็นไทย

ทีมงานวารสารส่งเสริมการลงทุนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณสุนิสา กุศลส่ง เจ้าของบริษัท B.W.T. จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท G.A. Media Global จำกัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จในการประกอบอาชีพในต่างประเทศ และได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา และตัดสินใจในการเลือกประกอบอาชีพในต่างประเทศต่อไป

คุณสุนิสา กล่าวว่า เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด แต่ไปสำเร็จการศึกษาที่เทคนิคลพบุรี หลังจากนั้นจึงได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส สำหรับเหตุผลที่เลือกมาเรียนที่ประเทศนี้มีอยู่ 2 ประการ คือ ชอบภาษาฝรั่งเศสเพราะเป็นภาษาที่มีความไพเราะ และชอบเรื่องการวางผังเมือง ซึ่งฝรั่งเศสมีระบบการวางผังเมืองที่ดีมาก จึงอยากมาเรียนทางด้านการจัดทำแผนที่และการวางผังเมือง เนื่องจากสำเร็จการศึกษาทางด้านการสำรวจมา

เมื่อมาถึงประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่เริ่มทำอย่างแรก คือ การเรียนภาษา เพื่อจะได้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังหารายได้พิเศษด้วยการทำงานในร้านอาหารควบคู่ไปด้วยหลังจากมาอยู่ได้ประมาณ 2 ปีกว่า ก็ได้พบกับสามีซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลงจากจุดมุ่งหมายหลักคือ การมาเรียน ต้องเปลี่ยนไปทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น

จากการที่เป็นคนที่รักและชอบเรื่องการทำการค้า โดยชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มีอาชีพค้าขายอยู่แล้ว กิจการแรกที่ทำคือ การเปิดร้านขายเนื้อหมูขายเนื้อวัวในฝรั่งเศส ซึ่งกว่าจะได้ร้านนี้ต้องใช้เวลาในการเลือกทำเลที่เหมาะสม รวมทั้งหาข้อมูลในด้านอื่นๆ ประกอบอยู่นานพอสมควร เมื่อได้ร้านดังกล่าวจากเจ้าของเดิมแล้ว เจ้าของเดิมยังให้ความช่วยเหลือ ในการช่วยสอนงานต่างๆ ให้อีกประมาณ 1 เดือน โดยการพาไปทำความรู้จักกับตลาดขายส่งหมูและเนื้อต่างๆ

การเปิดร้านดังกล่าวเป็นการสร้างความแปลกใจให้กับชาวฝรั่งเศสมาก เนื่องจากโดยปกติแล้วเจ้าของร้านขายหมูขายเนื้อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่นี่เป็นคนต่างชาติและยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย แต่ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะคิดไว้ว่าทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับการค้าขาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินกิจการมาได้ประมาณปีเศษ เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยและยังคิดว่าไม่ใช่อาชีพที่อยากจะทำ จึงเปลี่ยนไปเปิดร้านทำผม โดยซื้อจากเจ้าของเดิมซึ่งเป็นคนไทย แม้ว่าจะทำผมไม่เป็นแต่สามารถช่วยสระผม และรับโทรศัพท์ได้

จากนั้นจึงได้เปิดร้านนวดแผนโบราณแบบไทยขึ้นอีกหนึ่งร้าน โดยอยู่ตรงข้ามกับร้านทำผม ซึ่งเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วถือว่าเป็นร้านคนไทยร้านแรกที่เปิดบริการนวดแผนโบราณ แต่เปิดได้เพียง 6 เดือนก็ต้องปิด เนื่องจากในช่วงนั้นการนวดดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักมากเหมือนกับตอนนี้ แต่ร้านทำผมยังเปิดดำเนินการต่อไปอีกประมาณ 3 ปี จนกระทั่งสัญญาเช่าหมดจึงเลิกกิจการ เพราะคิดว่ายังไม่ใช่อาชีพที่ชอบ

หลังจากเปิดร้านขายหมูขายเนื้อ ร้านทำผม ร้านนวดแผนโบราณมาแล้ว จึงเริ่มขยับขยายไปทำงานด้านอื่นๆ โดยเพื่อนที่ทำงานในร้านจัดจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ได้มาชักชวนให้ไปรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่สนามบิน เนื่องจากมีรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งเมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่ง มีความรู้สึกว่ารถที่ใช้รับ-ส่งเริ่มเล็กไปแล้ว หากเรามีรถที่ใหญ่ขึ้นจะสามารถรับได้มากขึ้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นรถใหญ่ และนี่เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน

การที่สามารถทำงานได้หลากหลายเป็นเพราะอุปนิสัยส่วนตัวที่สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย และมีเพื่อนที่ดีคอยแนะนำให้ นอกจากนี้งานที่ได้ทำส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ค่อยมีใครทำ ทำให้การทำงานที่ผ่านมาได้รับผลสำเร็จ จนเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งคนไทยและคนฝรั่งเศส จึงได้เริ่มเข้าไปทำงานให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่สนใจในการว่าจ้างให้เราดำเนินการจัดงานต่างๆ ให้ จึงจัดตั้งบริษัทขึ้นมารองรับงานดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่าบริษัท B.W.T. จำกัด เริ่มแรกเป็นบริษัทที่ดำเนินการร่วมกับเพื่อนคนไทยที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดขึ้นมาเพื่อจัดจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ แต่ดำเนินการได้ไม่นานต้องหยุดกิจการไป เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมและมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้ยกเลิกตัวบริษัท

เมื่อมองเห็นช่องทางที่สามารถสร้างงานและรายได้ให้เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนจากบริษัทที่จำหน่ายบัตรโทรศัพท์ มาเป็นบริษัทที่รับจัดงานออแกไนซ์ต่างๆ โดยมีจุดเด่นที่เน้นเรื่องความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร รวมถึงเรื่องการตกแต่งสถานที่ด้วย สำหรับลูกค้าสำคัญๆ ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา คือ สถานทูตต่างๆ บริษัทการบินไทย ฯลฯ

ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นคนไทย และส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนไทยที่เดินทางมาศึกษาต่อ การทำงานและความเป็นอยู่ จะเป็นในลักษณะแบบพี่น้องมากกว่า ซึ่งสามารถพูดคุยและช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง เนื่องจากเคยเป็นลูกน้องมาก่อน จึงมีความคิดว่าถ้าเราไม่ชอบอะไร คนอื่นก็คงไม่ชอบเช่นกัน จึงทำให้บรรยากาศในการทำงานเป็นไปด้วยดี

คุณสุนิสา ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสว่า การที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบหลายประการ คือ

ประการแรก เรื่องภาษา ในเบื้องต้นต้องมีความเข้าใจอยู่พอสมควร หากไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมด ควรหาผู้ช่วยที่สามารถวางใจได้มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องการทำงาน

ประการที่สอง ต้องทำงานที่ได้รับมาให้ถูกต้อง และเป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างต้องการ เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องอาหารมักถูกตรวจสอบอยู่เสมอว่าอาหารเหล่านั้นมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานหรือไม่

ประการที่สาม เรื่องภาษีเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากคือ ประมาณร้อยละ 70 ของรายได้รวมทั้งหมด ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องมีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายโดยละเอียด หากมีใบเสร็จรับเงินก็ต้องเก็บไว้ทุกใบ ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นเสียภาษีและขอคืนภาษีในแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เป็นเพียงกฎที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ เพื่อให้ทุกคนได้ปฏิบัติให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน ซึ่งหากดำเนินการถูกต้องก็จะไม่เกิดปัญหาใดใดตามมา

                   “นอกจากการเลือกสถานที่ตั้งให้เหมาะสมแล้ว
                 ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของเมืองนั้น
                     ต้องศึกษาเรื่องระบบการจ่ายภาษีให้ละเอียด
                       เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
                 ควรมีเงินทุนสำรองเบื้องต้นอย่างน้อยร้อยละ 20-30
            หากเป็นคนไทยที่คิดจะมาประกอบธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส
             ควรหาผู้ร่วมทุนชาวฝรั่งเศส โดยคนไทยถือหุ้นร้อยละ 49
                         ส่วนร้อยละ 51 ถือหุ้นโดยชาวฝรั่งเศส”


คุณสุนิสายังให้คำแนะนำสำหรับผู้สนใจทำธุรกิจในต่างประเทศว่า สำหรับคนไทยที่คิดจะมาประกอบธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสนั้น ควรหาผู้ร่วมทุนชาวฝรั่งเศส โดยคนไทยถือหุ้นร้อยละ 49 ส่วนร้อยละ 51 ถือหุ้นโดยชาวฝรั่งเศส

ส่วนผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจด้านต่างๆ นั้น นอกจากการเลือกสถานที่ตั้งให้เหมาะสมแล้ว ยังต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของเมืองนั้นว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งต้องศึกษาเรื่องระบบการจ่ายภาษีให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเปิดดำเนินการ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง นอกจากนี้ควรมีเงินทุนสำรองเบื้องต้นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างน้อยร้อยละ20 - 30

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสนั้นไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะไปซื้อร้านหรือสถานที่เพื่อค้าขายได้ตามใจชอบ จะต้องแสดงหลักฐานทางด้านการเงิน เช่น การทำหนังสือกู้ยืมเงินจากธนาคาร โดยต้องทำเป็นแผนงานว่า จะดำเนินธุรกิจประเภทใด ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดร้านอาหาร จะต้องมีรายละเอียดว่า ในร้านมีจำนวนที่นั่งเท่าใด ประมาณการรายได้ในแต่ละวันว่าสามารถขายได้เท่าไร และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกแล้วจะเหลืออีกเท่าไหร่ ซึ่งธนาคารจะนำรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ไปพิจารณาว่าจะปล่อยกู้ได้เท่าไหร่

โดยส่วนตัวแล้วถือว่าโชคดีที่มีสามีคอยช่วยเหลือในเรื่องนี้ เนื่องจากสามีเป็นพนักงานบัญชี ทำให้การจัดทำเอกสารต่างๆ ง่ายขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจและมีความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสยังไม่ลึกซึ้ง ควรให้ทนายช่วยดำเนินการให้ หรือให้คนที่มีความรู้ทางด้านภาษาช่วยร่างแผนให้ จะช่วยให้การทำงานและทำธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสง่ายขึ้นมาก

ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8161 หรือที่ head@boi.go.th
กำลังโหลดความคิดเห็น