แม้ว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนจะผ่านพ้นไปแล้วกว่าหนึ่งเดือนหากข่าวคราวอันส่งกลิ่นโชยถึงความเน่าเฟะของวงการกีฬาโลกเรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในหลายชนิดกีฬา ไม่ว่าจะเป็น เทควันโด , มวยปล้ำ หรือ มวยสากลสมัครเล่น รวมไปถึงวิวาทะของผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงกีฬาซึ่งยังคาอยู่ในหัวใจของแฟนกีฬาไทย
เมื่อสมาคมมวยสากลสมัครเล่นได้สิทธิ์ส่งขุนพลเสื้อกล้ามลุยโอลิมปิกรอบสุดท้ายบนแผ่นดินมังกรถึง 8 คน 8 รุ่นน้ำหนักด้วยกัน นับว่ามากที่สุดที่ทัพนักชกไทยเคยทำได้ ทว่าเมื่อจบทัวร์นาเมนต์ทัพนักชกไทยที่เก็บตัวนานเป็นเวลาแรมปี กลับสามารถคว้ามาได้เพียง 1 เหรียญทอง จาก สมจิตร จงจอหอ และ 1 เหรียญเงินจาก มนัส บุญจำนงค์ สร้างความผิดหวังให้ “เสธ วีป” พล.อ ทวีป จันทรโรจน์ นายใหญ่สมาคมมวยเสื้อกล้ามไทยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะหลุดวาจาผ่านสื่อมวลชนว่าเกิดการโกงครั้งยิ่งใหญ่ในเวทีมวยระดับโลกเข้าให้แล้ว
1.
หลังความพ่ายแพ้ของ อำนาจ รื่นเริง กำปั้นไทยในรุ่น 48 กิโลกรัม ต่อนักชกมองโกเลีย เซอร์ดัมบา ปูเรฟดอร์จ 2-5 หมัด ในรอบ 8 คนสุดท้าย ของปักกิ่งเกมส์ ส่งผลให้ภายหลัง "เสธ.วีป" ออกมากล่าวจุดประเด็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการตัดสินคะแนนของคณะกรรมการรอบเวทีว่า
"มีคนมาบอกผมว่า มีขบวนการที่จะทำให้นักชกไทยไม่ได้เหรียญเลยในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ซึ่งผมได้ข้อมูลนี้มาตั้งแต่กีฬาเอเชียนเกมส์ 2006 ที่ประเทศกาตาร์แล้ว เพราะสมาคมของเราทำผลงานเข้าตามาโดยตลอดมีเหรียญทองจากทั้งเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิก จึงมีคนอยากเข้ามานั่งเก้าอี้นายกสมาคมแทนผม"
"เมื่อเขาอยากได้เก้าอี้ผม ก็ต้องทำให้ผมหมดความน่าเชื่อถือ หมดผลงาน คนพวกนี้จึงพยายามทำทุกอย่าง เพื่อเขี่ยผมให้พ้นทาง สำรับผมแล้วต้องใช้คำว่า 'ขายชาติ' สำหรับคนกลุ่มนี้"
ซึ่ง "เสธ.วีป" กล่าวต่อว่า "การแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นที่สกปรกที่สุดในโอลิมปิกเป็นการแข่งขันที่โซล ประเทศเกาหลีใต้ ปีนั้นนักกีฬาเก่งๆ แพ้กันระนาว ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมบอกเลยว่าให้ไปดูว่ามีนักกีฬาจากชาติไหนบ้างที่ได้เหรียญทอง พอพวกคุณไปดูตารางจะเห็นเลยว่า โอ้โห...จีน ได้ 2 เหรียญทอง รัสเซีย ได้ 2 เหรียญทอง นอกนั้นเฉลี่ยกันไปชาติละ 1 เหรียญทอง"
"ที่น่าแปลกใจคือ คิวบา ที่เขามีนักมวยดีๆ มาตลอด เขาไม่มีเหรียญทองเลย ได้แต่เหรียญเงิน ส่วนจีนก็ได้ 2 เหรียญทอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มวยดีๆ ของเขาไม่เคยมี สังเกตได้เลยว่ามีพิรุธมาก จากประเทศที่ยังไม่เคยได้รับเหรียญโอลิมปิกจากกีฬาชนิดนี้เลย กลับมาได้เหรียญ เช่น อังกฤษ, อิตาลี, ฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งเจ้าภาพ"
สำหรับเรื่องกลโกงในการแข่งขันโอลิมปิก 2008 นั้น "เสธ.วีป" ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ "ใครจะพูดว่าการตัดสินครั้งนี้บริสุทธิ์ก็พูดไป ผมบอกเลยว่ามีแน่นอน อย่างในรุ่น 64 กิโลกรัม รุ่นเดียวกับ มนัส บุญจำนงค์ จะเห็นได้ชัดๆ ในการชกรอบรองชนะเลิศระหว่างนักมวยจากฝรั่งเศส กับ โดมินิกัน มันมีพิรุธที่มีการตัดคะแนนในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้าย บอกตามตรงว่าไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกันแบบนี้"
"ในโอลิมปิกครั้งนี้เขาใช้เรื่องของการล็อกผลการแข่งขันด้วยกรรมการ คือเขาจะเลือกเฉพาะกรรมการที่เขาสั่งได้มาทำหน้าที่ในคู่ที่ต้องการ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า นักมวยดีๆ จะไปไม่ถึงเหรียญทองกันเยอะ อย่าง อำนาจ รื่นเริง ที่ชกในรอบ 8 คนสุดท้าย หรือ มนัส บุญจำนงค์ ที่ชกในรอบชิงชนะเลิศ ต่อยโดนอย่างไรคะแนนก็ไม่ขึ้น เห็นได้ว่านักมวยไทยต่อยไม่ได้คะแนนในยกแรกๆ ยกต่อไปจะเสียรูปมวยทันที เพราะต้องปรับแผนกันใหม่ คือต้องเดินเข้าหา เพื่อเอาคะแนนคืน ทีนี้มันก็ง่ายแล้วสำหรับคนที่ต้องการให้เราแพ้"
แม้จะแฉกันมาตั้งแต่กรุงปักกิ่งจนถึงกรุงเทพฯ ทว่า "เสธ.วีป" ยอมรับว่าไม่อาจเปิดเผยรายชื่อของคนขายชาติได้ "ผมคงเอ่ยชื่อไม่ได้เพราะมันก็เหมือนกับการคอร์รัปชั่นที่ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานอะไร แต่ผมคิดว่ามีคนเหล่านั้นจริง เพราะผมดูพฤติกรรมกลุ่มคนเหล่านี้มานาน และผมก็จับตามาตลอด"
2.
ด้าน ดร.ณัฐ อินทรปาณ ในฐานะคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี หน่วยงานที่มีบทบาทโดยตรงต่อการแข่งขันโอลิมปิก 2008 กล่าวถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินบนเวทีมวยสากลสมัครเล่น “ปักกิ่งเกมส์” ว่า
"ขอยืนยันว่า กรรมการตัดสินกีฬาทุกประเภทไม่เฉพาะมวยสากลสมัครเล่นมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน และกรรมการทุกท่านก็ได้รับรองจากไอโอซี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการประชุมจาก ไอโอซี แล้วว่าจะต้องทำให้การแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด"
"ผมมีหน้าที่คอยดูแลกีฬาต่างๆ อะไรชนะก็ต้องชนะ แพ้ก็ต้องบอกว่าแพ้ ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ โดยเฉพาะมวยสมัครเล่น เราไปยุ่งกับกรรมการไม่ได้แน่ และกรรมการผู้ตัดสินไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะตัดสินคู่ไหน"
ขณะเดียวกันอดีต "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา" ยังได้กล่าวถึงการจัดผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ในกีฬามวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกครั้งนี้ด้วยว่า "หน้าที่กำหนดตัวผู้ตัดสินเป็นของสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ ไอบา ซึ่งมีระเบียบออกไว้ชัดเจนว่าจะจัดโดยระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเพื่อความโปร่งใส และยุติธรรม จะมีการกำหนดเงื่อนไขว่าจะไม่มีผู้ตัดสินจากทวีปเดียวกัน หรือ เชื้อชาติในกลุ่มศาสนาเดียว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด"
"เท่าที่ได้ดูจากการแข่งขัน ผมก็คิดว่าน่าจะเรียบร้อยดี คณะกรรมการโอลิมปิกสากลก็บอกว่ามวยสากลสมัครเล่นคราวนี้การตัดสินขาวสะอาด และยุติธรรมมาก แต่กีฬาที่มีปัญหาการตัดสินในปักกิ่งเกมส์คงเป็นมวยปล้ำมากกว่า" นอกจากนี้ ดร.ณัฐ ยังได้ยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแน่นอน "พูดตามตรง ผมเป็นครูบาอาจารย์ คงไม่คิดทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นแน่ และก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก"
3.
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรื่องราวดังกล่าวจะมีมูลอยู่ไม่น้อย เมื่อ รูเดล โอเบรเจล นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นของโรมาเนีย ซึ่งเป็นรองประธานสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ "ไอบา" และเป็นประธานเทคนิคร่วมของมวยสากลสมัครเล่นในปักกิ่งเกมส์ เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากล และการโกงของมวยโอลิมปิกครั้งนี้
"ผมเป็นหนึ่งในผู้รณรงค์ให้สมาชิกจากชาติต่างๆ กำจัดอิทธิพลของกลุ่มมาเฟียเดิมในวงการมวยสากลสมัครเล่นโลก ซึ่งยึดอำนาจ ไอบา มาอย่างยาวนาน เพราะทนความสกปรกและการฉ้อโกง ฉ้อฉลต่างๆ ไม่ไหว เมื่อ ไอบา เลือกตั้งเสร็จได้ประธานคนใหม่คือ ชิง โค วู จากไต้หวัน เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ทำได้ไม่มากนัก เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ยังมีอยู่มาก และยังมีบทบาท มีอำนาจอย่างเหนียวแน่นจนถึงขณะนี้"
คำกล่าวของ โอเบรเจล สอดคล้องกับความเชื่อของ "เสธ.วีป" เป็นอย่างยิ่งว่า "มีคนพูดว่าผมสนิทกับ อันวาร์ ชอว์ดรี ประธาน ไอบา คนเก่า เหมือนเป็นการสบประมาทผมอย่างมากว่าเหรียญทองครั้งที่แล้วได้มาเพราะเหตุนี้ แต่ครั้งนี้ผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มี อันวาร์ เราก็ได้เหรียญทองอยู่ดี การจัดมวยโอลิมปิกหนนี้ถือว่าขายหน้ามากเพราะผมรู้ดีว่ามีการล็อกผลการแข่งขัน เห็นได้จากการจัดกรรมการชาวฝรั่งเศสหลายคู่"
โดย "เสธ.วีป" เผยอีกว่า "ผมออกมาแฉเรื่องนี้ผมต้องการให้เห็นความเลวร้ายว่าไม่ต่างจากโอลิมปิกที่กรุงโซล ผมโดนมาเยอะแล้ว ทั้งที่ไม่เคยเอาเปรียบใคร ผมเลยอยากจะวางมือ หากมีใครทำได้ดีกว่าผม ผมก็จะเลิก ผมเบื่อการต่อสู้เรื่องแบบนี้เต็มที ตอนอยู่ปักกิ่ง ก็เครียดลงกระเพราะไม่อยากทำแล้ว"
นอกจากนี้นายใหญ่แห่งสมาคมมวยเสื้อกล้ามไทยยังกล่าวต่อไปด้วยว่า "ผมมีข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือได้พอสมควร เราจะเป็นฝ่ายรุกให้เขาแก้ไขในเรื่องนี้ ด้วยการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นให้ประธานสหพันธ์ ไอบา เรื่องแรกให้การตัดสินบริสุทธิ์ยุติธรรมกว่านี้ เรื่องที่สอง คือ การจัดผู้ทำหน้าที่กรรมการต้องโปร่งใส มีอย่างที่ไหนใช้กรรมการจากฝรั่งเศสคนเดียวกันตัดสินนักมวยไทยถึง 3 ใน 6 ไฟต์ ทั้งๆ ที่กรรมการมีให้เลือกทั้งหมดถึง 34 คน เป็นเรื่องผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง"
"ที่ผ่านมาผมได้รวบรวมหลักฐาน วิดีโอ และการให้คะแนน พร้อมทั้งยังหารือร่วมกับสมาชิกจากประเทศอื่นๆ ที่มองเห็นความไม่เป็นธรรมในการตัดสินครั้งนี้ เพื่อยื่นต่อ ไอบา ไปพิจารณาต่อ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่เราต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ไม่ควรจะปล่อยไว้นานจนเป็นความเคยชิน"
จากปัญหาความไม่โปร่งใสในการตัดสินกีฬามวยสากลสมัครเล่นที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้ภาพลักษณ์ของกีฬาชนิดนี้ดูไม่ขาวสะอาดนัก จนมีข่าวลือว่าอาจจะถูกตัดออกจากกีฬาโอลิมปิก 2012 หรือ “ลอนดอนเกมส์” ทว่า “เสธ.วีป” มองว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการปรับมาตรฐานการตัดสินให้บริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้นในอนาคต
“เรื่องตัดมวยสากลสมัครเล่นออกจากโอลิมปิกครั้งหน้า ผมมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะชาติสมาชิกหลายชาติคงไม่ยอม แม้จะมีปัญหาเรื่องการตัดสินของกรรมการ แต่การตัดออกไปเลยมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ให้ตรงจุดก็คือต้องทำให้มันโปร่งใสกว่าที่เป็นอยู่ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ควรทำกันมากที่สุด”
ทั้งหมดนี้คือข้อความสุดท้ายจากนายใหญ่วงการมวยสากลสมัครเล่นไทย ที่ไม่เพียงแต่อยากจะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นแก่แฟนกีฬา แต่อาจเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศว่าปัญหาการตัดสินที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องนั้นนอกจากจะส่งผลต่อผู้เกี่ยวข้องแล้ว ต้นทุนแห่งเกียรติภูมิในกีฬาประเภทนี้ก็อาจจะลดลงตามมูลค่าความน่าเชื่อถือก็เป็นได้
*********************************
เรื่อง - เชษฐา บรรจงเกลี้ยง