นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการรับเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ไปใช้ในการเลือกตั้งปี 2548 รวมทั้งการนำเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ที่ได้รับการสนับสนุนในปี 2548 จำนวน 29 ล้านบาท ไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ว่า ได้ทราบจากสื่อว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) ได้ตัวนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหาร บริษัท เมซไซอะ มาแล้ว จึงอยากให้ส่งตัวมาให้ กกต.เพราะนายประจวบ เป็นต้นเรื่องที่ กกต.ต้องการจะสอบถามเรื่องบริษัท เมซไซอะ ที่เป็นจุดสำคัญของเส้นทางการเงินว่าไปถึงขั้นตอนไหน อย่างไร การใช้เงินของบริษัท เมซไซอะ ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ไม่รู้สึกกังวลต่อเรื่องของระยะเวลาที่อาจทำให้พยานหลักฐานโดยเฉพาะพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงไป
"กกต.อยากให้นายประจวบ มายืนยันด้วยตัวเองกับกกต. เพื่อที่จะได้รับรองสำนวนคำให้การ ที่เคยให้ไว้กับดีเอสไอไว้ ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องการก็สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินการ ซึ่งหากนายประจวบมาให้การ กกต. คงจะมีการถ่ายวีดีโอเทปไว้เป็นหลักฐาน"
ส่วนที่ทางดีเอสไอ อ้างว่ามีการบันทึกวีดีโอคำให้การของนายประจวบ และยืนยันว่ายังมีตัวตน กกต.สามารถใช้วีดีโอ เป็นหลักฐานได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่าถ้าพูดถึงหลักฐานทางกฎหมาย สามารถใช้ได้ ในกรณีที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่หากนายประจวบยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรจะมาให้การกับ กกต. อย่างไรก็ตาม ตนจะให้เจ้าหน้าที่ประสานขอวีดีโอคำให้การของนายประจวบ จากดีเอสไอ
สำหรับพยานบางคนที่ยังอยู่ต่างประเทศนั้น ทราบว่าทางคณะกรรมการไต่สวนก็ไม่ละทิ้งความพยายามในการติดต่อเพื่อขอให้ยืนยันคำให้การ
ทั้งนี้ กกต.จะตรวจสอบเรื่องเงินกองทุนพรรคการเมืองรวมถึงเงินบริจาค ในช่วงปี 2548 ว่าการดำเนินการ และรายงานมาให้ กกต.ถูกต้องหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าในปี 2548 จะไม่มีการกำหนดเพดานในการบริจาค แต่รายงานที่ส่งมาให้ กกต.ต้องถูกต้องตามกฎหมาย
**ดีเอสไอพร้อมตาม"ประจวบ"ให้
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ดีเอสไอ ยืนยัน ยังไม่ได้ส่งตัวนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหารบริษัทเมซไซอะฯ ให้กับ กกต. และดีเอสไอ จะไม่เป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลของคดีนี้ แต่จะให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ในการให้รายละเอียดความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กกต.พยายามติดต่อ เพื่อให้ดีเอสไอ ติดตามตัวนายประจวบ เข้าให้ข้อมูลภายในเดือน มิ.ย. แต่หนังสือดังกล่าวกลับส่งมาถึงดีเอสไอในเดือน ก.ค. ซึ่งยอมรับว่า ก่อนหน้านี้นายประจวบ เคยเข้าให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ แต่นานมาแล้ว และยังไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมอีก
"กระแสข่าวที่ออกมา มีความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะที่ระบุว่าดีเอสไอ ส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมพร้อมตัวนายประจวบให้ กกต. ความจริงแล้วดีเอสไอ เพียงแค่ส่งหนังสือแจ้งให้ กกต.ทราบว่า หนังสือที่ กกต.ส่งให้ดีเอสไอ ติดตามตัวนายประจวบเข้าให้ข้อมูล มีการระบุเดือนผิดพลาด ส่วนการเปิดเผยคำให้การของนายประจวบ ตามที่เป็นข่าว อาจจะเป็นคำให้การเก่าที่เคยให้การต่อดีเอสไอ ก่อนหน้านี้ " พ.ต.อ.สุชาติกล่าว และว่า หากกกต. ต้องการให้ดีเอสไอ ช่วยตามตัวนายประจวบ ดีเอสไอก็มั่นใจว่า จะได้ตัวมาสอบสวน ส่วนจะเป็นเมื่อใด ก็ขึ้นอยู่กับการประสานมาของ กกต.
"กกต.อยากให้นายประจวบ มายืนยันด้วยตัวเองกับกกต. เพื่อที่จะได้รับรองสำนวนคำให้การ ที่เคยให้ไว้กับดีเอสไอไว้ ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องการก็สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินการ ซึ่งหากนายประจวบมาให้การ กกต. คงจะมีการถ่ายวีดีโอเทปไว้เป็นหลักฐาน"
ส่วนที่ทางดีเอสไอ อ้างว่ามีการบันทึกวีดีโอคำให้การของนายประจวบ และยืนยันว่ายังมีตัวตน กกต.สามารถใช้วีดีโอ เป็นหลักฐานได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่าถ้าพูดถึงหลักฐานทางกฎหมาย สามารถใช้ได้ ในกรณีที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่หากนายประจวบยังมีชีวิตอยู่ ก็ควรจะมาให้การกับ กกต. อย่างไรก็ตาม ตนจะให้เจ้าหน้าที่ประสานขอวีดีโอคำให้การของนายประจวบ จากดีเอสไอ
สำหรับพยานบางคนที่ยังอยู่ต่างประเทศนั้น ทราบว่าทางคณะกรรมการไต่สวนก็ไม่ละทิ้งความพยายามในการติดต่อเพื่อขอให้ยืนยันคำให้การ
ทั้งนี้ กกต.จะตรวจสอบเรื่องเงินกองทุนพรรคการเมืองรวมถึงเงินบริจาค ในช่วงปี 2548 ว่าการดำเนินการ และรายงานมาให้ กกต.ถูกต้องหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าในปี 2548 จะไม่มีการกำหนดเพดานในการบริจาค แต่รายงานที่ส่งมาให้ กกต.ต้องถูกต้องตามกฎหมาย
**ดีเอสไอพร้อมตาม"ประจวบ"ให้
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ดีเอสไอ ยืนยัน ยังไม่ได้ส่งตัวนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหารบริษัทเมซไซอะฯ ให้กับ กกต. และดีเอสไอ จะไม่เป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลของคดีนี้ แต่จะให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ในการให้รายละเอียดความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กกต.พยายามติดต่อ เพื่อให้ดีเอสไอ ติดตามตัวนายประจวบ เข้าให้ข้อมูลภายในเดือน มิ.ย. แต่หนังสือดังกล่าวกลับส่งมาถึงดีเอสไอในเดือน ก.ค. ซึ่งยอมรับว่า ก่อนหน้านี้นายประจวบ เคยเข้าให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ แต่นานมาแล้ว และยังไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมอีก
"กระแสข่าวที่ออกมา มีความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะที่ระบุว่าดีเอสไอ ส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมพร้อมตัวนายประจวบให้ กกต. ความจริงแล้วดีเอสไอ เพียงแค่ส่งหนังสือแจ้งให้ กกต.ทราบว่า หนังสือที่ กกต.ส่งให้ดีเอสไอ ติดตามตัวนายประจวบเข้าให้ข้อมูล มีการระบุเดือนผิดพลาด ส่วนการเปิดเผยคำให้การของนายประจวบ ตามที่เป็นข่าว อาจจะเป็นคำให้การเก่าที่เคยให้การต่อดีเอสไอ ก่อนหน้านี้ " พ.ต.อ.สุชาติกล่าว และว่า หากกกต. ต้องการให้ดีเอสไอ ช่วยตามตัวนายประจวบ ดีเอสไอก็มั่นใจว่า จะได้ตัวมาสอบสวน ส่วนจะเป็นเมื่อใด ก็ขึ้นอยู่กับการประสานมาของ กกต.