กกต.รอสำนวนสรุปเงินบริจาคพรรค ปชป.จากดีเอสไอ ก่อนตัดสินใจรวมสำนวนเพื่อไทย พร้อมแสดงความโล่งอก ตรวจพิสูจน์เอกสารอยู่ครบ “สดศรี” ระบุหากเกี่ยวพัน “มนูญกฤต” ตามคำกล่าวอ้างของ “เป็ดเหลิม” ต้องเรียกสอบด้วย
วันนี้ (26 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมเปิดกล่องแฟ้มเอกสารเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินกองทุนพรรคพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2548 แต่ยังไม่สรุปสำนวนมาให้ กกต.ว่า กกต.ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับดีเอสไอแล้วว่า ดีเอสไอจะสรุปสำนวนให้ กกต.ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ จากนั้นกกต.จะพิจารณาว่าสำนวนดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ เพราะดีเอสไอยังไม่ได้ยื่นคำร้องเข้ามาให้กกต.สอบสวนในประเด็นใด มีแต่เอกสารเปล่าๆ ให้ กกต.ดูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ กกต.ได้รับสำนวนสรุปแล้ว ด้านกิจการพรรคการเมืองก็จะแจ้งให้ที่ประชุม กกต.ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป และประเด็นที่ กกต.จะต้องวินิจฉัย ดีเอสไอมีการสอบสวนไปแล้วมากน้อยเพียงใด
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นให้ กกต.สอบในประเด็นเดียวกันนี้ กกต.ก็จะดูว่าคำร้องที่ยื่นนั้นมีเอกสารใดบ้าง เป็นชุดเดียวกับของดีเอสไอหรือไม่ ซึ่งถ้ากกต.รับดำเนินการและเห็นว่ามีความสัมพันธ์กับสำนวนที่ดีเอสไอส่งมาก็จะรวมเป็นเรื่องเดียวกัน
“ถ้าพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้อง เข้ามาให้สอบสวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องหาหลักฐานมาให้ กกต.ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.ที่จะไปขอหลักฐานจากพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่า พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ให้ขัอมูลในเรื่องเงิน 258 ล้านบาทในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นางสดศรีกล่าวว่า แน่นอนหากพรรคเพื่อไทยมีข้อมูลเช่นนั้นก็ต้องสอบ พล.ต.มนูญกฤตด้วย แต่ต้องให้พรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องเข้ามาก่อนว่าจะให้ กกต.ดำเนินการอย่างไร
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เอกสารที่ดีเอสไอส่งมาไม่ใช่สำนวนสรุป แต่เป็นเรื่องจากการร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่มีคนไปร้องต่อดีเอสไอ ให้ตรวจสอบกรณีที่กระทำความผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อดีเอสไอเห็นว่า มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงส่งเรื่องมาให้ กกต.ดำเนินการ พร้อมกับจะเสนอสำนวนสรุปมาให้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้คณะทำงานของ กกต.จะทำการตรวจสอบเอกสาร และจะพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองและกกต.ที่จะรับไว้หรือไม่
“เรื่องดังกล่าวจะเข้าที่ประชุม กกต.เมื่อใด ก็ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของคณะทำงานเสร็จเมื่อใด แต่เอกสารมีจำนวนกว่า 3 พันหน้า ก็ต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควร ซึ่งนอกจากคณะทำงานฯจะดูว่าเอกสารมีอะไรบ้างแล้ว ก็จะดูว่าอยู่ในอำนาจการพิจารณา ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.หรือไม่ หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวบทกฎหมาย ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.รับผิดชอบอยู่ ก็จะทำเรื่องเสนอต่อ กกต.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร”
เมื่อถามว่าประธาน กกต.รู้สึกอย่างไรกับกระแสข่าวเรื่องเอกสารหายไป นายสุทธิพลกล่าวว่า ตนไม่เคยแถลงข่าวเรื่องมีเอกสารหาย แต่แถลงไปว่า ใบนำส่งจำนวนแฟ้มกับใบปะหน้ากล่องไม่ตรงกัน และเอกสารดังกล่าวก็ค่อนข้างส่งมาฉุกละหุก ไม่ได้มีการประสานเข้ามาก่อน ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อ กกต.พบว่ามันมีความผิดปกติ ก็จำเป็นที่จะต้องขอตรวจสอบ เมื่อได้รับคำยืนยันจากดีเอสไอว่าเอกสารครบถ้วนถูกต้อง กกต.ก็สบายใจขึ้น