“สดศรี” เกรงตกหลุมพรางดีเอสไอ ยื่นเอกสาร ปชป.รับเงินบริจาคพรรค ไม่กล้าเล่นเองกลัวการเมืองเล่นงาน จึงโยนเรื่องให้ กกต.สาง เตรียมเสนอนายทะเบียนพรรคการเมือง โยนเรื่องกลับดีเอสไอ ไปฟ้องศาลเอาเอง
วันนี้ (22 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีเงินบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท และเงินกองทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดีเอสไอส่งหลักฐานมาให้ กกต.ตรวจสอบ และฝ่ายค้านจะนำข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่งให้กับ กกต.ตรวจสอบเรื่องเดียวกัน ว่า ขณะนี้ต้องรอให้มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กกต.แต่หากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเดียวกัน กกต.ก็จะต้องให้รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน
“ประเด็นดังกล่าวนี้ตนเองเห็นว่า เป็นประเด็นทางการเมือง กลัวจะมีปัญหาจึงได้สั่งเจ้าหน้าที่ ในฐานะที่ตนเองกำกับดูแลอยู่ ว่า อย่าพึ่งเปิดกล่องเอกสาร เพราะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเปิด และตรวจสอบดูเอกสารในกล่อง พร้อมทั้งต้องมีตัวแทนจากดีเอสไอมาร่วมเซ็นรับรองเอกสารถูกต้องทุกใบด้วย เพราะหากเปิดมาแล้วบอกว่า เอกสารหายไประหว่างอยู่ที่ กกต.ก็จะถูกข้อครหาได้ ดังนั้น การที่จะดำเนินการอะไร เราก็ต้องทันเกมการเมืองด้วย เพราะไม่อยากให้ใครมากล่าวหาก กกต.หากทำโดยบุ่มบ่าม ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ในภายหลัง และก็จะถูกโจมตีอีก” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า สัปดาห์นี้คาดว่าเรื่องนี้น่าจะเข้า กกต.ซึ่งตนจะเสนอและขอหารือกับที่ประชุม ว่า ก่อนที่จะเปิดควรที่จะต้องคณะกรรมการขึ้นมาก่อนหรือไม่ ถ้ากกต.เปิดกล่องหลักฐานที่ดีเอสไอส่งมาให้ก่อน ก็อาจเป็นอันตรายกับ กกต.ได้ เพราะดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องเข้ามาว่า ได้ยื่นหลักฐานอะไรมาบ้าง ซึ่งถ้า กกต.เปิดกล่องหลักฐานก่อน ก็อาจมีการกล่าวหาว่า กกต.นำหลักฐานเท็จเข้ามาใส่ปะปน ซึ่งตนก็อยากจะให้ทางดีเอสไอแถลงด้วยว่า ทำไมถึงต้องส่งมาให้กกต.เพราะเหตุใด นางสดศรี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการตรวจสอบเรื่องนี้ กกต.ต้องพิจารณาก่อนว่า มีอำนาจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ เพราะคิดว่าในเมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบเรื่องนี้จน จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทำไมไม่ฟ้องศาลเสียเอง และขอให้กกต.ไปเป็นพยาน จะได้ตรวจสอบได้ในชั้นศาลซึ่งน่าจะเป็นกระบวนการเร็วกว่า ที่จะโยนเรื่องมาให้กกต.ตรวจสอบ และหากผลออกมาเป็นอย่างไร หากพรรคประชาธิปัตย์ผิดแล้ว ต้องถึงขั้นยุบพรรค ก็สามารถส่งมาให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก็ได้
“เรื่องนี้ดีเอสไอก็สอบจนเสร็จแล้ว ซึ่งก็ได้มีการสอบมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2551 แต่ทำไมถึงโยนเรื่องมาให้ กกต.เวลานี้ เพราะเรื่องเสร็จแล้วก็น่าที่จะส่งต่อไปยังอัยการให้ส่งฟ้องศาล ก็ได้ ซึ่งในเมื่อดีเอสไอ.ก็ระบุว่าเป็นความผิดทั้ง พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินการได้แล้ว แต่หากเข้าพ.ร.บ.พรรคการเมืองอย่างที่กล่าวอ้างมาหากศาลตดสินแล้วส่งมาให้ กกต.ก็น่าจะเป็นการดีกว่าให้ กกต.สอบ ในเวลานี้ เพราะ กกต.ต้องเริ่มสอบใหม่จะช้าออกไปอีก” นางสดศรี กล่าวและว่า หรือทางดีเอสไอ เห็นว่า เ ป็นประเด็นทางการเมืองจึงไม่อยากตรวจสอบเองกลัวโดนการเมืองเล่นงาน จึงได้โยนเรื่องนี้มาให้ กกต.ซึ่งตนก็จะเสนอนายทะเบียนในเรื่องนี้ด้วยว่า สมควรหรือไม่ที่เราจะรับเรื่องของดีเอสไอไว้พิจารณา เพราะเขาได้ดำเนินการสอบจนเสร็จแล้วก็น่าจะให้ดีเอสไอ ส่งฟ้องศาลพิจารณาให้เสร็จก่อนดีกว่าที่ กกต.จะมาลงมือทำเองหรือไม่