“ไข่แม้ว” ชี้นำ กกต.มาตรฐานเดียว ยุบพรรค ปชป.คดีไซฟ่อนเงิน

โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นดาบสองฟันซ้ำเงินบริจาคพรรค ปชป. มั่นใจหลักฐานชัดเจน กกต.สั่งยุบพรรคได้ทันที ปฏิเสธ “มนูญกฤต” ปล่อยข้อมูลถล่มบ้านเก่า

วันนี้ (27 มี.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานต่อ กกต. ผ่านนายอิสระ เสียงเพราะดี ผู้อำนวยการสำนักเลขานุการ กกต. เพื่อให้ กกต.ตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ปกปิดซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาทที่ได้รับจากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 23 ล้านบาท เมื่อปี 2548 แต่เงินทั้ง 2 กลุ่มจ่ายผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอนชั่น จำกัด และมีการจ่ายต่อให้บุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ โดยผ่านตัวละคร 4 กลุ่ม ตามที่ได้มีการอภิปรายในสภาแล้ว

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้มายื่นเอกสารต่อ กกต.ในช่วงแรก เพราะต้องรอให้ดีเอสไอได้ทำงานก่อน และจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่จะดำเนินการตรวจสอบ โดยเอกสารที่มายื่นเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา และเรามีข้อมูลชัดเจน ส่วนความผิดจะถึงขั้นไหน ก็ต้องฝากให้กกต.ทำหน้าที่สอบสวน ซึ่งเอกสารหลักฐานที่ยื่นนั้น เป็นเพียงบางส่วนที่มีบุคคลต่างๆ ไปเกี่ยวข้องกับการไซฟ่อนเงิน ทั้งนี้ตนไม่ขอเปิดเผยว่าหลักฐานดังกล่าวได้มาจาก พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะต้องไปถาม พล.ต.มนูญกฤต เอง

“พรรคเพื่อไทยมั่นใจในหลักฐานดังกล่าว ถ้า กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็จะสามารถดำเนินการกับกรรมการบริหารพรรคและยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ อีกทั้ง กกต.ก็เคยมีมาตรฐานในการยุบพรรคการเมือง 40 พรรคจากการไม่แจ้งการรายงานงบสนับสนุนอย่างถูกต้องแก่ กกต. ด้วย และเมื่อกกต.ได้ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบแล้วพรรคเพื่อไทยจะนำข้อมูลหลักฐานมาส่งให้เพิ่มเติม”

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า หลักฐานที่นำมายื่นต่อ กกต.มีสำเนาเช็คหลายฉบับและงบดุลของประชาธิปัตย์ที่ลงนามโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เหรัญญิกพรรคในขณะนั้น ส่วนหลักฐานอื่นๆ จะตามมาหลังจาก กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ยืนยันว่าเส้นทางการเงินที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นนั้นชัดเจน เพราะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบด้วย