“สดศรี” แจงไม่ได้จ้องเอาผิดประชาธิปัตย์ หลังเล็งสอบเงิน 258 ล้าน โยนดีเอสไอคนชงเรื่องอ้างมีข้อมูลจะส่งให้ กกต.สอบเอง ทำงอนระบุต่อไปหากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาพบเพื่อหารือข้อมูลจะให้สื่อร่วมคุยเป็นพยานด้วย ปัดตอบไม่ทราบเจตนาดีเอสไอหวังดิสเครดิต กกต.หรือไม่ ยันมติให้ใบแดง ส.ส.ปากน้ำ ประชาธิปัตย์ ย้ำหากกรรมการกฤษฎีกาเห็นต่างก็ถือเป็นอำนาจที่จะยืนมติเดิม
วันนี้ (4 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเหตุใด กกต.ถึงมาพูดเรื่องการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองผิดประเภทซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2548 รวมไปถึงกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ ตนพูดขึ้นมาเอง แต่เนื่องมาจากมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาพบจึงได้ถามและตนก็ตอบไป โดยผู้ที่มาพบ กกต.ในครั้งนั้นคือ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ แดงสุร์ศรี ตัวแทนอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งครั้งนั้นเขามาพบและแจ้งว่าดีเอสไอจะส่งข้อมูลเรื่องดังกล่าวให้ กกต. ซึ่งหากอธิบดีดีเอสไอลงนามเมื่อไหร่จะส่งเรื่องให้ กกต.ทันที ซึ่งเมื่อนักข่าวเห็นจึงนำเรื่องดังกล่าวมาถามตนและตนก็บอกไปตามข้อเท็จจริง
นางสดศรี กล่าวต่อว่า การเข้าพบครั้งนั้นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอบอกว่าจะมอบข้อมูลเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนก็ยังถามไปว่าทำไมดีเอสไอไม่ทำเรื่องนี้เองแต่ก็ได้รับแจ้งว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงเป็นหน้าที่ของ กกต. ยืนยันว่าเรื่องนี้ตนไม่ได้เป็นคนยกขึ้นมา เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่มีอคติกับพรรคใด เราพูดด้วยข้อเท็จจริง
“ขนาดดีเอสไอมาขอคนของเราไปเป็นที่ปรึกษาเรายังไม่ให้เลย เพราะ กกต.ยึดเรื่องความเป็นกลาง อีกทั้งสมัยเลือกตั้งเมื่อปี 2550 เราก็เคยโดนในกรณีคล้ายกันที่เลขาธิการฯ ไปช่วยงานเลือกตั้งกับ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ตอนนั้นเราก็โดนว่าไม่สมควรเพราะเป็นการวางตัวไม่เป็นกลาง เราไม่ต้องการให้เรื่องเงินบริจาคและเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับดีเอสไอ เราต้องพยายามไม่สัมภาษณ์ให้เป็นประเด็นทางการเมืองอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ข่าว” นางสดศรีกล่าว
นางสดศรีกล่าวต่อว่า กกต.ไม่ได้อยากรับงานจากดีเอสไอ แต่เมื่อมีการร้องเข้ามาดีเอสไอก็ถือเป็นโจทก์ เราก็ต้องรับเอาไว้และตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจของ กกต.ที่จะสอบหรือไม่ เรื่องนี้ดีเอสไอไม่ควรให้ข่าวว่า กกต.ต้องทำในเรื่องที่ดีเอสไอทำมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเรื่องนี้มีความต้องการที่จะดิสเครดิต กกต.หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ไม่ทรายว่าดีเอสไอต้องการหรือไม่ เรื่องนี้เราไม่ได้เป็นคนร้องขอ ท่านเป็นคนส่งมาเอง ท่านติดต่อประสานมาหลายครั้ง และเราก็ได้จดหลักฐานว่าแต่ละครั้งที่มาพบนั้นพูดคุยอย่างไร หากดีเอสไอไม่ส่งมาก็ดี เพราะเราก็ไม่มีหลักฐานอะไร ต้องถามว่าที่อธิบดีดีเอสไอส่งลูกน้องมานั้นมีจุดประสงค์อะไร “คราวหน้าถ้ามาจะไม่ให้พบแล้ว หรือหากจะพบก็จะให้สื่อเข้าไปดูด้วยว่าพูดอะไรกัน” นางสดศรีกล่าว
อย่างไรก็ตาม นางสดศรีได้เปิดเผยว่า ขณะที่พูดคุยนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้แจ้งว่าจากเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับไป 23 ล้านบาทนั้น เป็นการใช้จริงตามจุดประสงค์เพียง 1 ล้านบาทเศษเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นเป็นการใช้ในการอื่นที่ไม่เป็นไปตามที่แจ้งมา
นางสดศรีกล่าวอีกว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ กกต.จะไปชี้แจงกรณีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรปราการ ต่อคณะกรรมการตรวจสอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งแม้ว่าคณะกรรมการตรวจสอบชุดดังกล่าวจะไม่เห็นด้วย แต่ กกต.ก็มีอำนาจที่จะยืนยันมติเดิม และยืนยันว่า กกต.พิจารณาเรื่องดีแล้ว โดยไม่มีอคติกับพรรคการเมืองใด ทุกวันนี้ เราก็ระวังตัว หากไม่มีหลักฐานจริงๆ คงไม่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง