“สดศรี” พร้อมตรวจสอบ หากมีผู้ยื่นข้อมูลโอนเงิน “แมซไซอะ” ให้คน ปชป.พร้อมสอบต่อนำไปใช้เลือกตั้งหรือไม่ หากพบผิดจริง ถึงขั้นยุบพรรค แต่บัญชีเปิดเผยของ ปชป.ยังไม่พบความผิดปกติ นอกจากปี 48 มีการจ่ายเงินค่าจ้างประชาสัมพันธ์ แต่ไม่เห็นสัญญาจ้าง แนะ “เพื่อไทย” หากมีข้อมูลส่งมา
วันนี้ (20 ก.พ.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่าบริษัท ทีพีไอ บริจาคเงิน 250 ล้านให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ในส่วนข้อมูลของ กกต.พบว่า ตั้งแต่ปี 41-50 กองทุนพัฒนาพรรคการเมืองได้สนับสนุนเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 800 กว่าล้านบาท โดยในส่วนของปี 48 ที่กำลังเป็นปัญหาขณะนี้ กกต.สนับสนุนไป 38 ล้านบาท และพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แสดงรายการการใช้จ่ายอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เห็นว่าข่าวการบริจาคเงิน 250 ล้านบาท ในช่วงปี 2547-2548 นั้น มีปัญหาต้องการให้ กกต.ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองก็สามารถยื่นเรื่องมาให้ กกต.ตรวจสอบได้ เพราะในช่วงปี 48 นั้นการตรวจสอบงบการเงินของพรรคการเมือง กกต.ยังให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ แต่ขณะนี้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนดให้ 4 หน่วยงานประกอบด้วย สรรพากร สตง. กรมบัญชีกลาง ปปง. เข้ามาช่วยตรวจสอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีข้อมูลว่ามีการโอนเงินให้กับบุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ หากมีการยื่นเรื่องมาให้ กกต.ตรวจสอบก็คิดว่าสามารถตรวจสอบได้ เพราะตามกฎหมายกำหนดให้ กกต.มีหน้าที่ในการตรวจสอบทั้งงบดุล และงบการเงิน ซึ่งก็ต้องดูว่าเงินนั้นโอนมาจากใคร และถูกใช้ไปในการทำเรื่องอะไร เช่นถ้าหากใช้ในเรื่องของการเลือกตั้ง ก็ต้องไปดูว่าที่ กกต.กำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายให้กับ ส.ส.นั้น เงินดังกล่าวที่อ้างว่ามีการโอนมานั้นมีการนำไปสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับ ส.ส.หรือไม่ และมีการแสดงบัญชีค่าใช้จ่ายต่อ กกต.หรือไม่
“ถ้ามีการร้องเรียนเข้ามาว่าบริษัท แมซไซอะ เป็นบริษัทเฉพาะกิจตั้งขึ้นมาเพื่อผ่านเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับงานประชาสัมพันธ์จริงก็คงต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเพราะเท่าที่ทราบบริษัทนี้ได้ปิดตัวไปแล้ว แต่ขณะนี้ที่ กกต.มีข้อมูลคือพรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้เงินกองทุนเมื่อปี 48 ไปจ้างบริษัท แมซไซอะ ทำประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็ต้องดูเหมือนกันว่ามีการใช้เงินนั้นไปทำประชาสัมพันธ์จริงหรือไม่ เพราะจากข้อมูลที่ กกต.ให้กับดีเอสไอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสำเนาเช็คของพรรคประชาธิปัตย์สั่งจ่ายให้บริษัท แมซไซอะ แต่ยังไม่เห็นสัญญาว่าจ้าง โดยทางดีเอสไอเองก็สามารถนำหลักฐานมายื่นให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวได้” นางสดศรี กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีสำเนาแฟกซ์เป็นหลักฐานการโอนเงินเข้าบุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ส่งไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นางสดศรี กล่าวว่า กกต.คงต้องขอหลักฐานไปยังพรรคเพื่อไทยตามที่มีการอ้าง แต่จากที่ กกต.ตรวจสอบการแสดงบัญชีการเงินอย่างเปิดเผยของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พบความผิดปกติ
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าว หากการตรวจสอบแล้วพบหลักฐานที่สามารถโยงให้เห็นว่า เงินบริษัทแมซไซอะโอนไปยังบุคคลใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ถูกนำไปใช้ในการสู้ศึกเลือกตั้ง และพิสูจน์ได้ว่าเงินที่พรรคใช้จ่ายในการเลือกตั้งนั้นเกินกว่าที่ กกต.กำหนด ก็อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาว่ากระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ประกอบมาตรา 94, 95, 96 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคได้