แฉบิ๊ก บช.น.กั้ก"ธานี"ตัดตอน พ.อ.(ส)โทร.หาบิ๊ก ป.

ASTVผู้จัดการรายวัน - ถอดรหัสตำรวจเกียร์ว่างคดีลอบยิง "สนธิ" แฉข้อมูลสำคัญที่จะคลี่คลายคดีไปถึงตัวบงการถูกตัดตอนอยู่ที่ บชน. เป็นสัญญานโทรฯ ติดต่อกันระหว่าง “พ.อ.(ส)” หัวหน้าทีมชุดสังหารกับ “พล.อ.ป” บิ๊กมีสี! ขณะที่ “ธานี” มั่นใจตามจับได้แน่ 2 ผู้ต้องหาตัวสำคัญ

วานนี้ (23 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตอนนี้ยังไม่ออกหมายจับใครเพิ่ม พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเร่งทำงาน แต่ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาว่าจะออกได้เมื่อใด ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้อยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัวอยู่ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะได้ตัว แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าหลบหนีอยู่ในพื้นที่ใด และการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองก็ไม่ได้มีปัญหากับผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหา โดยฝ่ายทหารให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี

พล.ต.อ.ธานี กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้าคดีของนายสนธิ เป็นลายลักษณ์อักษรทุก 15 วัน

“ไม่อย่างนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท จะกำชับเร่งรัดคดีได้อย่างไร ไม่ได้รายงานตรงต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนเดียว ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการต่ออายุราชการให้ผมในการทำคดีนี้ต่อนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบ”

**สว.ตบเท้าให้กำลังใจ"ธานี"

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สนธยา แสวงเภา สมาชิกวุฒิสภาสรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการบริหารมวลชนสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อความมั่นคงและการบริหารงบประมาณ ในคณะกรรมมาธิการวุฒิสภา เดินทางมามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ พล.ต.อ.ธานี และคณะทำงานคลี่คลายคดีลอบฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯเพื่อเป็นกำลังใจการทำงานในฐานะที่เป็นตำรวจที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ทำงานเพื่อประชาชน ยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง

**แฉบิ๊ก บชน.ตัดตอนข้อมูล พ.อ.(ส.)โทรหาบิ๊ก ป.

วันเดียวกันนี้มีรายงานข่าวคืบหน้าหลังจากพล.ต.อ.ธานีเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเมื่อวันพุธ(22ก.ค.)ที่ผ่านมาโดยพล.ต.อ.ธานี ได้กล่าวรายงานถึงอุปสรรคสำคัญ ว่า ทีมทำงานคดีนี้หลายคนเพิกเฉยไม่ทำงาน หรือ ใส่เกียร์ว่าง พบว่า ข้อมูลและหลักฐานสำคัญที่จะสามารถคลี่คลายคดีถูกตัดตอนหรือคัดออกจากสำนวนในขั้นตอนของการสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลโดยมีนายตำรวจระดับสูงรู้เห็นโดยที่ไม่ได้รายงานให้รอง ผบ.ตร.ทราบ

หลักฐานดังกล่าวคือข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของทีมปฎิบัติลอบสังหารนายสนธิ ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าพนักงานตรวจสอบพบว่า มีการซื้อซิมการ์ดเฉพาะกิจเพื่อใช้ในงานนี้เฉพาะ 6-7 หมายเลขที่ร้านค้าหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯแล้วแจกจ่ายให้ทีมสังหารใช้ติดต่อสื่อสารกันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ พ.อ.(ส)

จากนั้นทีมสังหารก็ใช้ช่องทางนี้เป็นการติดต่อสื่อสารประสานงานกันตลอดเวลา กระทั่งเสร็จงานปรากฏว่า มีการใช้โทรศัพท์หมายเลขที่ 8 จากพ.อ.(ส.) ถึง “พล.อ. ป” (อ่าน “ปริศนาโทรฯหมายเลข 8 โยง “คนสั่งฆ่าสนธิ” เพิ่มเติมได้ในคอลัมน์เรื่องมันฟ้อง) เป็นเวลาประมาณ 40 วินาที ซึ่งถือเป็นการพูดคุยสั้นๆ โดยเบื้องต้นทีมสอบสวนคาดว่าเป็นการแจ้งข่าวให้ทราบถึงการลงมือปฎิบัติการของทีมสังหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลตรงนี้ถือว่าสำคัญมากเพราะจะทำให้ทีมสอบสวนสามารถขยายผลสาวไปถึงตัวผู้บงการใหญ่มาก แต่นายตำรวจระดับสูงของบชน.ล่วงรู้ก่อนและเห็นว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึง “พล.อ.ป.”ได้จึงตัดตอนคัดข้อมูลตรงนี้ออกมาไม่ให้ พล.ต.อ.ธานีรับทราบ

“จุดนี้สำคัญมาก เป็นจุดเชื่อมโยงจาก พ.อ.(ส)ที่รับคำสั่งฆ่าจากใครบางคนมา แล้วพองานเสร็จก็โทรฯไปหาคนนั้นคนนี้เพื่อรายงานผล ดังที่ทราบเป็นข่าวออกมาก่อนนี้ว่าเขาโทรฯไปดูไบ โทรหาพ.ต.อ.(ท) เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารด้วยกัน รวมถึงโทรหาคนคนนี้ บิ๊ก ป. ซึ่ง หากหาหลักฐานมาเพิ่มเติมได้จะเป็นการขุดรากถอนตอครั้งใหญ่” รายงานข่าวระบุ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ(22ก.ค.)ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธานี ได้เข้าพบนายกฯ และเป็นอีกครั้งที่มีรายงานข่าวว่า รองผบ.ตร.รายงานถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำคดีนายสนธิ แต่ครั้งนี้ได้มีการยื่นบัญชีรายชื่อนายตำรวจชุดคลี่คลายคดีหลายคนไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผบก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.ขิง แชวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม ผกก.สส.บก.น. 1-9 ผกก.ศส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เกียร์ว่างไม่เดินหน้าทำงาน จนทำให้การสะสางคดีเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่ง พล.ต.อ.ธานี ระบุว่าหากการสะสางคดีเป็นลักษณะอย่างนี้ไม่แน่ว่าก่อนเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน จะสามารถสรุปคดีได้หรือไม่

ทั้งนี้เนื่องมาจากขณะนี้ใกล้ช่วงแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ซึ่งอำนาจในการโยกย้ายอยู่ในมือของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ซึ่งทีมคลี่คลายคดีส่วนใหญ่หวั่นเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีและถูกลดชั้น.