xs
xsm
sm
md
lg

แผนมหาดไทยเด้งผู้ว่าฯภูมิใจไทยจัดทัพเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เปิดเบื้องหลังย้ายผู้ว่าฯ 7 ตำแหน่ง พรรคภูมิใจไทยวางฐานเพื่อการเลือกตั้งเกือบหมด เผยสุรพล ล็อบบี้สุดฤทธิ์ ผ่าน เสนาะ ไปยัง เนวิน หลังรู้ตัวถูกเด้งพ้นชลบุรีแน่เพื่อสังเวยแก๊งเสื้อแดง ล้มอาเซียนซัมมิต-ทุบรถนายกฯ จนสามารถผ่อนหนักเป็นเบา ไม่ต้องเข้ากรุแค่ลดชั้นไปนั่งผู้ว่าฯฉะะเชิงเทรา ขณะที่ เนวิน จับมือ ลูกกำนันเป๊าะ ส่งเด็กในคาถาคุมเมืองชลแทน หวังล้ม ส.ส.ปชป.สมัยหน้า เช่นเดียวกับศรีสะเกษ ที่ส่งคนในคอนโทรน เข้าไปเป็นพ่อเมืองจนถูกวิจารณ์แซดเพราะข้ามหัวรุ่นพี่อื่อ ส่วนพื้นที่สีแดง จ.น่านและแพร่ ถูกเด้งประเดิมล็อตแรก พรรคภูมิใจไทยส่งคนสายของตัวเองเข้าไปกรุยทางเพื่อลงเลือกตั้งจ.น่าน ปล่อย จ.แพร่ ให้ ปชป.ส่งคนเข้าไปเพียงจังหวัดเดียว อภิสิทธิ์ โบ้ยมหาเดไทยชี้แจงการย้ายผู้ว่าฯเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 พ.ค.) นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทย ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นต้นไป ส่วนตำแหน่งลำดับที่ 6 และ 7 ให้นำความกราบบังคมทูลภายหลังจาก ก.พ.อนุมัติให้ผ่านการประเมินบุคคลและผลงาน
โดยบัญชีรายชื่อการโยกย้ายครั้งนี้ประกอบด้วย 1.นายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน 2.นายสุรพล พงษ์ทัดสิริกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
3.นายเสนีย์ จิตตเกษม พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 4.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการปกครอง 5.นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ 6.ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย 7.นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้รายชื่อที่น่าสนใจคือ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯศรีษะเกษ ที่จะไปเป็นผู้ว่าฯชลบุรี เป็นชาวจังหวัดชลบุรี สำเร็จการศึกษารัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สิงห์ดำ) เกษียณราชการในปี 2557 เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันกับนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

เด้ง'สุรพล'สังเวยเสื้อแดงล้มถกอาเซียน

ส่วน นายสุรพล พงษ์ทัดสิริกุล ผู้ว่าฯชลบุรี ที่ถูกย้ายลดชั้นไปเป็นผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สิงห์แดง เกษียณราชการปี 2555 ในอดีตเคยเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯอำนาจเจริญ และผู้ว่าฯสระแก้ว ก่อนจะไปเป็นผู้ว่าฯชลบุรี และล่าสุดถูกลดชั้นไปเป็นผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา เพราะฝ่ายการเมืองทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจการปฏิบัติงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ จนทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าประชิดถึงรถยนต์ประจำตำแหน่งและเกือบถึงตัวนายอภิสิทธิ์หลังการประชุมครม.สัญจรที่พัทยาเมื่อต้นเดือนเมษายน กลางเมืองพัทยาจนเกือบเสียชีวิต
และต่อมา นายสุรพลยังทำผิดพลาดในการประสานงานกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองในการควบคุมดูแลสถานการณ์ในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิตจนทำให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปถึงโรงแรมสถานที่จัดงานและต้องยกเลิกการประชุมไปในที่สุด จนทำให้แกนนำรัฐบาลเรียกนายสุรพลไปตำหนิหลายครั้ง เพื่อส่งสัญญาณการย้ายออกจากพื้นที่ เพราะก่อนหน้านี้นายสุเทพ ในฐานะประธานก.ตร.ได้สั่งการให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.สั่งย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และผู้บังคับการจังหวัดชลบุรีไปแล้ว หากไม่ดำเนินการใดๆ กับนายสุรพลจะถือว่า เลือกปฏิบัติและทำให้ผู้ว่าฯหลายคนไม่สนใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง

ล็อบบี้'ชวรัตน์-เนวิน'จนไม่ต้องเข้ากรุ

เรื่องนี้นายสุรพลก็รู้ตัวดีมาตลอด จึงได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการเอาใจนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย น้องชาย นายเนวิน เป็นอย่างดีช่วงที่ทั้งสองคนลงไปตรวจราชการ ที่ จ.ชลบุรีเ มื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะการเมืองขึ้นบัญชีดำ นายสุรพลไว้เรียบร้อยแล้วว่าต้องจัดการให้เป็นเยี่ยงอย่าง แถมแกนนำรัฐบา ก็ไม่ไว้ใจนายสุรพล เพราะเป็นที่รู้กันดีว่านายสุรพลไปมาหาสู่บ้านเมืองทองธานี ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชเป็นประจำเพราะบ้านห่างกันไม่กี่เมตรทำให้การเมือง คิดว่านายสุรพลเกียร์ว่าง เพราะเป็นคนของขั้วพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาราช
ผสมกับได้จังหวะที่นายเนวินต้องการผลักดันนายเสนีย์ จิตต์เกษม ผู้ว่าฯ ศรีษะเกษ ที่เป็นสายตรงย้ายมาคุมพื้นที่ชลบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดเกรดเอที่มีผลประโยชน์มหาศาล ตามคำร้องขอของ นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต ส.ส.ชลบุรี เพื่อนรักกลุ่ม 16 และการเลือกตั้งครั้งหน้าจะนำนักการเมืองในสังกัดเข้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมากลุ่มนายสนธยา สอบตกยกจังหวัด พ่ายแพ้ต่อผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้นายสนธยาและนายเนวินตัองส่งผู้ว่าฯซึ่งเป็นคนของตัวเองเข้ามาคุมจ.ชลบุรี เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
อย่างไรก็ตามแม้จะมีใบสั่งจากการเมืองให้ย้าย แต่นายสุรพลก็ยังสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยการล็อบบี้ผ่านนายเสนาะ ไปยังนายเนวิน ซึ่งมีความใกล้ชิดกัน ไม่ให้ถูกส่งเข้ากรุมหาดไทย ที่สุดจึงได้ย้ายลดชั้นจากผู้ว่าฯชลบุรี ที่เป็นจังหวัดใหญ่ ลงมาเป็นผู้ว่าฯฉะเชิงเทราที่เล็กกว่า

ล้างบางผู้ว่าฯพื้นที่สีแดงล็อตแรก

การย้ายนอกฤดูกาลครั้งนี้ถือเป็นการย้ายผู้ว่าฯ ล้างบางพื้นที่สีแดงล็อตแรก โดยกลุ่มแรกที่โดนคือ ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช สิงห์แดง ที่ถูกเด้งจากผู้ว่าฯแพร่ เข้ากรุไปเป็นนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นการลดชั้นแบบไม่ไว้หน้าและเป็นที่รู้กันดีว่านี่คือตำแหน่งลงโทษที่รุนแรงมาก เพราะขนาดเงินค่าตำแหน่งยังไม่มี เพราะ ฝ่ายการเมืองเห็นว่า ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ เป็นคนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีแดง โดยขยับจากรองผู้ว่าฯประจวบคิรีขันธ์ ในเป็น ผู้ว่าฯแพร่ ในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ภายใต้การผลักดันของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ อดีต รมว.วัฒนธรรม ที่ขณะนี้สังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ จ.แพร่มีการแข่งขันทางการเมืองสูงและรุนแรง ระหว่างคนในตระกูล เอื้ออภิญญากุล กับ แม่เลี้ยงติ๊ก นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข อดีต ส.ส.แพร่ หลายสมัยพรรคประชาธิปัตย์
นางศิริวรรณถือเป็นสายตรงนายสุเทพ เทือกสุวรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อปูทางให้นางศิริวรรณ จึงเด้งว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ออกจากพื้นที่แล้วดันนายวัลลภ พริ้งพงษ์ จากรองอธิบดีกรมส่งเสริมฯ ซึ่งมีอาวุโสและเป็นคนละขั้วกับนายสุกิจ เจริญรัตนกุล อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมฯที่ถูกพรรคภูมิใจไทยเด้งไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่สนองตอบเรื่องการจัดสรรงบพัฒนาท้องถิ่นแสนกว่าล้านได้ จึงทำให้ แกนนำพรรคภูมิใจไทยต้องการผลักดันนายวัลลภไปนั่งเป็นผู้ว่าฯแพร่ ตามคำร้องขอจากนายสุเทพและนางศิริวรรณ

เนวินส่งวีระวิทย์ไปวางฐานที่น่าน

ส่วน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯน่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเช่นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยหลายสมัย ซึ่งที่ผ่านมาจ.น่านมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้งที่หน้าศาลากลางรวมถึงมีปัญหาเรื่องวิทยุชุมชนในจังหวัด ซึ่งฝ่ายปกครอง ไม่สามารถจัดการควบคุมได้ทำให้เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการปลุกระดมให้มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในจังหวัดน่านและพื้นที่ใกล้เคียงในภาคเหนือ และเป็นที่รู้กันดีว่าในบรรดาคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลก็มีเสื้อแดงจากจ.น่านเข้ามาจำนวนมากโดยทางจังหวัดไม่ได้มีการกวดขันสกัดกั้นเท่าที่ควร
สำหรับนายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช ที่ย้ายจากผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ไปเป็นผู้ว่าฯน่าน เป็นที่รู้กันดีว่าสนิทกับนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย ซึ่งการย้ายครั้งนี้เป็นเพราะพรรคภูมิใจไทยเห็นว่านายวีระวิทย์จะเกษียณอายุราชการในปี 2553 แล้วแต่เห็นว่าพื้นที่ฉะเชิงเทราไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ เพราะเป็นจังหวัดทางผ่าน เมื่อเทียบกับจังหวัดน่านซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงและท้าทายกว่า ในการแสดงฝีมือให้ฝ่ายการเมืองเห็นเพื่ออนาคตอาจจะกลับมาเล่นการเมืองด้วยการ ลงสมัครส.ส.ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยจึงไม่ขัดข้องในการปรับเปลี่ยนไปอยู่จังหวัดน่าน

ดัน'ระพี'ขึ้นชั้นผู้ว่าฯสร้างฐานในมท.

ส่วนนายระพี ผ่องบุพกิจ รอง ผวจ.อุทัยธานี สิงห์แดง ที่ได้รับการโปรโมตให้ขยับจากระดับ 9 มาเป็นระดับ 10 เป็นผู้ว่าฯศรีษะเกษ ถือเป็นการเลื่อนชั้นที่สูงมาก เพราะเป็นจังหวัดใหญ่ และเป็นพื้นที่เลือกตั้งหลักของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีการแข่งกันกันอย่างรุนแรงกับพรรคเพื่อไทย
นายระพี ถือเป็นสายตรง นายศักด์สยาม ชิดชอบ ที่มีส่วนในการจัดทำโผบัญชีโยกย้ายล็อตนี้ และผลักดันให้ไปเป็นผู้ว่าฯศรีษะเกษ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ของข้าราชการมหาดไทยว่าเป็นการโยกย้ายที่ไม่เหมาะสม ข้ามหัวข้าราชการที่อาวุโสจำนวนมาก ทำให้มองกันว่าฝ่ายการเมืองกำลังเข้ามาครอบงำกระทรวงมหาดไทยเต็มรูปแบบแล้ว โดยเฉพาะการผลักดันนายระพี จากรองผู้ว่าฯจังหวัดเล็ก ไปเป็นผู้ว่าฯจังหวัดที่ใหญ่ และยังมีอายุราชการอีกหลายปี โดยจะเกษียณในปี 2563 เท่ากับเป็นการวางฐานอำนาจระยะยาวไว้ในกระทรวงมหาดไทย

นายกฯโยนมหาดไทยชี้แจง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการย้ายผู้ว่าฯกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ชี้แจงเพราะเป็นคนเสนอเข้ามา เมื่อถามว่า ผู้ว่าฯในจังหวัดที่ถูกย้าย ส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาการจัดการมวลชนในพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้แจ่งต่อที่ประชุมครม.ว่าเป็นการทำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คงไม่เจาะจงเป็นรายบุคคล
ด้าน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานมอบนโยบายผู้ว่าฯทั่วประเทศตอนหนึ่งว่า แม้บ้านเมืองจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง แต่ผู้ว่าฯยังเป็นสถาบันหลักของการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ นอกจากนี้ การทำงานกับการเมือง ผู้ว่าฯหลายคนบ่นอึดอัดใจ เพราะการเมืองเปลี่ยนขั้ว ทำตัวไม่ถูกเลยใส่เกียร์ว่าง บางคนใส่เกียร์ถอย อย่างนี้ทำไม่ถูก อาจเป็นเพราะผู้ว่าราชการเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองมาแต่แรก พอการเมืองเปลี่ยน จึงหวาดระแวง หรือเรียกว่ากลัวเงาตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น