ASTVผู้จัดการรายวัน – นกแอร์สายการบินโลว์คอสต์หนีตาย จับมือ บริษัทแม่ “การบินไทย” กำหนดแผนการตลาด 4 ช่องทางเสริมแกร่ง หวังดันตัวเองขึ้นแท่นสายการบินโลว์คอสต์ระดับประเทศ พร้อม ประกาศเปิดศึกสงครามราคา ด้าน บอร์ดการบินไทยตั้งคณะทำงานติดตามและกำกับแผนฟื้นฟู หลังปัจจัยเสี่ยงเพิ่มทั้งราคาน้ำมันเพิ่มและผู้โดยสารเอเชียหด ตั้งเป้าปี 52ต้องมีกำไร แม้ 6 เดือนแรก จำนวนผู้โดยสารต่ำกว่าเป้า 70% ตั้ง 6เดือนหลังต้องไม่ต่ำกว่า 72 % ทีมทำงานพาณิชย์ ปฏิบัติการประสาน ลดโหลดน้ำมันเล็งประหยัดกว่า 200 ล้านบาท
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยแผนธุรกิจว่า ขณะนี้อย่าระหว่างการหารือกับการบินไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของนกแอร์ เพื่อกำหนดแผนการตลาดร่วมกัน ใน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ แผนตารางบิน เครือข่ายการบิน ช่องทางการจัดจำหน่าย และ รอยัลตี้โรปแกรม หรือโปรแกรมสำหรับรักษาฐานลูกค้า คาดว่าในอีก 1-2 เดือนจะสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการ
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงระบบไอที เพื่อเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน
“แม้นกแอร์จะเป็นบริษัทลูกของการบินไทย แต่แยกกันทำงานมาโดยตลอด ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่นกแอร์และการบินไทยซึ่งเป็นบริษัทแม่ จะต้องผนึกการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการบิน ให้แก่ทั้งสองสายการบิน รองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป โดยจะเป็นรูปแบบจัดแคมเปญร่วมกัน และการให้บริการแบบถาวรและสามารถยกระดับแบรนด์นกแอร์ให้เป็นโลว์คอสต์ระดับประเทศได้”
เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี นกแอร์ บริษัทได้จัดสรรงบการตลาดไว้ประมาณไว้ 50 ล้านบาท ใช้ไปแล้วเพียง 3-4 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้ในครึ่งปีหลังนี้ โดยมีแผนจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ ทั้งการออกแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างน้อย 2-3 ราย การ ต่อเนื่องถึงสิ้นปี และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยจะเน้นเรื่องการทำกลยุทธ์ราคามาใช้เป็นจุดขายสำคัญ
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ“เซอร์ไพรส์ ปาร์ตี้” เปิดจำหน่ายตั๋วโดยสารราคา 888 บาท ทุกเส้นทางบินของนกแอร์ โดยราคาดังกล่าวจะรวมค่าธรรมเนียมทุกประเภทไว้หมดแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ค.2552 นี้ ลูกค้าใช้บริการได้ตั้งแต่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.ศกนี้ ซึ่งตั้งแต่เปิดแคมเปญได้ 2 วัน มีผู้จองแล้วเกือบ 10,000 คน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 3,000
ทุกแคมเปญมุ่งหวังเพิ่มจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวให้มีจำนวนมากขึ้น จากครึ่งปีแรก อัตราบรรทุกผู้โดยสาร(โหลดแฟกเตอร์) ต่อเที่ยวเฉลี่ยลดลง 5-10% ส่วนปัจจุบันโหลดแฟกเตอร์อยู่ที่ 70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่พอใจในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจและการเมือง ไทยเป็นเช่นนี้ แถมยังมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีกด้วย สำหรับเดือน ต.ค.นี้ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียน
คาดว่าจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้น และมีโหลดแฟกเตอร์เพิ่มเป็น 85%
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังที่เหลือ ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวจะเริ่มดีขึ้น เพราะเชื่อว่า ผู้คนยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน แต่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณของตัวเองที่มีอยู่ ซึ่งหากมองในแง่นี้ก็เท่ากับเป็นโอกาสของสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ที่จะได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับรายได้ของนกแอร์ 7 เดือนแรกปีนี้ ผลประกอบการมีกำไรแล้ว 160 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมีผลกำไรที่ 200 ล้านบาท ซึ่งต่างจากปีก่อนที่ทั้งปีขาดทุนถึง 200 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณษเพิ่มเส้นทางการบิน โดยจะเลือก 1 ใน 3 เส้นทาง คือ เชียง อุบลราชธานี และ สุราษฎร์ธานี พิจารณาจากดีมานด์เป็นหลัก
***บินไทยตั้งกรรมการตามแผน
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังการประชุมวานนี้ (23 ก.ค.) ว่า อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ใน6 เดือนแรกปี52 ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 70 % ดังนั้นในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ จึงต้องเร่งโปรโมชั่น โดยตั้งเป้า Cabin Factor ไม่ต่ำกว่า 72 % และในช่วง 6
เดือนหลังยังมี 2 ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น คือ จำนวนผู้โดยสาร จีนและ ญี่ปุ่น ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์และราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจาก 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็น 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยัตั้งเป้าหมายในการมีกำไรในปีนี้
ดังนั้นบอร์ดจึงตั้งคณะทำงานขึ้น 4 ชุด 1.คณะทำงานที่มีเรืออากาศโทนรหัส พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฎิบัติการเป็นประธาน เพื่อกำกับดูแลแผน เช่น ดูแลติดตามเรื่องค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Surcharge) ประสานงานกับฝ่ายพาณิชย์ คาร์โก้ และปฎิบัติการ ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบิน น้ำหนักบรรทุกรวมถึงน้ำหนัก คาร์โก้
เพื่อวางแผนในการโหลดน้ำมันได้เหมาะสมไม่ให้เกิดการสิ้นเปลือง ซึ่งตั้งเป้าประหยัดน้ำมันในครึ่งปีหลังได้1-2 % หรือกว่า 200 ล้านบาท จากปริมาณน้ำมันที่บริษัทใช้ทั้งปี 4-5 หมื่นล้านบาท
2.คณะทำงานมีนายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่โครงการสุวรรณภูมิ ดูแลระบบและติดตามแผนลดรายจ่ายเพิ่มรายได้อย่างใกล้ชิดและจัดส่งข้อมูลพร้อมวิเคราะห์ให้บอร์ดและผู้บริหารทางอีเมลำทุกวันอังคาร 3. ตั้งนายอมรศักดิ์ นพรัมภา กรรมการบริษัทเป็นประธานจัดโครงสร้างบุคลากรฝ่ายกลยุทธ์ (DY) และฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้า (DA) โดยไม่เพิ่ม
ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) ภายใน 1 เดือน และ4. ตั้งนายกวีพันธ์ เรืองผกา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประจำสำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นหัวหน้าทีในการปรับงบเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดการบูรณการและเชื่อมกันของทุกฝ่าย
นายอำพนกล่าวว่า บริษัทแอร์บัส ยืนยันเลื่อนส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ เป็นธ.ค.2555 จากเดิมที่แอร์บัสของเลื่อนส่งมอบ ธ.ค. 53 โดยไม่สามารถยกเลิกได้ ซึ่งฝ่ายการตลาด ปฏิบัติการ และพาณิชย์ จะต้องร่วมกันออกแบบตลาดที่จะรองรับเครื่องบิน A380 ซึ่งจะดูในเส้นทาง ลอนดอน ปารีส แฟรงเฟริต์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีอนาคตและสอดคล้องกับการนำเครื่องโบอิ้ง 747 ออกจากฝูงในปี 2555
พอดี
นอกจากนี้ บอร์ดได้เชิญนายปิยสวัสดิ์ อัมรนันทน์ ว่าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มาร่วมรับฟัง แผนธุรกิจของบริษัทก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยแผนธุรกิจว่า ขณะนี้อย่าระหว่างการหารือกับการบินไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของนกแอร์ เพื่อกำหนดแผนการตลาดร่วมกัน ใน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ แผนตารางบิน เครือข่ายการบิน ช่องทางการจัดจำหน่าย และ รอยัลตี้โรปแกรม หรือโปรแกรมสำหรับรักษาฐานลูกค้า คาดว่าในอีก 1-2 เดือนจะสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการ
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงระบบไอที เพื่อเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน
“แม้นกแอร์จะเป็นบริษัทลูกของการบินไทย แต่แยกกันทำงานมาโดยตลอด ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่นกแอร์และการบินไทยซึ่งเป็นบริษัทแม่ จะต้องผนึกการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการบิน ให้แก่ทั้งสองสายการบิน รองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป โดยจะเป็นรูปแบบจัดแคมเปญร่วมกัน และการให้บริการแบบถาวรและสามารถยกระดับแบรนด์นกแอร์ให้เป็นโลว์คอสต์ระดับประเทศได้”
เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี นกแอร์ บริษัทได้จัดสรรงบการตลาดไว้ประมาณไว้ 50 ล้านบาท ใช้ไปแล้วเพียง 3-4 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้ในครึ่งปีหลังนี้ โดยมีแผนจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ ทั้งการออกแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างน้อย 2-3 ราย การ ต่อเนื่องถึงสิ้นปี และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยจะเน้นเรื่องการทำกลยุทธ์ราคามาใช้เป็นจุดขายสำคัญ
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ“เซอร์ไพรส์ ปาร์ตี้” เปิดจำหน่ายตั๋วโดยสารราคา 888 บาท ทุกเส้นทางบินของนกแอร์ โดยราคาดังกล่าวจะรวมค่าธรรมเนียมทุกประเภทไว้หมดแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ค.2552 นี้ ลูกค้าใช้บริการได้ตั้งแต่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.ศกนี้ ซึ่งตั้งแต่เปิดแคมเปญได้ 2 วัน มีผู้จองแล้วเกือบ 10,000 คน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 3,000
ทุกแคมเปญมุ่งหวังเพิ่มจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวให้มีจำนวนมากขึ้น จากครึ่งปีแรก อัตราบรรทุกผู้โดยสาร(โหลดแฟกเตอร์) ต่อเที่ยวเฉลี่ยลดลง 5-10% ส่วนปัจจุบันโหลดแฟกเตอร์อยู่ที่ 70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่พอใจในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจและการเมือง ไทยเป็นเช่นนี้ แถมยังมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีกด้วย สำหรับเดือน ต.ค.นี้ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียน
คาดว่าจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้น และมีโหลดแฟกเตอร์เพิ่มเป็น 85%
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังที่เหลือ ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวจะเริ่มดีขึ้น เพราะเชื่อว่า ผู้คนยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน แต่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณของตัวเองที่มีอยู่ ซึ่งหากมองในแง่นี้ก็เท่ากับเป็นโอกาสของสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ที่จะได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับรายได้ของนกแอร์ 7 เดือนแรกปีนี้ ผลประกอบการมีกำไรแล้ว 160 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมีผลกำไรที่ 200 ล้านบาท ซึ่งต่างจากปีก่อนที่ทั้งปีขาดทุนถึง 200 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณษเพิ่มเส้นทางการบิน โดยจะเลือก 1 ใน 3 เส้นทาง คือ เชียง อุบลราชธานี และ สุราษฎร์ธานี พิจารณาจากดีมานด์เป็นหลัก
***บินไทยตั้งกรรมการตามแผน
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังการประชุมวานนี้ (23 ก.ค.) ว่า อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ใน6 เดือนแรกปี52 ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 70 % ดังนั้นในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ จึงต้องเร่งโปรโมชั่น โดยตั้งเป้า Cabin Factor ไม่ต่ำกว่า 72 % และในช่วง 6
เดือนหลังยังมี 2 ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น คือ จำนวนผู้โดยสาร จีนและ ญี่ปุ่น ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์และราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจาก 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็น 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยัตั้งเป้าหมายในการมีกำไรในปีนี้
ดังนั้นบอร์ดจึงตั้งคณะทำงานขึ้น 4 ชุด 1.คณะทำงานที่มีเรืออากาศโทนรหัส พลอยใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฎิบัติการเป็นประธาน เพื่อกำกับดูแลแผน เช่น ดูแลติดตามเรื่องค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Surcharge) ประสานงานกับฝ่ายพาณิชย์ คาร์โก้ และปฎิบัติการ ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบิน น้ำหนักบรรทุกรวมถึงน้ำหนัก คาร์โก้
เพื่อวางแผนในการโหลดน้ำมันได้เหมาะสมไม่ให้เกิดการสิ้นเปลือง ซึ่งตั้งเป้าประหยัดน้ำมันในครึ่งปีหลังได้1-2 % หรือกว่า 200 ล้านบาท จากปริมาณน้ำมันที่บริษัทใช้ทั้งปี 4-5 หมื่นล้านบาท
2.คณะทำงานมีนายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่โครงการสุวรรณภูมิ ดูแลระบบและติดตามแผนลดรายจ่ายเพิ่มรายได้อย่างใกล้ชิดและจัดส่งข้อมูลพร้อมวิเคราะห์ให้บอร์ดและผู้บริหารทางอีเมลำทุกวันอังคาร 3. ตั้งนายอมรศักดิ์ นพรัมภา กรรมการบริษัทเป็นประธานจัดโครงสร้างบุคลากรฝ่ายกลยุทธ์ (DY) และฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้า (DA) โดยไม่เพิ่ม
ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) ภายใน 1 เดือน และ4. ตั้งนายกวีพันธ์ เรืองผกา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประจำสำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นหัวหน้าทีในการปรับงบเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดการบูรณการและเชื่อมกันของทุกฝ่าย
นายอำพนกล่าวว่า บริษัทแอร์บัส ยืนยันเลื่อนส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ เป็นธ.ค.2555 จากเดิมที่แอร์บัสของเลื่อนส่งมอบ ธ.ค. 53 โดยไม่สามารถยกเลิกได้ ซึ่งฝ่ายการตลาด ปฏิบัติการ และพาณิชย์ จะต้องร่วมกันออกแบบตลาดที่จะรองรับเครื่องบิน A380 ซึ่งจะดูในเส้นทาง ลอนดอน ปารีส แฟรงเฟริต์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีอนาคตและสอดคล้องกับการนำเครื่องโบอิ้ง 747 ออกจากฝูงในปี 2555
พอดี
นอกจากนี้ บอร์ดได้เชิญนายปิยสวัสดิ์ อัมรนันทน์ ว่าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มาร่วมรับฟัง แผนธุรกิจของบริษัทก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ