xs
xsm
sm
md
lg

ว่าที่ซีอีโอ‘เทมาเส็ก’ขอลาออก ขัดแย้ง‘ยุทธศาสตร์’บอร์ดบริษัท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วอลสตรีทเจอร์นัลเอเชีย – แผนการจ้างชาวต่างชาติขึ้นนั่งแท่นซีอีโอครั้งแรกของเทมาเส็ก โฮลดิงส์ มีอันต้องล้มเลิกไปเสียแล้ว เมื่อบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์แห่งนี้แถลงในเย็นวันอังคาร(21)ว่า ชาร์ลส์ “ชิป” ดับเบิลยู กูดเยียร์ นักบริหารชาวอเมริกันวัย 51 ปี จะไม่ทำงานในตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
การจากไปอย่างไม่คาดฝันของกูดเยียร์ ซึ่งเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทบีเอชพี บิลลิตัน ยักษ์ใหญ่ด้านเหมืองแร่ คงทำให้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของเทมาเส็ก และความพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่บริษัทกำลังพยายามยกระดับมาตรฐานทางวิชาชีพของตนอยู่ โดยขณะนี้โฮชิง ซีอีโอหญิงวัย 56 ปีคนปัจจุบัน ซึ่งเดิมมีแผนจะวางมือ จะรั้งเก้าอี้ต่อไปจนกว่าจะมีการประกาศแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งนี้แทน
ในคำแถลงของเทมาเส็กระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเพราะมี “ความเห็นที่ไม่ตรงกันในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์บางประการ” คณะกรรมการบริหารบริษัทและกูดเยียร์จึงตกลงที่จะหยุดกระบวนการส่งมอบงานและหน้าที่ในตำแหน่งซีอีโอและกรรมการบริหารบริษัทแก่กูดเยียร์ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้ ตามกำหนดเดิมนั้นกูดเยียร์จะขึ้นซีอีโอของเทมาเส็กอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป
ขณะนี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ จากกูดเยียร์เนื่องจากโฆษกของเทมาเส็กแจ้งว่าเขาอยู่ในระหว่างหยุดพักผ่อน ทว่าคนวงในบอกว่าที่ผ่านมากูดเยียร์ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นว่าที่ซีอีโอ ได้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในเทมาเส็ก แต่ไม่สู้จะได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะข้อเสนอเรื่องทิศทางยุทธศาสร์ใหม่ของเขาถูกมองว่าสุ่มเสี่ยงมากเกินไป อีกทั้งเขายังเสนอแผนเปลี่ยนผู้บริหารระดับอาวุโสด้วย ทำให้คณะกรรมการบริหารบริษัทไม่เห็นด้วย
เทมาเส็กนั้นเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนภาครัฐชั้นนำรายหนึ่งของโลก โดยบริหารพอร์ตโฟลิโอมูลค่าสูงราว 185,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (128,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ถึงแม้กิจการจะย่ำแย่ในช่วงหลังๆ โดยรัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยว่า มูลค่าพอร์ตลงทุนของเทมาเส็กได้ลดลง 31% ในระยะเวลา 8 เดือน (เม.ย.-พ.ย.2008) นั่นคือหดหายถึง 58,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
มีรายงานว่า ในระหว่างการประชุมสรุปภายในเมื่อบ่ายวันอังคาร (21) เอส. ธานาบาลัน ประธานกรรมการของเทมาเส็ก ได้แจ้งกับพนักงานว่ากูดเยียร์เป็นฝ่ายตัดสินใจออกจากเทมาเส็ก
เทมาเส็กเสนอชื่กูดเยียร์เข้ารับหน้าที่ต่อจากโฮ ผู้เป็นภรรยาของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีเสียงขานรับอย่างดีเนื่องจากถือเป็นจังหวะก้าวในการอัดฉีดผู้นำเลือดใหม่เข้าสู่เทมาเส็ก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1974 เพื่อเป็นเครื่องมือในการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ของรัฐบาล
กูดเยียร์นั้น นอกจากจะมีประสบการณ์ในบีเอชพี บิลลิตันแล้ว เขายังเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของฟรีพอร์ต แม็คโมแรน อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงและทองคำรายใหญ่ มีผู้คาดว่ากูดเยียร์อาจเข้ามาช่วยเทมาเส็กในการลงทุนทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ได้ เนื่องจากมีปริมาณความต้องการในตลาดจีนสูงมากจึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับธุรกิจดังกล่าว
ในระหว่างที่มีการแต่งตั้งกูดเยียร์นั้น โฮเองก็กล่าวยอมรับว่า “ชิปมีความสามารถในด้านที่ดิฉันไม่มี”
นอกจากนั้น กูดเยียร์ยังจะนำประสบการณ์การทำงานระดับโลกมาให้กับเทมาเส็กได้มากกว่าโฮด้วย เพราะโฮนั้นเติบโตในอาชีพอยู่ในสิงคโปร์เป็นหลัก โดยเธอเริ่มต้นการทำงานที่กระทรวงกลาโหมและได้รับแต่งตั้งเป็นซีอีโอของเทมาเส็กในปี 2004
อย่างไรก็ตาม เมื่อกูดเยียร์เข้ามาบริหารงาน เขาเอาจริงเอาจังกับการสร้างวินัยในการทำงานอย่างมาก คนของเทมาเส็กเล่าว่า ใครที่เข้าประชุมไม่ตรงเวลาจะถูกปรับเงินโดยคิดตามจำนวนนาทีที่เข้าสาย นอกจากนั้นเขายังห้ามส่งข้อความใน “แบล็คเบอรีส์” ในระหว่างการประชุม และผู้เข้าประชุมยังถูกกดดันให้อธิบายถึงจุดยืนทางด้านการลงทุนของตนต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบไม่มีใครเคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประธานกรรมการของเทมาเส็กระบุว่าบริษัทจะยังสานต่อ “ความริเริ่มในเรื่องกระบวนการ” บางประการของกูดเยียร์ต่อไปแม้ว่าเขาจะลาออกไปแล้วก็ตาม
ส่วนคำถามที่ว่าเทมาเส็กจะพิจาณาคัดเลือกชาวต่างชาติเข้ารับตำแหน่งซีอีโออีกหรือไม่นั้น ธานาบาลันได้ระบุไว้ในคำแถลงว่า “เทมาเส็กควรมีผู้บริหารที่มีความสามารถสูงสุดสำหรับตำแหน่งดังกล่าว”
กำลังโหลดความคิดเห็น