ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.คนใหม่ ได้เดินทางเข้าทำงานเป็นวันแรกท่ามกลางการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ กกต. นายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าถึงการพิจารณา คุณสมบัติ 44 ส.ส. ถือหุ้นกิจการสื่อและสัมปทานรัฐว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นสำนวนตนต้องขอเข้าร่วมประชุมและศึกษาก่อน แต่เรื่องนี้รัฐธรรมนูญ เขียนไว้อย่างไร ก็คงต้องพิจารณาไปตามนั้น หากกฎหมาย เขียนเปิดช่องอะไรไว้ก็อาจจะสามารถตีความไปตามช่องนั้นได้ แต่หากไม่มีเปิดช่องไว้ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
ส่วนที่ว่า กกต.ตีความตามตัวบทมากไปจนมีปัญหานั้น การตีความกฎหมาย เราไม่มีสิทธิใส่ความรู้สึกส่วนตัว หรือทำตามใจตัวเองได้ กฎหมายเขียนอย่างไร มีช่องทางอย่างไรต้องตีความตามนั้นและตนจะยึดเป็นมาตรฐานในการทำงาน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนการตรวจสอบคุณสมบัติ 44 ส.ส ที่ถือหุุ้นกิจการสื่อและสัมปทานรัฐยังไม่เสร็จในการประชุม กกต.วันนี้ (23 ก.ค.)อาจ มีการขอขยายเวลาสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังติดปัญหาผู้ถูกร้องจำนวน 6 คนยังไม่ได้มาชี้แจง นอกจากนี้ยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงจากตลาดหลักทรัพย์และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกกต.ได้สั่งการไปว่าไม่ควรรอเขาส่งมาอย่างเดียวแต่ควรจะออกไปหาเอกสารด้วยตัวเอง นอกจากนี้เพื่อป้องกันปัญหาการยื้อคดีโดยไม่มาชี้แจง ตามที่นัด ในอนาคตจำเป็นจะต้องระบุว่า หากไม่มีชี้แจงต้องให้ตัดพยานทิ้งไป เพราะเรื่องนี้ถือเป็นประโยชน์ของผู้ถูกร้องเอง
สำหรับส.ส.ที่กกต.ได้วินิจฉัยไปแล้วก็ขอให้ใจเย็นๆอย่าพึ่งรีบลาออก เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมาประชด กกต.อีกทั้งยังทำให้ประเทศเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งซ่อม และในกรณีนี้ก็ยังต้องรอการวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพราะกกต.ก็เหมือนอัยการ ที่ไม่มีเครดิต จึงไม่กลัวว่าใครจะมาดิสเครดิต
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวนายวิสุทธิ์ จะร่วมพิจาณณาด้วยหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการขยายเวลาออกไป นายวิสุทธิ์คงมีเวลาในการพิจารณาสำนวน และหารือกันในที่ประชุม ทั้งนี้เชื่อว่าการที่ นายวิสุทธิเป็นผู้ที่มาจากสายรัฐศาสตร์ ก็ไม่น่ามีปัญหาในการทำงานหรือการวินิจฉัย ร่วมกับ กกต.คนอื่น
นางสดศรี กล่าวถึงกรณีที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา จะส่งคำวินิจฉัย 16 ส.ว.มาให้กกต.ทบทวนว่า ตอนนี้กกต.ได้ส่งเอกสารไปยังประธานวุฒิฯแล้ว และคงจะไม่มาทบทวนแล้ว หากมีส.ว.บางคนต้องการจะชี้แจงเพิ่มเติมก็น่าจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณา โดยตุลาการฯหลายคนก็เป็นส.ส.ร.มาก่อน น่าจะทราบเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และ 48 เป็นอย่างดีว่า เป็นอย่างไร และคงจะไม่พิจารณาลักษณะบริษัทและการถือหุ้นจำนวนมากน้อยแค่ไหนอย่างไร จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องทั้งหมด ต่อไปนี้ก็อย่ามาร้อง ที่ กกต. อีก สุดท้ายก็อยู่ที่ศาลว่าจะตีความหมายอย่างแคบหรือกว้างอย่างไรตาม กกต.อยากให้พิจารณาโดยเร็วเพราะต้องการความชัดเจน เพื่อเป็นบรรทัดฐานของกฎหมายและจะได้ทำงานโดยง่ายขึ้น
เพื่อความสบายใจของผู้ที่จะถูกถอดถอนทั้งของส.ว.และส.ส. รวมถึงกกต. ประธานวุฒิฯน่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ส่วนที่ ส.ว. จะร้องต่อศาลปกครอง ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่เรายืนยันว่าพิจารณาโดยชอบธรรม และ กกต. ก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากมีข้อมูลว่าอะไรที่ไม่ถูกต้องก็สามารถก็เอาหลักฐานไปยื่นต่อศาลได้ และเชื่อว่าศาลจะพิจารณาโดยยุติธรรม
นางสดศรี ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่ามี ส.ว.บางคนในกลุ่ม 16 ส.ว.ที่ถูก กกต.วินิจฉัยให้สิ้นสมาชิกภาพล็อบบี้ให้ กกต.ทบทวนมติ ตามที่สื่อบางแห่งเผยแพร่ ในเว็บไซด์ แต่มีกรณี ส.ว. 1-2 รายทำหนังสือถึง กกต.ขอให้ทบทวนมติ โดยอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งก็ให้อนุกรรมการสอบสวนกรณีส.ว.ถือหุ้นชุดเดิม ไปพิจารณาว่าเป็นอย่างไร และเสนอให้ กกต.คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน
จริงๆ ถ้ามีอะไรที่คิดว่าเป็นเรื่องที่กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัย ก็ควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เพราะในส่วนของกกต.ถือว่าจบ แต่บางท่านก็บอกว่า มาให้ปากคำเพียงครั้งเดียว มีหลักฐานต่างๆ อยากให้กกต.พิจารณา เหมือนกรณี คุณสุรเดช (รัฐิติเจริญ) ส.ว.ปราจีนบุรีเราก็จะดูให้ ไม่ใช่ล็อบบี้ และล็อบบี้ไม่ได้ด้วย เพราะกกต.ได้ส่งคำวินิจฉัยไปแล้ว
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา 1 ใน 16 ส.ว.กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ตนแต่นอน และไม่เชื่อว่า จะมีใครใน ส.ว.วิ่งล็อบบี้ กกต.เพราะการวินิจฉัยของกกต.ถือเป็นอำนาจตามกฎหมาย ไม่มีใครจะวิ่งเต้นเพื่อเปลี่ยนมติได้ การที่ นางสดศรี อ้างแบบนี้ทำให้เกิดความเสียหายกับส.ว. จึงขอให้เปิดเผยชื่อออกมาว่า ใครทำ เพราะ
ตอนนี้ ส.ว.ก็เป็นจำเลยสังคมไปแล้วทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด ทั้งนี้ ตอนนี้ 16 ส.ว.กำลังเตรียมการชี้แจงในชั้นศาลรัฐธรรมนูญในประเด็น เจตนารมณ์ของกฎหมาย การได้หุ้นมาก่อนรับตำแหน่ง และจำนวนหุ้นที่มีน้อยมาก ซึ่งไม่สามารถแทรกแซงได้ และกำลังพิจารณาช่องทางร้องไปยังศาลปกครอง ขอความเป็นธรรมในการวินิจฉัยของกกต.ด้วย
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนาง สดศรี สัตยธรรมระบุว่าประธานวุฒิสภาจะส่งคำวินิจฉัยกรณี 16 ส.ว.ถือหุ้นที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ทำให้พ้นสมาชิกภาพ กลับไปยังกกต.ว่า ผมไม่ทราบว่าคุณสดศรีทำอะไร ผมรู้จักแต่ประธานกกต.คือนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ และผมก็ไม่มีความคิดจะส่งอะไรไปให้กกต.ทบทวน เพราะคำวินิจฉัยของกกต.ที่ส่งมาให้นั้นมีผลแล้ว และเป็นเรื่อง ของข้อกฎหมายทบทวนไม่ได้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่เหมือนกับกรณีของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานใหม่เข้ามาซึ่งเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง จึงต้องส่งไปให้กกต.
นายประสพสุข กล่าวว่า เมื่อกกต.ส่งมายังตนก็มีผลแล้ว เหมือนกับอัยการมีคำสั่งให้ส่งฟ้องไม่สามารถทบทวนได้อีก สำหรับคำวินิจฉัยของกกต.กรณี 16 ส.ว.ที่ส่งมายังตนนั้นมีทั้งหมด 3-4 พันกว่าหน้า และขณะนี้ได้ถ่ายสำเนาเอกสารเพื่อส่งไปให้ส.ว.ทั้ง 16 คน เพื่อเตรียมนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ส่วนที่นางสดศรี ระบุว่ามี ส.ว.บางคนใน 16 คนล็อบบี้ กกต.ให้เขียนคำวินิจฉัยใหม่เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดนั้น นายประสพสุข กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะขณะนี้คำวินิจฉัยทั้งหมดอยู่ที่ตนแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากกกต.ไปเปลี่ยนเอง มีเรื่องแน่ และคงใช้เวลาไม่นานตนจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามต้องเห็นใจ 16 ส.ว. เพราะต้องนำเอกสารคำนิจฉัยไปดูก่อนไป ชี้แจง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มองว่าเป็นการดิสเครดิตส.ว. ตนไม่อยากวิจารณ์
ส่วนที่ 16 ส.ว.จะส่งเรื่องไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม นายประสพสุขกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ใจตนอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ส.ว.ตกเป็นจำเลยของสังคมแล้วหากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าไม่ผิดกกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร ตนเชื่อว่า กกต.วินิจฉัยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะกกต. มีอำนาจวิวินัย และความเห็นในข้อกฎหมายสามารถต่างกันได้
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกวินิจฉัยว่าถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้มาพูดกันเรื่องต่อสู้คดีหลังจากถูก กกต.ตัดสิทธิ์เนื่องจากถือหุ้นในสัมปทานของรัฐ นี้พูดกันทีเดียวจบแล้ว และตนจะไม่ลาออก จะรอศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน หากตัดสินอย่างไรตนทำตามนั้น เพราะถือว่ายึดหลักนิติธรรม ศาลใหญ่ที่สุดสำหรับตน จบไม่ต้องมาสัมภาษณ์อะไรตนอีก
ผู้สื่อข่าวถามวถึงการเตรียมสู้คดีนายไตรรงค์ กล่าวว่า ไม่มี สาบานได้ไม่ได้พูดกันเรื่องนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคเตรียมการอยู่
ส่วนที่ว่า กกต.ตีความตามตัวบทมากไปจนมีปัญหานั้น การตีความกฎหมาย เราไม่มีสิทธิใส่ความรู้สึกส่วนตัว หรือทำตามใจตัวเองได้ กฎหมายเขียนอย่างไร มีช่องทางอย่างไรต้องตีความตามนั้นและตนจะยึดเป็นมาตรฐานในการทำงาน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนการตรวจสอบคุณสมบัติ 44 ส.ส ที่ถือหุุ้นกิจการสื่อและสัมปทานรัฐยังไม่เสร็จในการประชุม กกต.วันนี้ (23 ก.ค.)อาจ มีการขอขยายเวลาสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังติดปัญหาผู้ถูกร้องจำนวน 6 คนยังไม่ได้มาชี้แจง นอกจากนี้ยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงจากตลาดหลักทรัพย์และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกกต.ได้สั่งการไปว่าไม่ควรรอเขาส่งมาอย่างเดียวแต่ควรจะออกไปหาเอกสารด้วยตัวเอง นอกจากนี้เพื่อป้องกันปัญหาการยื้อคดีโดยไม่มาชี้แจง ตามที่นัด ในอนาคตจำเป็นจะต้องระบุว่า หากไม่มีชี้แจงต้องให้ตัดพยานทิ้งไป เพราะเรื่องนี้ถือเป็นประโยชน์ของผู้ถูกร้องเอง
สำหรับส.ส.ที่กกต.ได้วินิจฉัยไปแล้วก็ขอให้ใจเย็นๆอย่าพึ่งรีบลาออก เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมาประชด กกต.อีกทั้งยังทำให้ประเทศเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งซ่อม และในกรณีนี้ก็ยังต้องรอการวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพราะกกต.ก็เหมือนอัยการ ที่ไม่มีเครดิต จึงไม่กลัวว่าใครจะมาดิสเครดิต
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวนายวิสุทธิ์ จะร่วมพิจาณณาด้วยหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการขยายเวลาออกไป นายวิสุทธิ์คงมีเวลาในการพิจารณาสำนวน และหารือกันในที่ประชุม ทั้งนี้เชื่อว่าการที่ นายวิสุทธิเป็นผู้ที่มาจากสายรัฐศาสตร์ ก็ไม่น่ามีปัญหาในการทำงานหรือการวินิจฉัย ร่วมกับ กกต.คนอื่น
นางสดศรี กล่าวถึงกรณีที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา จะส่งคำวินิจฉัย 16 ส.ว.มาให้กกต.ทบทวนว่า ตอนนี้กกต.ได้ส่งเอกสารไปยังประธานวุฒิฯแล้ว และคงจะไม่มาทบทวนแล้ว หากมีส.ว.บางคนต้องการจะชี้แจงเพิ่มเติมก็น่าจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้พิจารณา โดยตุลาการฯหลายคนก็เป็นส.ส.ร.มาก่อน น่าจะทราบเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และ 48 เป็นอย่างดีว่า เป็นอย่างไร และคงจะไม่พิจารณาลักษณะบริษัทและการถือหุ้นจำนวนมากน้อยแค่ไหนอย่างไร จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องทั้งหมด ต่อไปนี้ก็อย่ามาร้อง ที่ กกต. อีก สุดท้ายก็อยู่ที่ศาลว่าจะตีความหมายอย่างแคบหรือกว้างอย่างไรตาม กกต.อยากให้พิจารณาโดยเร็วเพราะต้องการความชัดเจน เพื่อเป็นบรรทัดฐานของกฎหมายและจะได้ทำงานโดยง่ายขึ้น
เพื่อความสบายใจของผู้ที่จะถูกถอดถอนทั้งของส.ว.และส.ส. รวมถึงกกต. ประธานวุฒิฯน่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ส่วนที่ ส.ว. จะร้องต่อศาลปกครอง ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่เรายืนยันว่าพิจารณาโดยชอบธรรม และ กกต. ก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากมีข้อมูลว่าอะไรที่ไม่ถูกต้องก็สามารถก็เอาหลักฐานไปยื่นต่อศาลได้ และเชื่อว่าศาลจะพิจารณาโดยยุติธรรม
นางสดศรี ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่ามี ส.ว.บางคนในกลุ่ม 16 ส.ว.ที่ถูก กกต.วินิจฉัยให้สิ้นสมาชิกภาพล็อบบี้ให้ กกต.ทบทวนมติ ตามที่สื่อบางแห่งเผยแพร่ ในเว็บไซด์ แต่มีกรณี ส.ว. 1-2 รายทำหนังสือถึง กกต.ขอให้ทบทวนมติ โดยอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งก็ให้อนุกรรมการสอบสวนกรณีส.ว.ถือหุ้นชุดเดิม ไปพิจารณาว่าเป็นอย่างไร และเสนอให้ กกต.คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน
จริงๆ ถ้ามีอะไรที่คิดว่าเป็นเรื่องที่กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัย ก็ควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เพราะในส่วนของกกต.ถือว่าจบ แต่บางท่านก็บอกว่า มาให้ปากคำเพียงครั้งเดียว มีหลักฐานต่างๆ อยากให้กกต.พิจารณา เหมือนกรณี คุณสุรเดช (รัฐิติเจริญ) ส.ว.ปราจีนบุรีเราก็จะดูให้ ไม่ใช่ล็อบบี้ และล็อบบี้ไม่ได้ด้วย เพราะกกต.ได้ส่งคำวินิจฉัยไปแล้ว
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา 1 ใน 16 ส.ว.กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ตนแต่นอน และไม่เชื่อว่า จะมีใครใน ส.ว.วิ่งล็อบบี้ กกต.เพราะการวินิจฉัยของกกต.ถือเป็นอำนาจตามกฎหมาย ไม่มีใครจะวิ่งเต้นเพื่อเปลี่ยนมติได้ การที่ นางสดศรี อ้างแบบนี้ทำให้เกิดความเสียหายกับส.ว. จึงขอให้เปิดเผยชื่อออกมาว่า ใครทำ เพราะ
ตอนนี้ ส.ว.ก็เป็นจำเลยสังคมไปแล้วทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด ทั้งนี้ ตอนนี้ 16 ส.ว.กำลังเตรียมการชี้แจงในชั้นศาลรัฐธรรมนูญในประเด็น เจตนารมณ์ของกฎหมาย การได้หุ้นมาก่อนรับตำแหน่ง และจำนวนหุ้นที่มีน้อยมาก ซึ่งไม่สามารถแทรกแซงได้ และกำลังพิจารณาช่องทางร้องไปยังศาลปกครอง ขอความเป็นธรรมในการวินิจฉัยของกกต.ด้วย
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนาง สดศรี สัตยธรรมระบุว่าประธานวุฒิสภาจะส่งคำวินิจฉัยกรณี 16 ส.ว.ถือหุ้นที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ทำให้พ้นสมาชิกภาพ กลับไปยังกกต.ว่า ผมไม่ทราบว่าคุณสดศรีทำอะไร ผมรู้จักแต่ประธานกกต.คือนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ และผมก็ไม่มีความคิดจะส่งอะไรไปให้กกต.ทบทวน เพราะคำวินิจฉัยของกกต.ที่ส่งมาให้นั้นมีผลแล้ว และเป็นเรื่อง ของข้อกฎหมายทบทวนไม่ได้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่เหมือนกับกรณีของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานใหม่เข้ามาซึ่งเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง จึงต้องส่งไปให้กกต.
นายประสพสุข กล่าวว่า เมื่อกกต.ส่งมายังตนก็มีผลแล้ว เหมือนกับอัยการมีคำสั่งให้ส่งฟ้องไม่สามารถทบทวนได้อีก สำหรับคำวินิจฉัยของกกต.กรณี 16 ส.ว.ที่ส่งมายังตนนั้นมีทั้งหมด 3-4 พันกว่าหน้า และขณะนี้ได้ถ่ายสำเนาเอกสารเพื่อส่งไปให้ส.ว.ทั้ง 16 คน เพื่อเตรียมนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ส่วนที่นางสดศรี ระบุว่ามี ส.ว.บางคนใน 16 คนล็อบบี้ กกต.ให้เขียนคำวินิจฉัยใหม่เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดนั้น นายประสพสุข กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะขณะนี้คำวินิจฉัยทั้งหมดอยู่ที่ตนแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากกกต.ไปเปลี่ยนเอง มีเรื่องแน่ และคงใช้เวลาไม่นานตนจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามต้องเห็นใจ 16 ส.ว. เพราะต้องนำเอกสารคำนิจฉัยไปดูก่อนไป ชี้แจง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มองว่าเป็นการดิสเครดิตส.ว. ตนไม่อยากวิจารณ์
ส่วนที่ 16 ส.ว.จะส่งเรื่องไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม นายประสพสุขกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ใจตนอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ส.ว.ตกเป็นจำเลยของสังคมแล้วหากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าไม่ผิดกกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร ตนเชื่อว่า กกต.วินิจฉัยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะกกต. มีอำนาจวิวินัย และความเห็นในข้อกฎหมายสามารถต่างกันได้
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกวินิจฉัยว่าถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้มาพูดกันเรื่องต่อสู้คดีหลังจากถูก กกต.ตัดสิทธิ์เนื่องจากถือหุ้นในสัมปทานของรัฐ นี้พูดกันทีเดียวจบแล้ว และตนจะไม่ลาออก จะรอศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน หากตัดสินอย่างไรตนทำตามนั้น เพราะถือว่ายึดหลักนิติธรรม ศาลใหญ่ที่สุดสำหรับตน จบไม่ต้องมาสัมภาษณ์อะไรตนอีก
ผู้สื่อข่าวถามวถึงการเตรียมสู้คดีนายไตรรงค์ กล่าวว่า ไม่มี สาบานได้ไม่ได้พูดกันเรื่องนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคเตรียมการอยู่