“เทพไท” ปฏิเสธกรณี กกต.ขยายเวลาพิจารณาคุณสมบัติ ส.ส.ถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ ไม่เกี่ยวพรรค ชี้แค่หวังดิสเครดิต ดึง กกต.ผูกโยงพรรคเข้าด้วยกัน เผย “สุเทพ” ประกาศกลางที่ประชุมพรรค พร้อมทิ้งเก้าอี้ ส.ส.ทันทีหาก กกต.ฟันถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้เลือกตั้งซ่อม พร้อมสั่งลูกพรรคเตรียมพร้อมรอลุ้นผลชี้ 16 ส.ว.
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เตรียมพิจารณาชี้มูล ส.ส.ที่ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐว่า การที่ กกต.ขยายเวลาการพิจารณาออกไปอีก 15 วัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ การที่พยายามจะปล่อยข่าวว่าเหตุที่ กกต.เลื่อนวันพิจารณาออกไปเพราะจะช่วยเหลือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่เป็นความจริง เป็นการให้ข่าวเพื่อดิสเครดิตและทำลาย กกต.มากกว่าและพยายามเชื่อมโยงให้เห็นเหมือนในอดีตหลายครั้งที่ผ่านมาว่า กกต.และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกเดียวกัน ทั้งที่การทำหน้าที่ของ กกต.ก็พิจารณาไปตามกฎหมายกำหนด ไม่เคยมีเรื่องใดที่จะมาช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ให้พ้นจากความผิด ทุกอย่างอยู่บนข้อเท็จจริงและหลักกฏหมายทั้งสิ้น เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำผิด กกต.ก็ไม่สามารถลงโทษพรรคประชาธิปัตย์ได้
นายเทพไทกล่าวว่า เรื่องนี้ นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.ของพรรคได้นำขึ้นหารือในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคเมือวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ ส.ส.ที่ถูกตรวจสอบได้จัดทำขอแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ กกต.ทั้งนี้ ในส่วนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรค และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อว่าถือครองหุ้นของบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ นายสุเทพได้ให้การยืนยันในที่ประชุม ส.ส.พรรคว่า ขอให้ ส.ส.ที่มีชื่อทั้งหมดไปจัดเตรียมข้อมูล ข้อเท็จจริงของแต่ละคนให้พร้อม เพราะข้อเท็จจริงในการถือครองหุ้นของแต่ละคนที่มีหุ้นของแต่ละบริษัทที่แตกต่างกันก็ย่อมมีข้อเท็จจริงที่ต่างกันด้วย และขอให้ยอมรับการพิจารณาของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมา ซึ่งที่ประชุมก็ไม่มี ส.ส.คนใดกังวลต่อเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของ ส.ว. ทั้ง 16 คน ซึ่งเป็นคดีนำร่องไปแล้วก็สามารถเทียบเคียงกับกรณีกรถือครองหุ้นในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ และจะได้ข้อสรุปว่าจะมี ส.ส.คนใดบ้างว่าอยู่ในข่ายที่จะถูกตัดสิทธิพ้นสมาชิกภาพ จึงจะมาตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีของนายสุเทพเกิดขึ้นในช่วงที่เป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน และเมื่อมีการยื่นให้ กกต.ตรวจสอบ นายสุเทพได้ขายหุ้นออกจนหมดแล้ว และในระหว่างที่เข้าดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพไม่เหลือหุ้นในมือแล้ว ซึ่งทุกอย่างทำให้เกิดความโปร่งใส ดังนั้น เมื่อ กกต.จะพิจารณาชี้ขาดว่านายสุเทพขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.นายสุเทพ ได้ยืนยันว่าจะยอมรับโดยดุษณี และจะไม่โต้แย้งแต่อย่างไร เพื่อที่จะไปต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป และแม้ว่าจะพ้นสภาพการเป็น ส.ส.แล้วแต่ก็ยังมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
มีรายงานว่า ในที่ประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสุเทพได้พูดกับสมาชิกพรรคและสร้างความมั่นใจสมาชิกพรรคว่าพร้อมที่จะรับคำวินิจฉัยทุกอย่างโดยไม่ต่อสู้คดี หาก กกต.ชี้มูล นายสุเทพประกาศพร้อมที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส. และพร้อมให้มีการจัดการเลือกตั้งซ่อมแทนในตำแหน่งที่ว่าง เพราะยืนยันว่าตนเองได้ขายหุ้นทั้งหมดก่อนที่จะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว พร้อมทั้งนำหลักฐานมาแสดงให้สมาชิกได้รับทราบและพร้อมที่จะนำไปต่อสู่ในชั้นศาลฎีกา