ประธานวุฒิฯ ตอกหน้า “สดศรี” บอกไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว โต้ไม่คิดส่งคำวินิจฉัย กรณี 16 ส.ว.ให้ทบทวน พร้อมไม่เชื่อข่าว ส.ว.พล่านล็อบบี้ขอพลิกมติ เผย เร็วๆ นี้ เตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา พร้อมห่วงพวกเคลื่อนไหวนอกสภาทำสมานฉันท์พัง ออกตัวหนุนแก้รัฐธรรมนูญ ตั้ง “ส.ส.ร.3-ตั้ง กก.สมานฉันท์” ถาวร
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.00 น.นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่า ประธานวุฒิสภาจะส่งคำวินิจฉัยกรณี 16 ส.ว.ถือหุ้นที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ทำให้พ้นสมาชิกภาพ กลับไปยัง กกต.ว่า “ไม่ทราบว่า คุณสดศรี ทำอะไร แต่ผมรู้จักแต่ประธาน กกต.คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์” ทั้งนี้ ตนไม่มีความคิดจะส่งอะไรไปให้ กกต.ทบทวน เพราะคำวินิจฉัยของ กกต.ที่ส่งมาให้ตนนั้นมีผลแล้ว และเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่เหมือนกับกรณีของ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานใหม่เข้ามาซึ่งเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง จึงต้องส่งไปให้ กกต.แต่กรณีของ 16 ส.ว.นั้น ข้อเท็จจริงได้ยุติแล้วว่าแต่ละคนถือหุ้นบริษัทอะไร เป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ทบทวนไม่ได้ เมื่อ กกต.ส่งมายังตนก็มีผลแล้ว เหมิอนกับอัยการมีคำสั่งให้ส่งฟ้องแล้ว ไม่สามารถทบทวนได้อีก สำหรับคำวินิจฉัยของ กกต.กรณี 16 ส.ว.ที่ส่งมายังตนนั้นมีทั้งหมด 3-4 พันกว่าหน้า และขณะนี้ได้ถ่ายสำเนาเอกสารเพื่อส่งไปให้ ส.ว.ทั้ง 16 คน เพื่อเตรียมนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามกรณี นางสดศรี ระบุว่า มี 1 ใน 16 ส.ว.ล็อบบี้ กกต.ให้เขียนคำวินิจฉัยใหม่ให้พ้นผิด ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะขณะนี้คำวินิจฉัยทั้งหมดอยู่ที่ตนแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หาก กกต.ไปเปลี่ยนเองมีเรื่องแน่ และคงใช้เวลาไม่นานตนจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องเห็นใจ 16 ส.ว. เพราะต้องนำเอกสารคำนิจฉัยไปดูก่อนไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มองว่าเป็นการดิสเครดิต ส.ว.ตนไม่อยากวิจารณ์ เมื่อถามกรณี 16 ส.ว.จะส่งเรื่องไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม นายประสพสุข กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ใจตนอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สิ้นสุด
เมื่อถามว่า ตอนนี้ ส.ว.ตกเป็นจำเลยของสังคมแล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ผิด กกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร ตนเชื่อว่า กกต.วินิจฉัยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะ กกต.มีอำนาจวิวินัย และความเห็นในข้อกฎหมายสามารถต่างกันได้
นายประสพสุข ยังกล่าวกรณีปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ได้หรือไม่ว่า ตนไม่แน่ใจว่า จะนำไปสู่ความสมานฉันท์กันได้หรือไม่ แต่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น แต่ยังมีบางคนไม่เห็นด้วย ส.ว.ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงการเคลื่อนไหวนอกสภา หากเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดความสมานฉันท์ ดังนั้น ควรมาตัดสินกันที่รัฐสภา แต่คงไม่จำเป็นต้องทำประชามติ เพราะต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก และต้องฟัง และพิจารณารายงานของคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะอุตส่าห์ตั้งมา และมีผลการศึกษาออกมาให้พิจารณา เมื่อถามว่า วิปรัฐบาลเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ถาวร นายประสพสุข กล่าวว่า เห็นด้วย แต่ควรใช้คณะกรรมการสมานฉันท์ชุดที่มีอยู่ เพราะองค์ประกอบดีอยู่แล้ว น่าจะทำหน้าที่ติดตามผลการทำงานว่าทำอย่างไรจึงสมานฉันท์กันได้ ส่วนการตั้ง ส.ส.ร.3 จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว หากยังไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ส.ร.3 ก็เกิดไม่ได้ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยหากให้มี ส.ส.ร.3 เพื่อจะได้ฟังความเห็นของทุกฝ่าย และนำไปสู่การทำประชาพิจารณ์ว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร