นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา สมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีเอแบคโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน ซึ่งมีร้อยละ 62.7 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความคิดเห็นประชาชนที่สำรวจมา คงไม่ได้หวังที่จะให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น เพราะถามคำถามลักษณะนี้ได้ถามประชาชนแล้ว สมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล
"ลึกๆ แล้วกลุ่ม 40 ส.ว.เอง ก็อยากให้แก้บางประเด็น แต่ไม่ได้อยากให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น ประเด็นที่อยากให้แก้คือ อยากให้ภาคประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบการทุจริตโดยตรง อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯ และประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้นักการเมืองเคารพกฎหมาย จะไปแก้รัฐธรรมนูญ ให้ตนเองพ้นผิดได้อย่างไร" นายไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้สำนักโพลทั้งหลาย สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเจาะจงทีละมาตราไปเลย ว่า ประชาชนต้องการให้แก้มาตราใดบ้าง ไม่ใช่ไปถามแบบรวมๆอย่างนี้
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนการแก้รัฐธรรมนูญว่า นายกฯได้แสดงท่าที่ชัดเจน และจริงใจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด โดยเป็นผู้ริเริ่มให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อสะสางปัญหาดังกล่าว และวันนี้ได้มีข้อสรุปของคณะกรรมการฯ และได้ส่งมอบนายกฯแล้ว โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยจะมาเรียกร้อง และบังคับให้นายกฯ ชี้ชัดว่าจะแก้มาตราไหนบ้างนั้น ส่วนตัวคิดว่านายกฯไม่ใช่คนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ต้องรับฟังความเห็นของประชาชน และให้เกียรติเสียงประชามติ 14.7 ล้านเสียง ที่ให้ความไว้วางใจกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ต้องคำนึงเสียงส่วนนี้ด้วย
นายเทพไท กล่าวว่าทางออกที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา จะต้องนำไปสู่การทำประชามติ เพื่อสอบถามโดยให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หรือมอบภารกิจให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม การทำประชามติ ต้องพิจารณาในรายละเอียดในประเด็นคำถามว่า มีเนื้อหาอย่างไร ไม่อยากให้คำถามเป็นลักษณะชี้นำ เพราะอาจก่อให้เกิดความเห็นที่ขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการโทษว่าการถือครองหุ้น ส.ส.เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 นายเทพไท กล่าวว่า ไม่ควรโทษรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องของคน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่โทษรัฐธรรมนูญ และยอมรับว่าทำอะไรต้องรอบคอบ ตนเห็นมีเพียงบางฝ่ายเท่านั้นที่โทษรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะแก้ไข
ทั้งนี้ จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ มีมาตลอดไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญชุดนี้ ก็จะไม่โทษ เพราะถือเป็นกฎหมาย และมีผลบังคับใช้แล้ว จะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ หากทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษไม่ควรแก้ไขเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
" ผลที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญ จะกระทบกับนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่ได้กระทบกับประชาชน แต่นักการเมืองกับปลุกระดมประชาชนมาเป็นเครื่องมือกดดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง ดังนั้น อยากเรียกร้องให้นักการเมืองไทย ยอมรับกติกาที่ชัดเจน ว่าอะไรที่เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศ" นายเทพไทกล่าว
"ลึกๆ แล้วกลุ่ม 40 ส.ว.เอง ก็อยากให้แก้บางประเด็น แต่ไม่ได้อยากให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น ประเด็นที่อยากให้แก้คือ อยากให้ภาคประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบการทุจริตโดยตรง อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯ และประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้นักการเมืองเคารพกฎหมาย จะไปแก้รัฐธรรมนูญ ให้ตนเองพ้นผิดได้อย่างไร" นายไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้สำนักโพลทั้งหลาย สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเจาะจงทีละมาตราไปเลย ว่า ประชาชนต้องการให้แก้มาตราใดบ้าง ไม่ใช่ไปถามแบบรวมๆอย่างนี้
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนการแก้รัฐธรรมนูญว่า นายกฯได้แสดงท่าที่ชัดเจน และจริงใจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด โดยเป็นผู้ริเริ่มให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อสะสางปัญหาดังกล่าว และวันนี้ได้มีข้อสรุปของคณะกรรมการฯ และได้ส่งมอบนายกฯแล้ว โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยจะมาเรียกร้อง และบังคับให้นายกฯ ชี้ชัดว่าจะแก้มาตราไหนบ้างนั้น ส่วนตัวคิดว่านายกฯไม่ใช่คนที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ต้องรับฟังความเห็นของประชาชน และให้เกียรติเสียงประชามติ 14.7 ล้านเสียง ที่ให้ความไว้วางใจกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ต้องคำนึงเสียงส่วนนี้ด้วย
นายเทพไท กล่าวว่าทางออกที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา จะต้องนำไปสู่การทำประชามติ เพื่อสอบถามโดยให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ หรือมอบภารกิจให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม การทำประชามติ ต้องพิจารณาในรายละเอียดในประเด็นคำถามว่า มีเนื้อหาอย่างไร ไม่อยากให้คำถามเป็นลักษณะชี้นำ เพราะอาจก่อให้เกิดความเห็นที่ขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการโทษว่าการถือครองหุ้น ส.ส.เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 นายเทพไท กล่าวว่า ไม่ควรโทษรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องของคน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่โทษรัฐธรรมนูญ และยอมรับว่าทำอะไรต้องรอบคอบ ตนเห็นมีเพียงบางฝ่ายเท่านั้นที่โทษรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะแก้ไข
ทั้งนี้ จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ มีมาตลอดไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญชุดนี้ ก็จะไม่โทษ เพราะถือเป็นกฎหมาย และมีผลบังคับใช้แล้ว จะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ หากทำผิดกฎหมายก็ต้องรับโทษไม่ควรแก้ไขเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
" ผลที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญ จะกระทบกับนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่ได้กระทบกับประชาชน แต่นักการเมืองกับปลุกระดมประชาชนมาเป็นเครื่องมือกดดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง ดังนั้น อยากเรียกร้องให้นักการเมืองไทย ยอมรับกติกาที่ชัดเจน ว่าอะไรที่เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศ" นายเทพไทกล่าว