“ประสพสุข” เผย กกต.ส่งหนังสือวินิจฉัย 16 ส.ว.พ้นสมาชิกภาพแล้ว ติงส่งเอกสารไม่คัดแยกรายบุคคล คาดใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้อง ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ด้าน “16 ส.ว.” เตรียมยื่นศาลปกครองขอความเป็นธรรม ขณะที่ “นฤมล” เปรียบกรณีเดียว “ชัย ชิดชอบ” รับประทานบัตร ไม่เข่าข่ายผิด
วันนี้ (16 ก.ค.) นายประสพสุข กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับการคำวินิจฉัยถึงสถานภาพของ 16 ส.ว.ที่ถือหุ้นในสัมปทานของรัฐมายังวุฒิสภา และตนได้รับหนังสือแล้ว ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร รวมถึงคำวินิจฉัยว่ามีความถูกต้องอย่างไร เพราะมีเนื้อหากว่า 3,000 หน้า แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าเอกสารมีความบกพร่องเกินมา 5 แผ่น จึงได้สอบถามความเห็นขึ้นมาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนจะแจ้งให้ กกต.พิจารณาต่อไปว่าเอกสารที่เกินมาจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าเอกสารที่เกินมาจะมีผลต่อคำวินิจฉัยหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ดูรายละเอียด ซึ่งปกติเอกสารจะต้องแยกเป็นหมวดหมู่
เมื่อถามว่า ขั้นตอนต่อไปจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายประสพสุขยอมรับว่าถูกต้อง แต่ต้องตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องเสียก่อน ไม่ใช่รับหนังสือมาแล้วก็รีบส่งไป ความจริงต้องแยกเรื่องว่าของใครเป็นอย่างไร แต่นี่มัดรวมแล้วส่งมาเป็นลังๆเลย เจ้าหน้าที่จึงไม่ทราบว่าจะคัดเอกสารอย่างไร เมื่อถามว่าต้องให้กกต.กลับไปทำมาใหม่หรือ นายประสพสุขกล่าวว่า ไม่ใช่ เราทำเองก็ได้ แต่ต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่าจะต้องใช้เวลาแค่ไหน ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะต้องส่งตอนไหน แต่ก็จะไม่ให้ช้า คาดว่าน่าจะเสร็จภายในเดือนนี้ ขณะเดียวกันจะแจ้งให้ 16 ส.ว.รับทราบว่าคำวินิจฉัยมาแล้ว เพื่อให้แต่ละคนคัดเอกสารของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวต่อสู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรวมไปถึงกรณีของนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ที่ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสมาชิก
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่ม ส.ว.16 คนคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งได้มีหารือกันโดยสรุปว่า ทาง ส.ว.จะยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป โดยจะชี้ถึงเจตนาบริสุทธิ์ในการถือครองหุ้น เพราะพิจารณาของ กกต.เป็นไปอย่างรวบรัด ส่วนผู้ถูกล่าวหาก็ไปชี้แจงเพียงครั้งเดียว เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นางอัจฉรา เตชฤทธิ์พิทักษ์ ส.ว.สรรหา 1 ใน 16 ส.ว.กล่าวว่า ก่อนมาเป็น ส.ว.ได้ประกาศต่อที่สาธารณะว่า มีความบริสุทธิ์ใจ การถือครองหุ้นก็เป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป ซึ่งเป็นสิทธิ์ของประชาชน ไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงหรือควบคุมการบริหารงาน ส.ว.บางคนก็ซื้อหุ้นแล้วทิ้งไปเป็น 10 ปี บางคนก็ซื้อในนามสามีหรือภรรยาจึงไม่ทราบ จึงอยากให้ กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาถึงความสุจริตใจอย่างโปร่งใสและเที่ยงธรรม ให้ดูที่เจตนา ไม่ใช่ดูที่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว
นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ 1 ใน 16 ส.ว.กล่าวว่า ไม่มีปัญหาพร้อมยอมรับคำวินิจฉัย ไม่ติดยึดกับตำแหน่ง เคารพการพิจารณาของ กกต.หากเห็นว่าถือหุ้นแค่ 1 หุ้นหรือ 100 หุ้น มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ในกรณีของตนสามีถือหุ้นได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัททีพีไอ หรือไออาร์พีซี ซึ่งบริษัทดังกล่าวไม่ได้รับสัมปทานรัฐแต่เป็นประทานบัตร เช่นเดียวกับกรณีของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไม่เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวจะนำไปเป็นข้อชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนการพิจารณาของ กกต.ที่เลื่อนการพิจารณากรณี ส.ส.มาหลายครั้ง ขณะที่ ส.ว.เพียงพิจารณาเพียงครั้งเดียวก็ตัดสิน ตนไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องของการเมือง เราต้องเชื่อมั่น เพราะ กกต.จะพิจารณาอะไรก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
