วานนี้ ( 15 ก.ค.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนของแกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วม 36 คน ตามหมายเรียกในข้อหาก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ จากการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ในวันนี้ (16 ก.ค.) ว่า แกนนำพันธมิตรฯจะยื่นโต้แย้งข้อกล่าวหาทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ ประกอบกับ นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจแจ้งความดำเนินคดี
ที่สำคัญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 วรรคสุดท้าย ระบุว่า การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย จึงแสดงให้เห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้มีการกระทำผิดตามที่แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
นายสุวัตร กล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนไม่พิจารณายกเลิกข้อกล่าวหาดังกล่าว ก็จะยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ต่อศาลปกครองต่อไป
สำหรับกรณีที่ศาลไม่รับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ในกระบวนการยุติธรรม กรณีมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกพันธมิตรฯ ในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งรุนแรงเกินจริงนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า นายไชยวัฒน์ ไม่ได้ยื่นฟ้องในนามพันธมิตรฯ แต่รีบยื่นฟ้องเองโดยพลการ ทั้งที่ตนได้บอกผ่านนายณัฐพร โตประยูร ทนายความของนายไชยวัฒน์ ไปแล้วว่า จะต้องทำกันเป็นทีม และต้องนำคำฟ้องมาให้อ่านก่อน แต่ก็ไม่ได้นำมาให้อ่าน เมื่อตนทราบข่าวว่านายไชยวัฒน์ ยื่นฟ้อง ก็รู้ล่วงหน้าทันทีว่า ศาลจะไม่รับฟ้องแน่ เพราะทำผิดขั้นตอน
นายสุวัตร กล่าวว่า กรณีที่พันธมิตรฯ เคยประกาศว่าจะฟ้องนายกฯ รองนายกฯ และ ผบ.ตร.นั้น มีขั้นตอนที่วางไว้ คือ ในการไปพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ จะยื่นหนังสือขอให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนด้วย ซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนจึงจะยื่นฟ้องนายกฯในขั้นตอนต่อไป
อนึ่ง แกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วม 36 คน ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา จะเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี –รังสิต ในเวลา 10.00 น. วันนี้ โดยจะมีพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ เดินทางไปให้กำลังใจจำนวนมาก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และคณะที่ยื่นฟ้องนายกฯ กรณีตั้งข้อหาก่อการร้ายนั้น จะไม่กระทบกับการดำเนินการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในคดีของแกนนำพันธมิตรฯ ในรายอื่นๆ เพราะนายไชยวัฒน์ ถือแนวปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของสมัชชาฯ และเป็นคนละแนวปฏิบัติกับส่วนของพันธมิตรฯ ซึ่งที่ประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ เห็นว่าขั้นตอนทางศาล จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ทั้งนี้ ในวันนี้ (16 ก.ค.) แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายเรียกทั้งหมดจะไปที่สโมสรตำรวจ แต่เราจะมอบหมายให้ทีมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปถึงพนักงานสอบสวน ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้รับผิดชอบ สตช.ให้ทบทวนการออกหมายเรียก ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเท็จ หลังจากนั้นเราจะรอคำตอบสักระยะก่อนพิจารณายื่นฟ้องศาล อาจจะไม่ใช่ศาลเดียว ซึ่งถ้าจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลจะรวมเอา พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส หัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะไปด้วยอย่างแน่นอน
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยว่าในช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ทนายทั้ง 2 คน คือ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ จะไปยื่นหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน โดยผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 36 คน จะไปตามกำหนดการดังกล่าว
ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จะไปด้วยหรือไม่นั้น ไม่สะดวกที่จะเปิดเผย เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับนายสนธิ ได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งในกรุงเทพ และจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมกัน ที่สโมสรตำรวจในวันนี้ เป็นจำนวกมากเช่นกัน ซึ่งเราได้ประชาสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาทั้ง 36 คน ก็เป็นคนที่พี่น้องพันธมิตรฯ คุ้นเคยหลายคน อาทิ แกนนำทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 พิธีกรของ เอเอสทีวี ซึ่งจะมีการจัดการปราศรัย ทักทายกับพี่น้องพันธมิตรฯ เช่นเดิมเป็นเหมือนการพบปะกันของพันธมิตรฯ แบบย่อมๆ จึงอยากฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงในข้อหาก่อการร้ายของตำรวจ และพนักงานสอบสวนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการยัดเยียดเกินเหตุ โดยที่รัฐบาลยังมีความพยายามที่จะหนีปัญหา ปล่อยให้ความอยุติธรรมยังเดินหน้า โดยไม่กำกับดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งสิ่งนี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับความไม่ยุติธรรม จึงต้องออกมาเพื่อแสดงความรู้สึกที่จะโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ว่ารุนแรงเกินจริง จึงอยากให้พี่น้องพันธมิตรฯ มาร่วมแสดงตนในวันนี้ให้มาก
ที่สำคัญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 วรรคสุดท้าย ระบุว่า การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย จึงแสดงให้เห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้มีการกระทำผิดตามที่แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
นายสุวัตร กล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนไม่พิจารณายกเลิกข้อกล่าวหาดังกล่าว ก็จะยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ต่อศาลปกครองต่อไป
สำหรับกรณีที่ศาลไม่รับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ในกระบวนการยุติธรรม กรณีมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกพันธมิตรฯ ในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งรุนแรงเกินจริงนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า นายไชยวัฒน์ ไม่ได้ยื่นฟ้องในนามพันธมิตรฯ แต่รีบยื่นฟ้องเองโดยพลการ ทั้งที่ตนได้บอกผ่านนายณัฐพร โตประยูร ทนายความของนายไชยวัฒน์ ไปแล้วว่า จะต้องทำกันเป็นทีม และต้องนำคำฟ้องมาให้อ่านก่อน แต่ก็ไม่ได้นำมาให้อ่าน เมื่อตนทราบข่าวว่านายไชยวัฒน์ ยื่นฟ้อง ก็รู้ล่วงหน้าทันทีว่า ศาลจะไม่รับฟ้องแน่ เพราะทำผิดขั้นตอน
นายสุวัตร กล่าวว่า กรณีที่พันธมิตรฯ เคยประกาศว่าจะฟ้องนายกฯ รองนายกฯ และ ผบ.ตร.นั้น มีขั้นตอนที่วางไว้ คือ ในการไปพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ จะยื่นหนังสือขอให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนด้วย ซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนจึงจะยื่นฟ้องนายกฯในขั้นตอนต่อไป
อนึ่ง แกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วม 36 คน ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา จะเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี –รังสิต ในเวลา 10.00 น. วันนี้ โดยจะมีพันธมิตรฯจากจังหวัดต่างๆ เดินทางไปให้กำลังใจจำนวนมาก
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และคณะที่ยื่นฟ้องนายกฯ กรณีตั้งข้อหาก่อการร้ายนั้น จะไม่กระทบกับการดำเนินการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในคดีของแกนนำพันธมิตรฯ ในรายอื่นๆ เพราะนายไชยวัฒน์ ถือแนวปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของสมัชชาฯ และเป็นคนละแนวปฏิบัติกับส่วนของพันธมิตรฯ ซึ่งที่ประชุมของแกนนำพันธมิตรฯ เห็นว่าขั้นตอนทางศาล จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ทั้งนี้ ในวันนี้ (16 ก.ค.) แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายเรียกทั้งหมดจะไปที่สโมสรตำรวจ แต่เราจะมอบหมายให้ทีมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปถึงพนักงานสอบสวน ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้รับผิดชอบ สตช.ให้ทบทวนการออกหมายเรียก ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเท็จ หลังจากนั้นเราจะรอคำตอบสักระยะก่อนพิจารณายื่นฟ้องศาล อาจจะไม่ใช่ศาลเดียว ซึ่งถ้าจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลจะรวมเอา พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส หัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะไปด้วยอย่างแน่นอน
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยว่าในช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ทนายทั้ง 2 คน คือ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ จะไปยื่นหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน โดยผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 36 คน จะไปตามกำหนดการดังกล่าว
ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จะไปด้วยหรือไม่นั้น ไม่สะดวกที่จะเปิดเผย เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับนายสนธิ ได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งในกรุงเทพ และจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมกัน ที่สโมสรตำรวจในวันนี้ เป็นจำนวกมากเช่นกัน ซึ่งเราได้ประชาสัมพันธ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาทั้ง 36 คน ก็เป็นคนที่พี่น้องพันธมิตรฯ คุ้นเคยหลายคน อาทิ แกนนำทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 พิธีกรของ เอเอสทีวี ซึ่งจะมีการจัดการปราศรัย ทักทายกับพี่น้องพันธมิตรฯ เช่นเดิมเป็นเหมือนการพบปะกันของพันธมิตรฯ แบบย่อมๆ จึงอยากฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เห็นว่าการตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงในข้อหาก่อการร้ายของตำรวจ และพนักงานสอบสวนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการยัดเยียดเกินเหตุ โดยที่รัฐบาลยังมีความพยายามที่จะหนีปัญหา ปล่อยให้ความอยุติธรรมยังเดินหน้า โดยไม่กำกับดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งสิ่งนี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับความไม่ยุติธรรม จึงต้องออกมาเพื่อแสดงความรู้สึกที่จะโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ว่ารุนแรงเกินจริง จึงอยากให้พี่น้องพันธมิตรฯ มาร่วมแสดงตนในวันนี้ให้มาก
