วานนี้(14 ก.ค.)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องในคดีที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นโจทก์ ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.91, 157 และ 200 กรณีมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกโจทก์กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ ในข้อหาก่อการร้ายซึ่งรุนแรงเกินจริง จากการชุมนุมปิดสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและตั้งข้อหาโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำของพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา และอำนาจการสอบสวนเป็นอำนาจแยกต่างหากจากอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน และแยกจากอำนาจการควบคุมดูแลและกำกับการปฏิบัติตลอดจนกำหนดนโยบายตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ของจำเลยทั้ง 3 การกระทำของ พล.ต.ท.วุฒิ จำเลยทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 3 ให้ยกฟ้อง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ที่ศาลไม่ประทับรับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ ฟ้องนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นคนละแนวทางกับพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯมีแนวปฏิบัติว่าในขั้นตอนที่จะส่งเรื่องฟ้องศาล คงเป็นขึ้นตอนสุดท้าย แต่ในเบื้องต้นพันธมิตรฯจะใช้สิทธิในการเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสียก่อน ยืนยันว่าวันที่ 16 ก.ค.จะไปรายงานตัวแน่นอน
เราจะใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมว่าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นไปตามกรอบกฎหมายหรือไม่ เพราะพนักงานสอบสวยอาจจะมีอคติตั้งข้อกล่าวหากลั่นแกล้งประชาชน พันธมิตรฯจึงจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกฯ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 6 โดยจะรอดูปฏิกริยาของนายกฯ ว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นจึงจะพิจารณาต่อไปว่า ควรนำเรื่องฟ้องศาลหีอไท้ เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งไปถึงศาลเลย แต่เห็นว่าควรจะเรียกร้องขอความเป็นไปตามจากฝ่ายการเมืองและ สตช.ก่อน
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกและตั้งข้อหาโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำของพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจตาม ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา และอำนาจการสอบสวนเป็นอำนาจแยกต่างหากจากอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน และแยกจากอำนาจการควบคุมดูแลและกำกับการปฏิบัติตลอดจนกำหนดนโยบายตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ของจำเลยทั้ง 3 การกระทำของ พล.ต.ท.วุฒิ จำเลยทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 3 ให้ยกฟ้อง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ที่ศาลไม่ประทับรับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ ฟ้องนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นคนละแนวทางกับพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯมีแนวปฏิบัติว่าในขั้นตอนที่จะส่งเรื่องฟ้องศาล คงเป็นขึ้นตอนสุดท้าย แต่ในเบื้องต้นพันธมิตรฯจะใช้สิทธิในการเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสียก่อน ยืนยันว่าวันที่ 16 ก.ค.จะไปรายงานตัวแน่นอน
เราจะใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมว่าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นไปตามกรอบกฎหมายหรือไม่ เพราะพนักงานสอบสวยอาจจะมีอคติตั้งข้อกล่าวหากลั่นแกล้งประชาชน พันธมิตรฯจึงจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมกับนายกฯ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 6 โดยจะรอดูปฏิกริยาของนายกฯ ว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นจึงจะพิจารณาต่อไปว่า ควรนำเรื่องฟ้องศาลหีอไท้ เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งไปถึงศาลเลย แต่เห็นว่าควรจะเรียกร้องขอความเป็นไปตามจากฝ่ายการเมืองและ สตช.ก่อน
