ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจยึดรถวีโก้ กระบะล่าสังหาร"สนธิ"ตรวจหลักฐานเขม่าดินปืน พร้อมออกหมายจับ"สิบตำรวจตรี-จ่าสิบเอก"2 ตำรวจ-ทหาร ร่วมทีมยิง จ่อจับเพิ่งพลเรือนผู้กว้างขวาง จ.สระบุรี ตระกูลปาทาน ด้าน บิ๊กดีเอสไอ ปัด"สิบตำรวจตรี"ยังไม่โอนย้ายมาจาก บช.ปส.ขณะที่ประวัติพบ ช่วยงานใต้ดินดักฟังโทรศัพท์ ให้บิ๊กดีเอสไอ นิสัยพวกเสื้อแดงเกลียด"สนธิ-เอเอสทีวี"
วานนี้(14 ก.ค.)เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำรถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยในคดีคนร้ายลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ โดยการนำรถต้องสงสัยมาตรวจสอบรถครั้งนี้ ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ได้นำมาตรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งจากการตรวจภายในรถพบขวดน้ำ แผ่นซีดี บัตรพนักงานระบุชื่อ น.ส.รัศมี เมฆชัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐานทั้งหมดและลายนิ้วมือแฝงภายในรถไว้ตรวจสอบ
สำหรับรถต้องสงสัยดังกล่าวถูกนำมาตรวจสอบเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ กก.สส.บก.น.1 ได้ไปเชิญตัวชื่อผู้ครอบครองรถคือ น.ส.รัศมี เมฆชัย อยู่บ้านเลขที่ 304 ม.5 ต.ธนูชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำอยู่ใน สังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) มาสอบปากคำพร้อมกับอายัดรถกระบะคันดังกล่าวมาตรวจสอบที่ บก.จร.เพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล
ต่อมาเวลา 12.00 น.เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) เดินทางมาที่ บก.จร.จำนวน 10 นาย หลังจากทราบข่าวว่าตำรวจนำตัว น.ส.รัศมี พร้อมรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบ
จากนั้น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวน เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (สนว.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเก็บหลักฐานภายในรถดังกล่าว รวมทั้งได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร ภายหลังจาก พล.ต.อ.ธานี ประชุมเสร็จสิ้น ได้เดินทางกลับ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ธานี ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการ ดีเอสไอ และนายทหาร ยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย)
เตรียมจับเพิ่มผู้กว้างขวางสระบุรี
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสืบสวนได้ทราบเบาะแสของทีมลอบสังหาร นายสินธิ ลิ้มทองกุล มานานพอสมควรก่อนออกหมายจับ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเก็บภาพทีวีวงจรปิดตามเส้นทางถนนบรมราชชนนี ทั้งสายเข้าสายออก ตามการสันนิษฐานว่าจะเป็นเส้นทางที่คนร้ายใช้ขับรถหลบหนี จนมาได้ภาพทีวีวงจรปิดของปั้มน้ำมันบางจาก สาขาถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขาเข้า พบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเปลือกมงคุด หมายเลขทะเบียน บธ.1474 ลพบุรี จอดอยู่เวลา 04.46 น. ต่อมาได้ขับออกไป จากนั้นในเวลา 05.44 น.เจ้าหน้าที่พบภาพทีวีวงจรปิดจากปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่งในถนนสายเดียวกันแต่เป็นเส้นขาออกในเวลา 05.44 น.
ทีมสืบสวนได้จำลำลองเหตุการณ์ ว่า รถยนต์กระบะวีโก้ได้มาจอดรถเวลาที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยที่รถกระบะมาสด้า ได้ทำการประกบรถของนายสนธิ มาจาก บ้านพัก จากนั้นจึงมาลงมือพร้อมกัน ก่อนที่จะวิ่งประกบตามกันมาเลี้ยวขวาตรงแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง ก่อนจะขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ออกนอกเมืองไปพร้อมกัน
รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเปรียบเทียบกับภาพทีวีวงจรปิดบริเวณแยกคอกวัว บวกกับเวลาที่เชื่อมโยงกัน จึงเริ่มพบว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด จากนั้นได้มาทำการสืบสวนจากข้อมูลมือถือของบริเวณที่เกิดเหตุว่าในระยะเวลานั้นมีใครใช้โทรศัพท์มือถือบ้าง จนสามารถพบกลุ่มคนร้าย และนำพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับได้ ส่วนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่ออนุมัติออกหมายจับอีก โดยหนึ่งในนั้นเป็นพลเรือน มีนามสกุลว่า "ปาทาน" ซึ่งรายนี้เป็นบุคคลกว้างขวางในพื้นที่ จ.สระบุรี
ปส.โยนมือปืนขอโอนไปดีเอสไอแล้ว
พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส. ในฐานะ โฆษกบช.ปส. กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส.กทม. ว่าจากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.ท.ได้ทำหนังสือโอนย้ายไป กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เมื่อกลางปี 2551 และทางต้นสังกัดและ ตร.ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับจากทางดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ส.ต.ท.วีระวุฒิ จึงยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.อยู่ และขณะนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ขันธ์วิจารณ์ รองผบก.ศูนย์การข่าว บช.ปส. ติดตามตัว มารายงานตัวแล้ว
บิ๊กดีเอสไอเรียงหน้าชี้แจง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบข้อมูลในส่วนนี้ เพราะได้มอบหมายให้ดูเรื่องบุคลากร โดยเบื้องต้นทราบว่าเพียงว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ได้ทำเรื่องขอมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ เมื่อปี 2550 แต่เท่าที่ทราบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เกี่ยวกับการให้มาช่วยราชการที่ดีเอสไอเต็มตัว
ทางด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ได้ทำเรื่องขอโอนมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ปี 2548 สมัย พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งทางดีเอสไอ ได้สอบถามไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2549 ว่าขัดข้องหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าไม่ให้ แต่ไม่แจ้งเหตุผล ซึ่งเรื่องก็เงียบไป จากนั้นเมื่อ มี.ค. 2550 สมัยนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีดีเอสไอ ส.ต.ท.วีระวุฒิ ก็ได้ทำเรื่องขอโอนช่วยราชการอีกครั้ง และทางดีเอสไอได้ทำเรื่องถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2551 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุไม่ขัดข้อง จากนั้นดีเอสไอ ก็ได้ทำเรื่องสอบถามไปยัง ก.พ. เพื่อเทียบวุฒิฐานเงินเดือนว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ เทียบเท่ากับระดับซีอะไร ซึ่ง ก.พ.แจ้งว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ เทียบเท่า เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลระดับ 2 ซึ่ง ส.ต.ท.วีระวุฒิ ไม่มา แต่ไม่รู้ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี ได้พามาช่วยงานหรือเปล่า
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้บอกกับ พ.ต.อ.สุชาติ ว่าได้โทรสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ดุษฏี มาแล้วแต่ไม่ได้รายละเอียดอะไร ซึ่ง พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ภรรยาของ พ.ต.อ.ดุษฏี ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 ตนยังไม่กล้าไปเยี่ยมเลย แต่ไม่รู้อยู่โรงพยาบาลอะไร
มือปืนประวัติช่วยงานบิ๊กดีเอสไอ
สำหรับประวัติของ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ แหล่งข่าวระดับสูงใน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเคยทำงานสืบราชการลับร่วมกัน ได้แจ้งข้อมูลกับทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวันว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ ถือเป็นบุคคลลึกลับในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีความใกล้ชิดระดับมือขวาให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ โดยเป็นผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ เนื่องจากอดีตเคยทำงานในบริษัทโทรคมนาคม แต่ถูกไล่ออก ก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจ บช.ปส.และถูกดึงตัวมาช่วยราชการที่ดีเอสไอเพื่อช่วยงานสืบราชการลับ ทั้งบนดินและใต้ดิน ให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี จนมีข่าวการดักฟังโทรศัพท์และถูกโยกมาเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส.ต.ท.วีระวุฒิ ยังถือเป็นบุคคลที่ ถุกใช้งานในเรื่องการตามหาพยานที่มีปัญหา และเคยไปก่อเหตุยิงข่มขู่บ้านพยานในคดีฆ่านายเจริญ วัดอักษร จนพยานได้มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ส่วนรูปพรรณสันฐานของ ส.ต.ท.วีระวุฒิ ส่วนสูงประมาณ 165-170 ซม.ไว้ผมรองทรงสูง หน้าตาค่อนข้างดี และชอบใส่แว่นดำพลางสายตาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ภายในสำนักงานดีเอสไอ
สีแดงเกลียด"สนธิ-เอเอสทีวี"
นอกจากนั้น มีข้อมูลว่า ขณะที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯนำประชาชนชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเมื่อ ดีเอสไอ มีการเปิดดูรายการที่ถ่ายทอดสด ผ่านทางเอเอสทีวี ก็พบว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ มักจะแสดงอาการไม่เห็นด้วย และชอบด่าทอ นายสนธิ จงถึงขั้นแยกตัวออกไป และไม่คบหาสมาคมกับ บุคคลที่ดู เอเอสทีวี
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังเกิดเหตุคดียิง นายสนธิ พบว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ ได้หายตัวไป และก็ไม่ไปปรากฎตัวที่ดีเอสไอ อีกเลย ทำให้หลายคนคิดว่า ออกไปจาก ดีเอสไอ แล้ว จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า ถูกออกหมายจับในคดียิงนายสนธิ ในครั้งนี้
ดุษฎี อารยะวุฒิ"ปัดไม่รู้เรื่อง
ต่อมาเวลา 17.45 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีกรมสอบสวนดีเอสไอ หลังจากตำรวจได้ออกหมายจับ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ซึ่งเมื่อ พ.ต.อ.ดุษฎี รับสาย ผู้สื่อข่าวได้แนะนำตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวจากเอเอสทีวีผู้จัดการ ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี ก็ปฎิเสธทันทีว่าอะไร คุณเป็นใครผมไม่เห็นรู้จักคุณเลย ทั้งที่ผู้สื่อข่าวยังไม่แจ้งจุดประสงค์จะสอบถามเรื่องอะไร จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฏี พูดตบท้ายว่าผมไม่รู้จักเอางี้แล้วกันตอนนี้ผมเฝ้าภรรยาอยู่ห้องไอซียูแล้วปลายสายก็หลุดไป
วานนี้(14 ก.ค.)เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำรถยนต์กระบะโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยในคดีคนร้ายลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ โดยการนำรถต้องสงสัยมาตรวจสอบรถครั้งนี้ ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ได้นำมาตรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งจากการตรวจภายในรถพบขวดน้ำ แผ่นซีดี บัตรพนักงานระบุชื่อ น.ส.รัศมี เมฆชัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐานทั้งหมดและลายนิ้วมือแฝงภายในรถไว้ตรวจสอบ
สำหรับรถต้องสงสัยดังกล่าวถูกนำมาตรวจสอบเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ กก.สส.บก.น.1 ได้ไปเชิญตัวชื่อผู้ครอบครองรถคือ น.ส.รัศมี เมฆชัย อยู่บ้านเลขที่ 304 ม.5 ต.ธนูชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำอยู่ใน สังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) มาสอบปากคำพร้อมกับอายัดรถกระบะคันดังกล่าวมาตรวจสอบที่ บก.จร.เพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล
ต่อมาเวลา 12.00 น.เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย) เดินทางมาที่ บก.จร.จำนวน 10 นาย หลังจากทราบข่าวว่าตำรวจนำตัว น.ส.รัศมี พร้อมรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบ
จากนั้น พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวน เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (สนว.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเก็บหลักฐานภายในรถดังกล่าว รวมทั้งได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร ภายหลังจาก พล.ต.อ.ธานี ประชุมเสร็จสิ้น ได้เดินทางกลับ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ธานี ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการ ดีเอสไอ และนายทหาร ยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี (พลร่มป่าหวาย)
เตรียมจับเพิ่มผู้กว้างขวางสระบุรี
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสืบสวนได้ทราบเบาะแสของทีมลอบสังหาร นายสินธิ ลิ้มทองกุล มานานพอสมควรก่อนออกหมายจับ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเก็บภาพทีวีวงจรปิดตามเส้นทางถนนบรมราชชนนี ทั้งสายเข้าสายออก ตามการสันนิษฐานว่าจะเป็นเส้นทางที่คนร้ายใช้ขับรถหลบหนี จนมาได้ภาพทีวีวงจรปิดของปั้มน้ำมันบางจาก สาขาถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขาเข้า พบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเปลือกมงคุด หมายเลขทะเบียน บธ.1474 ลพบุรี จอดอยู่เวลา 04.46 น. ต่อมาได้ขับออกไป จากนั้นในเวลา 05.44 น.เจ้าหน้าที่พบภาพทีวีวงจรปิดจากปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่งในถนนสายเดียวกันแต่เป็นเส้นขาออกในเวลา 05.44 น.
ทีมสืบสวนได้จำลำลองเหตุการณ์ ว่า รถยนต์กระบะวีโก้ได้มาจอดรถเวลาที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยที่รถกระบะมาสด้า ได้ทำการประกบรถของนายสนธิ มาจาก บ้านพัก จากนั้นจึงมาลงมือพร้อมกัน ก่อนที่จะวิ่งประกบตามกันมาเลี้ยวขวาตรงแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนินกลาง ก่อนจะขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ออกนอกเมืองไปพร้อมกัน
รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเปรียบเทียบกับภาพทีวีวงจรปิดบริเวณแยกคอกวัว บวกกับเวลาที่เชื่อมโยงกัน จึงเริ่มพบว่าเป็นกลุ่มบุคคลใด จากนั้นได้มาทำการสืบสวนจากข้อมูลมือถือของบริเวณที่เกิดเหตุว่าในระยะเวลานั้นมีใครใช้โทรศัพท์มือถือบ้าง จนสามารถพบกลุ่มคนร้าย และนำพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับได้ ส่วนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่ออนุมัติออกหมายจับอีก โดยหนึ่งในนั้นเป็นพลเรือน มีนามสกุลว่า "ปาทาน" ซึ่งรายนี้เป็นบุคคลกว้างขวางในพื้นที่ จ.สระบุรี
ปส.โยนมือปืนขอโอนไปดีเอสไอแล้ว
พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส. ในฐานะ โฆษกบช.ปส. กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว บช.ปส.กทม. ว่าจากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.ท.ได้ทำหนังสือโอนย้ายไป กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เมื่อกลางปี 2551 และทางต้นสังกัดและ ตร.ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับจากทางดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ส.ต.ท.วีระวุฒิ จึงยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.อยู่ และขณะนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ขันธ์วิจารณ์ รองผบก.ศูนย์การข่าว บช.ปส. ติดตามตัว มารายงานตัวแล้ว
บิ๊กดีเอสไอเรียงหน้าชี้แจง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบข้อมูลในส่วนนี้ เพราะได้มอบหมายให้ดูเรื่องบุคลากร โดยเบื้องต้นทราบว่าเพียงว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ได้ทำเรื่องขอมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ เมื่อปี 2550 แต่เท่าที่ทราบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เกี่ยวกับการให้มาช่วยราชการที่ดีเอสไอเต็มตัว
ทางด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ได้ทำเรื่องขอโอนมาช่วยราชการที่ดีเอสไอ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ปี 2548 สมัย พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งทางดีเอสไอ ได้สอบถามไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2549 ว่าขัดข้องหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าไม่ให้ แต่ไม่แจ้งเหตุผล ซึ่งเรื่องก็เงียบไป จากนั้นเมื่อ มี.ค. 2550 สมัยนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีดีเอสไอ ส.ต.ท.วีระวุฒิ ก็ได้ทำเรื่องขอโอนช่วยราชการอีกครั้ง และทางดีเอสไอได้ทำเรื่องถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2551 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุไม่ขัดข้อง จากนั้นดีเอสไอ ก็ได้ทำเรื่องสอบถามไปยัง ก.พ. เพื่อเทียบวุฒิฐานเงินเดือนว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ เทียบเท่ากับระดับซีอะไร ซึ่ง ก.พ.แจ้งว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ เทียบเท่า เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลระดับ 2 ซึ่ง ส.ต.ท.วีระวุฒิ ไม่มา แต่ไม่รู้ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี ได้พามาช่วยงานหรือเปล่า
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้บอกกับ พ.ต.อ.สุชาติ ว่าได้โทรสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ดุษฏี มาแล้วแต่ไม่ได้รายละเอียดอะไร ซึ่ง พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ภรรยาของ พ.ต.อ.ดุษฏี ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 ตนยังไม่กล้าไปเยี่ยมเลย แต่ไม่รู้อยู่โรงพยาบาลอะไร
มือปืนประวัติช่วยงานบิ๊กดีเอสไอ
สำหรับประวัติของ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ แหล่งข่าวระดับสูงใน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเคยทำงานสืบราชการลับร่วมกัน ได้แจ้งข้อมูลกับทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวี ผู้จัดการรายวันว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ ถือเป็นบุคคลลึกลับในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีความใกล้ชิดระดับมือขวาให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ โดยเป็นผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์ เนื่องจากอดีตเคยทำงานในบริษัทโทรคมนาคม แต่ถูกไล่ออก ก่อนจะเข้ามาเป็นตำรวจ บช.ปส.และถูกดึงตัวมาช่วยราชการที่ดีเอสไอเพื่อช่วยงานสืบราชการลับ ทั้งบนดินและใต้ดิน ให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี จนมีข่าวการดักฟังโทรศัพท์และถูกโยกมาเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส.ต.ท.วีระวุฒิ ยังถือเป็นบุคคลที่ ถุกใช้งานในเรื่องการตามหาพยานที่มีปัญหา และเคยไปก่อเหตุยิงข่มขู่บ้านพยานในคดีฆ่านายเจริญ วัดอักษร จนพยานได้มีการร้องเรียนเกิดขึ้น ส่วนรูปพรรณสันฐานของ ส.ต.ท.วีระวุฒิ ส่วนสูงประมาณ 165-170 ซม.ไว้ผมรองทรงสูง หน้าตาค่อนข้างดี และชอบใส่แว่นดำพลางสายตาอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ภายในสำนักงานดีเอสไอ
สีแดงเกลียด"สนธิ-เอเอสทีวี"
นอกจากนั้น มีข้อมูลว่า ขณะที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯนำประชาชนชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเมื่อ ดีเอสไอ มีการเปิดดูรายการที่ถ่ายทอดสด ผ่านทางเอเอสทีวี ก็พบว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ มักจะแสดงอาการไม่เห็นด้วย และชอบด่าทอ นายสนธิ จงถึงขั้นแยกตัวออกไป และไม่คบหาสมาคมกับ บุคคลที่ดู เอเอสทีวี
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังเกิดเหตุคดียิง นายสนธิ พบว่า ส.ต.ท.วีระวุฒิ ได้หายตัวไป และก็ไม่ไปปรากฎตัวที่ดีเอสไอ อีกเลย ทำให้หลายคนคิดว่า ออกไปจาก ดีเอสไอ แล้ว จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า ถูกออกหมายจับในคดียิงนายสนธิ ในครั้งนี้
ดุษฎี อารยะวุฒิ"ปัดไม่รู้เรื่อง
ต่อมาเวลา 17.45 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีกรมสอบสวนดีเอสไอ หลังจากตำรวจได้ออกหมายจับ ส.ต.ท.วีระวุฒิ มุ่งสันติ ซึ่งเมื่อ พ.ต.อ.ดุษฎี รับสาย ผู้สื่อข่าวได้แนะนำตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวจากเอเอสทีวีผู้จัดการ ทาง พ.ต.อ.ดุษฎี ก็ปฎิเสธทันทีว่าอะไร คุณเป็นใครผมไม่เห็นรู้จักคุณเลย ทั้งที่ผู้สื่อข่าวยังไม่แจ้งจุดประสงค์จะสอบถามเรื่องอะไร จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฏี พูดตบท้ายว่าผมไม่รู้จักเอางี้แล้วกันตอนนี้ผมเฝ้าภรรยาอยู่ห้องไอซียูแล้วปลายสายก็หลุดไป