อธิบดีดีเอสไอร้อนตัว ออกโรงปัดดักฟังโทรศัพท์ รมว.ยุติธรรม ระบุทำงานมา 1 ปี ไม่มีการใช้เครื่องมือไปดักฟังใคร คุยเป็น ตร.มาก่อนรู้กฎหมายเป็นอย่างดี พร้อมชี้แจง “พีระพันธุ์” หากมีโอกาส
วันนี้( 6 ม.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาระบุถูกดักฟังโทรศัพท์ว่า แม้ดีเอสไอจะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีเครื่องมือในการดักฟังทางโทรศัพท์ แต่ดีเอสไอมีระเบียบหลักเกณฑ์วิธีการใช้งาน ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติต้องการใช้เครื่องมือตามขั้นตอนของดีเอสไอ ต้องทำหนังสือเสนอขออนุมัติใช้เครื่องมือมายังอธิบดี หรือ รองอธิบดี เพื่อส่งเรื่องไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ในการขออนุญาตให้ใช้เครื่องมือดักฟัง อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ ที่ดูแลรับผิดชอบเครื่องมือดังกล่าว ทราบว่าตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมาไม่มีการใช้เครื่องมือดักฟังอย่างแน่นอน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวดีเอสไอได้นำเครื่องมือไปอัปเดตฐานข้อมูล อีกทั้งการดักฟังทางโทรศัพท์ไม่ใช่เพียงมีเครื่องมือตัวเดียวแล้วสามารถทำได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ต่างๆ และดีเอสไอก็ไม่เคยขอให้ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ร่วมมือในการดักฟัง
“ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งเกือบ1 ปี ยืนยันว่าไม่มีการใช้เครื่องมือไปดักฟังใคร ที่ผ่านมาเครื่องมือจะถูกใช้ในเรื่องความมั่นคงทางภาคใต้ และคดีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ส่วนคดีทั่วไปดีเอสไอจะคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ปกติดีเอสไอจะไม่นำเรื่องเครื่องดักฟังมาพูดกับสื่อมวลชนเพราะเป็นความลับในงานสืบสวนสอบสวน ผมเคยเป็นตำรวจมาก่อนรู้บทเรียนในการบังคับใช้กฎหมายเป็นอย่างดี หลายคดีแม้มีความตั้งใจให้งานสำเร็จ แต่ไม่ควรเลือกใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น ตั้งแต่รับตำแหน่งก็พยามยามให้ความสำคัญกับการรวบรวมพยานหลักฐานที่ถูกต้องตามกฎหมาย” อธิบดีดีเอสไอกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การรายงานข้อมูลเรื่องการดักฟังโทรศัพท์เป็นความต้องการในการเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ส่วนตัวเคารพในตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในแง่การให้เกียรติคนอื่นและมีเหตุผล นอกจากนี้ การที่ รมว.ยุติธรรม เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน จะรับฟังจากคนที่สาบานตนแล้ว และยังต้องฟังความจากสองฝ่าย ต้องยอมรับคดีในดีเอสไอทำเกี่ยวข้องกับผู้มีเงิน และผู้มีอิทธิพล และอาจจะมีอำนาจผูกพันหลายฝ่าย และคนเหล่านี้อาจนำข้อมูลไปให้เพื่อเชื่อมโยงทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้พิสูจน์ดีเอสไอด้วยคดีต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ศาลพิพากษาลงโทษ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า หากข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องส่วนตัวตนก็พอจะรับได้ แต่ถ้าเป็นไม่อยากให้กระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กร ผู้บริหารอยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี แต่องค์กรต้องอยู่ต่อไป ใครจะไปให้ข่าวอย่างไรตนคงห้ามไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสพบ รมว.ยุติธรรม ก็จะชี้แจงและสอบถามว่าจะให้ดีเอสไอช่วยอย่างไร และต้องเข้าไปตรวจสอบว่าหน่วยใดเป็นผู้ลงมือ