บริษัทแม่แอลจีประกาศนโยบายใหม่ ผลักดันแบรนด์ขึ้นสู่ โกลบอลแบรนด์นัมเบอร์วัน ภายในปี 2555 เดินหน้าสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งหวังสร้างแบรนด์ คว้าสิทธิ์สปอนเซอร์ ฟอร์มูล่าวัน กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าครั้งแรก ในไทยทุ่ม 30 ล้านบาท อัดแคมเปญรับกระแส
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯแม่ที่เกาหลีได้ประกาศนโยบายใหม่เร็วๆนี้ มีเป้าหมายให้แอลจีเป็น โกลบอลแบรนด์นัมเบอร์วัน (Global Brand Number 1) ภายในปี 2555 โดยที่แอลจีจะเป็นผู้นำทั้งในด้านของรายได้รวม ส่วนแบ่งการตลาด กำไรจากผลประกอบการ ความเป็นผู้นำของแบรนด์ และมีพนักงานในองค์กรที่มีความทาเล้นท์มากที่สุด หลังจากที่เป้าหมายเดิมคือ การเป็นโกลบอลแบรนด์ท็อปทรี ภายในปี 2553 ใกล้ความเป็นจริงแล้ว
ผลิตภัณฑ์ของแอลจีทุกกลุ่มสามารถก้าวขึ้นติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดแล้วเช่น ทีวี อันดับที่ 2, แอลซีดีทีวี ที่3, พลาสม่าทีวี ที่ 2, โฮมเธียเตอร์ ที่ 3, เครื่องซักผ้า ที่ 1 ระยะเวลา 8 ปีติดต่อกันแล้ว, ไมโครเวฟ ที่2, เครื่องดูดฝุ่น ที่ 3, เครื่องปรับอากาศ ที่ 3, มีเพียงกลุ่มเดียวคือ โทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ติด 1 ใน 3 เท่านั้น โดยอ้างอิงจากบริษัทจีเอฟเค ไทยแลนด์ จำกัด
อย่างไรก็ตามแนวทางการดำเนินงานไปให้ถึงเป้าหมายนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ล่าสุดบริษัทแม่ที่เกาหลีได้เซ็นสัญญาการเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ (โกลบอล พาร์ทเนอร์ ออฟ ฟอร์มูล่า วัน) กับการแข่งขันรถสูตร 1 หรือฟอร์มูล่าวัน มีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ฟอร์มูล่าเปิดรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสปอนเซอร์หลักจากเดิมที่ไม่เคยมี ซึ่งแอลจีได้รับสิทธิ์ด้านการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือและดาต้าโปรเซสเซอร์ ของการแข่งขันรายการนี้เป็นทางการ ซึ่งแอลจีจะได้รับการประกาศและได้พื้นที่โปรโมทบนแท่นจับเวลาสดอย่างเป็นทางการตลอดการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน รวมถึงวีทีอาร์โปรโมทรายการที่ถ่ายทอดสดทั่วโลก และได้รับสิทธิ์ทำตลาดเกี่ยวกับแบรนด์ฟอร์มูล่าวันทั่วโลกด้วย
นายฮาเวิร์ด กล่าวว่า นโยบายด้านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างการรับรู้พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับพรีเมียมของแอลจีได้อย่างดี ซึ่งขณะนี้ยอดขายสินค้ากลุ่มพรีเมียมของแอลจีมีสัดส่วนประมาณ 25-30% ของรายได้รวม ซึ่งตั้งเป้าอยู่ที่ 40% จากรายได้รวมในอนาคต ซึ่งปีนี้คาดรายได้รวม 15,000 ล้านบาท โดยในไทยได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท ในการทำตลาดแคมเปญ “LG theUltimate Speed & Technology” ในไทย ช่วง กรกฎาคม-ตุลาคม 2552 ซึ่งการแข่งขันฟอร์มูล่าวันปีนี้จะมีทั้งสิ้น 17 สนาม ผ่านพ้นไปแล้ว 8 สนาม
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯแม่ที่เกาหลีได้ประกาศนโยบายใหม่เร็วๆนี้ มีเป้าหมายให้แอลจีเป็น โกลบอลแบรนด์นัมเบอร์วัน (Global Brand Number 1) ภายในปี 2555 โดยที่แอลจีจะเป็นผู้นำทั้งในด้านของรายได้รวม ส่วนแบ่งการตลาด กำไรจากผลประกอบการ ความเป็นผู้นำของแบรนด์ และมีพนักงานในองค์กรที่มีความทาเล้นท์มากที่สุด หลังจากที่เป้าหมายเดิมคือ การเป็นโกลบอลแบรนด์ท็อปทรี ภายในปี 2553 ใกล้ความเป็นจริงแล้ว
ผลิตภัณฑ์ของแอลจีทุกกลุ่มสามารถก้าวขึ้นติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดแล้วเช่น ทีวี อันดับที่ 2, แอลซีดีทีวี ที่3, พลาสม่าทีวี ที่ 2, โฮมเธียเตอร์ ที่ 3, เครื่องซักผ้า ที่ 1 ระยะเวลา 8 ปีติดต่อกันแล้ว, ไมโครเวฟ ที่2, เครื่องดูดฝุ่น ที่ 3, เครื่องปรับอากาศ ที่ 3, มีเพียงกลุ่มเดียวคือ โทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ติด 1 ใน 3 เท่านั้น โดยอ้างอิงจากบริษัทจีเอฟเค ไทยแลนด์ จำกัด
อย่างไรก็ตามแนวทางการดำเนินงานไปให้ถึงเป้าหมายนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ล่าสุดบริษัทแม่ที่เกาหลีได้เซ็นสัญญาการเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ (โกลบอล พาร์ทเนอร์ ออฟ ฟอร์มูล่า วัน) กับการแข่งขันรถสูตร 1 หรือฟอร์มูล่าวัน มีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ฟอร์มูล่าเปิดรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสปอนเซอร์หลักจากเดิมที่ไม่เคยมี ซึ่งแอลจีได้รับสิทธิ์ด้านการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือและดาต้าโปรเซสเซอร์ ของการแข่งขันรายการนี้เป็นทางการ ซึ่งแอลจีจะได้รับการประกาศและได้พื้นที่โปรโมทบนแท่นจับเวลาสดอย่างเป็นทางการตลอดการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน รวมถึงวีทีอาร์โปรโมทรายการที่ถ่ายทอดสดทั่วโลก และได้รับสิทธิ์ทำตลาดเกี่ยวกับแบรนด์ฟอร์มูล่าวันทั่วโลกด้วย
นายฮาเวิร์ด กล่าวว่า นโยบายด้านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างการรับรู้พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับพรีเมียมของแอลจีได้อย่างดี ซึ่งขณะนี้ยอดขายสินค้ากลุ่มพรีเมียมของแอลจีมีสัดส่วนประมาณ 25-30% ของรายได้รวม ซึ่งตั้งเป้าอยู่ที่ 40% จากรายได้รวมในอนาคต ซึ่งปีนี้คาดรายได้รวม 15,000 ล้านบาท โดยในไทยได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท ในการทำตลาดแคมเปญ “LG theUltimate Speed & Technology” ในไทย ช่วง กรกฎาคม-ตุลาคม 2552 ซึ่งการแข่งขันฟอร์มูล่าวันปีนี้จะมีทั้งสิ้น 17 สนาม ผ่านพ้นไปแล้ว 8 สนาม