"คอมมาร์ต เอ็กซ์ เจน “ ปีนี้เงินสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาทเท่ากับกับปีที่ผ่านมา ทุ่มงบทำตลาด 50 ล้านบาทชี้หากกำลังซื้อยังไม่ดีขึ้นเกิดภาวะเงินฝืดแน่นอน กระทุ้งรัฐบาลช่วยเร่งผลักดันไอทีไทยให้เกิดรูปธรรม เชื่อยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ห่วงเด็กไทยอยากให้เป็นผู้พัฒนามากกว่าผู้ใช้งาน
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ต เปิดเผยว่า งานคอมมาร์ต เอ็กซ์ เจน ที่จัดขึ้นกลางปีนี้จะโชว์เน้นความสดใหม่ และความก้าวล้ำทันสมัยของงเทคโนโลยี ตามแนวคิดงานที่เคยจัดมาทุกๆปี แต่ก็ยังคงมีสินค้าให้คอไอทีได้เลือกซื้อกันเหมือนเช่นเคย ตั้งแต่สินค้าราคาประหยัด จนถึงสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม
"ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดค้าปลีกไอทียอดเติบโตต่ำกว่าเป้าเกือบ 15% ทำให้ครั้งนี้ผู้ค้าไอทีทุกแบรนด์ต้องโหมโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขายในงานมากขึ้น คาดว่างานนี้จะมีเงินสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงานเดียวกันในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับงบการตลาดที่ยังใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานกว่าล้านคน"
นายปฐมกล่าวต่อว่า ตลาดสินค้าไอทีมีโอกาสเสี่ยงที่จะอยู่ในภาวะเงินฝืด เนื่องจากแนวโน้มการซื้อสินค้าไอทีนั้นถือว่าอยู่ในช่วงอัดอั้นมากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา และไม่แปลกที่ตัวเลขสินค้าไอทีจะติดลบ ดังนั้นการทุ่มโปรโมชันของแต่ละแบรนด์ก็เพื่อดึงกำลังซื้อกลับมา ไม่ใช่แค่งานคอมมาร์ตเท่านั้นที่จะเป็นตัววัดตลาดไอทีในช่วงครึ่งปีหลัง แต่งานลักษณะเดียวกันที่กำลังจัดอยู่ในช่วงนี้ 4-5 งานก็เช่นกัน
"ถ้าการจัดงานทั้งหมดยังไม่สามารถดึงกำลังซื้อกลับมาได้ ฟันธงได้เลยว่าเกิดภาวะเงินฝืดแน่นอน"
ปฐมชี้ว่าแนวทางแก้ปัญหานั้นมีอยู่ 2 แนวทาง คือ ระยะสั้น ทำได้โดยการอัดโปรโมชัน และระยะยาว ทำได้โดยให้ภาครัฐบาลเข้ามาให้การสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้าไอทีเป็นตัวต่อยอดทุกภาคธุรกิจ และอยากฝากถึงภาครัฐด้วยว่าตลาดไอทียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สามารถสร้างรากฐานได้จากเยาวชน
"ทุกวันนี้เด็กไทยถูกสอนให้เป็นผู้ใช้งานมากกว่าเป็นผู้พัฒนา สิ่งที่ต้องทำคือไม่จำเป็นต้องคิดใหม่เพื่อแข่งขันกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่ให้คิดต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิม"
สำหรับแนวโน้มสุดยอดเทคโนโลยีที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงแบ่งออกได้ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. เทคโนโลยีจอภาพที่จะมีการเปลี่ยนจากเทคโนโลยี LCD ไปสู่ LED ซึ่งจะเพิ่มความคมชัดของภาพ และประหยัดพลังงาน 2. เทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ SSD (Solid-State Drive) ซึ่งจะช่วยให้อ่านข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 3. Projecttor ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่เล็กกะทัดรัด และใช้งานง่ายขึ้น 4.Printer ที่มีการเพิ่มฟังก์ชันไวเลสให้เป็นมาตรฐาน เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อ และไม่จำกัดพื้นที่ใช้งาน อย่างสุดท้าย กล้องดิจิตอล SLR ที่สายพันธุ์ใหม่จะมีขนาดกะทัดรัด และใช้งานสะดวกขึ้น
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดไอทีไทยว่า งานนี้จะเป็นตัวตอบโจทย์ถึงครึ่งปีหลังที่เหลือ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีสำหรับตลาดไอที ดูได้จากตลาดคอนซูเมอร์ในช่วงเดือนพ.ค. - มิ.ย. มียอดขายที่หนาแน่นมาก ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อมาหนาแน่นในช่วงนี้แทน
"สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดโลก ที่ต้องใช้เวลาสักไตรมาสเพื่อฟื้นคืน ถ้าหากตัวเลขตลาดไอทีในไตรมาส 2 ของไทยดีขึ้น จะส่งสัญญาณให้ครึ่งปีหลังดีขึ้นด้วย ในต่างประเทศก็จะเห็นในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งในขณะนี้มีสินค้าบางชนิดที่ขาดตลาดเพิ่มมากขึ้น"
นายพัทธกร พรศิริธิเวช ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท เบนคิว (ประเทศไทย) กล่าวว่า เบนคิวคาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับดีมาก โดยเชื่อว่าการซื้อขายภายในงานส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะใช้บัตรเครดิตเป็นหลัก เนื่องจากมีโปรโมชันผ่อน 0% ทำให้สามารถทำเงินไปใช้อย่างอื่นได้ด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่ายอดขายโดยรวมของเบ็นคิวจะโตขึ้น 40 - 50%
"การเติบโตของเบ็นคิวในช่วงครึ่งปีแรก เทียบกับครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาจะโตขึ้นประมาณ 50% ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ทางเบ็นคิวตั้งเป้าไว้ประมาณ 3,000 เครื่อง จากเมื่อต้นปีที่ขายได้ประมาณ 1,700 เครื่อง โดย 70% จะอยู่ในช่วงราคา 20,000 - 25,000 บาท สัดส่วนของโน้ตบุ๊กกับเน็ตบุ๊กจะอยู่ที่ 60% ต่อ 40%"
สำหรับโปรโมชันที่น่าสนใจของเบ็นคิวคือเน็ตบุ๊กราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท มีจำนวนจำกัด และโน้ตบุ๊กรุ่น S33-LM17 ที่เป็น Intel Core 2 Duo T6600 แรม 4GB ฮาร์ดดิสก์ 320GB ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง S57 เริ่มต้นที่ 33,900 บาท
นายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจคอนซูมเมอร์ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเดลล์ถือว่าอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดโน้ตบุ๊ก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ทางเดลล์ได้เติมสินค้าให้มีครบทุกเซกเมนต์ตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงระดับพรีเมี่ยม เพื่อขยายฐานตลาดให้คนที่ยังไม่รู้จักเดลล์ได้เข้าใจและรับรู้ถึงบริการ ออนไซด์เซอร์วิส รวมถึงการปรับวิธีการขายให้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากมีพื้นที่จำกัด
"ระดับราคาโน้ตบุ๊กที่จะได้รับความนิยมในครั้งนี้จะอยู่ที่ระดับราคา 20,000 - 25,000 บาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งถ้าเทียบประสิทธิภาพและบริการแล้ว ทางเดลล์ไม่น่าจะเป็นรองใคร ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้จ่ายสินค้าจะหันมาใช้บัตรเครดิตมากขึ้น เนื่องจากโปรโมชันสำหรับเงินสด และการซื้อแบบเงินผ่อนแทบจะไม่แตกต่างกัน"
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า งานในครั้งนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากผ่านจุดที่มีปัญหาเศรษฐกิจมากที่สุดไปแล้ว ทำให้ผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นหันกลับมาบริโภคสินค้าไอที โดยจากยอดจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาทางโตชิบามียอดขายปลีกเพิ่มขึ้นกว่าในไตรมาส1 มากพอสมควร
"เป้าหมายในการจำหน่ายของโน้ตบุ๊กในปีนี้จะอยู่ที่ 8,000 เครื่อง โดยเมื่อต้นปีจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 เครื่อง โดยในปีนี้โตชิบาตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 3 ให้ได้จากส่วนแบ่งการตลาด 15% ซึ่งเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 7-8% จากการสำรวจของจีเอฟเค นอกจากนี้เชื่อว่าโน้ตบุ๊กในช่วงราคา 2 หมื่นต้นๆ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปรับลดราคาของสินค้าทางเทคโนโลยี ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในราคาไม่แพงมากนัก"
งาน "คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2009" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2552 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
***ประมวลข่าว Commart X-Gen 2009***
- ชมงาน Commart X-gen'09 แบบไม่ต้องเมื่อย
- สวยๆ งามๆ ใน Commart X'GEN '09
- รวมฮิตโปรโมชัน Commart X-Gen 2009
- มารู้จัก 4 Gadget ที่จะโชว์ใน “คอมมาร์ต เอ็กซ์เจน 2009”
Company Relate Link :
Commart X-Gen 09