ASTVผู้จัดการรายวัน - นายแบงก์คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25%ในการประชุมวันนี้ ระบุถึงลดตอนนี้ก็ไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อยังไม่มีวี่แวว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคากรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ตามเดิม เนื่องจากการลดดอกเบี้ยในขณะนี้จะไม่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในขณะนี้จะต้องเป็นเงินลงทุนภาครัฐ หลังจากนั้นจึงจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลงทุนภาคเอกชน และเนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป ทำให้เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภาคการส่งออกจึงชะลอตัวลง ดังนั้น รัฐบาลต่องเร่งให้เกิดการลงทุนในภาคเอกชนโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่สมาคมธนาคารไทยมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนระบบมาตรฐานขั้นต่ำอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ว่า สาเหตุที่มีแนวคิดดักล่าว เนื่องมาจากฐานเดิมที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR) ไม่ได้เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่แท้จริง ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันยังมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ให้กับประชาชนหรือธุรกิจต่างๆในอัตรา MLR ลบอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางสมาคมธนาคารไทยกำลังศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียในการใช้อัตราอ้างอิงดังกล่าว และหากจะมีการเปลี่ยนจะใช้แนวทางใดและมีผลกระทบต่อมาตรการเดิมอย่างไร
"การที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าต้องเมื่อไหร่ ยังบอกไม่ได้ว่าจะสรุปผลในอีกกี่เดือน แต่จะต้องทำการศึกษาในรายละเอียด ซึ่งการใช้มาตรฐานการคิดอัตราดอดเบี้ยเงินกู้ที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ย MLR ได้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2540 แล้ว ฉะนั้น การจะเปลี่ยนมาตรฐานต้องมีการศึกษาให้รอบคอบก่อนว่าหากมีการปรับเปลี่ยนจริง แล้วระบบเดิมจะทำเช่นไร ซึ่งหากเปลี่ยนแล้วจะกระทบต่อมาตรฐานเดิมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ"
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ที่ประชุม กนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากการใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้ถือว่าไม่ได้ผลแต่การใช้นโยบายทางการคลังน่าจะดีกว่าโดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐ เพราะหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงจะส่งผลกระทบต่อผู้ออมเงิน ในทางกลับกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่การทรงตัวของอัตราดอกเบี้ยจะนานหรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูปัจจัยด้านราคาน้ำมันประกอบ
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าการประชุม กนง.ครั้งนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเช่นกัน เพราะหากพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจและแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดขณะนี้ถือว่ายังไม่มี ส่วนปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ ธปท.ตัดสินใจปรับลดหรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคากรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ตามเดิม เนื่องจากการลดดอกเบี้ยในขณะนี้จะไม่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในขณะนี้จะต้องเป็นเงินลงทุนภาครัฐ หลังจากนั้นจึงจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลงทุนภาคเอกชน และเนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป ทำให้เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภาคการส่งออกจึงชะลอตัวลง ดังนั้น รัฐบาลต่องเร่งให้เกิดการลงทุนในภาคเอกชนโดยเร็ว
ส่วนกรณีที่สมาคมธนาคารไทยมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนระบบมาตรฐานขั้นต่ำอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ว่า สาเหตุที่มีแนวคิดดักล่าว เนื่องมาจากฐานเดิมที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR) ไม่ได้เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่แท้จริง ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันยังมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ให้กับประชาชนหรือธุรกิจต่างๆในอัตรา MLR ลบอยู่ ซึ่งขณะนี้ทางสมาคมธนาคารไทยกำลังศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียในการใช้อัตราอ้างอิงดังกล่าว และหากจะมีการเปลี่ยนจะใช้แนวทางใดและมีผลกระทบต่อมาตรการเดิมอย่างไร
"การที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าต้องเมื่อไหร่ ยังบอกไม่ได้ว่าจะสรุปผลในอีกกี่เดือน แต่จะต้องทำการศึกษาในรายละเอียด ซึ่งการใช้มาตรฐานการคิดอัตราดอดเบี้ยเงินกู้ที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ย MLR ได้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2540 แล้ว ฉะนั้น การจะเปลี่ยนมาตรฐานต้องมีการศึกษาให้รอบคอบก่อนว่าหากมีการปรับเปลี่ยนจริง แล้วระบบเดิมจะทำเช่นไร ซึ่งหากเปลี่ยนแล้วจะกระทบต่อมาตรฐานเดิมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ"
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ที่ประชุม กนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากการใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้ถือว่าไม่ได้ผลแต่การใช้นโยบายทางการคลังน่าจะดีกว่าโดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐ เพราะหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงจะส่งผลกระทบต่อผู้ออมเงิน ในทางกลับกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่การทรงตัวของอัตราดอกเบี้ยจะนานหรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูปัจจัยด้านราคาน้ำมันประกอบ
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าการประชุม กนง.ครั้งนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเช่นกัน เพราะหากพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจและแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดขณะนี้ถือว่ายังไม่มี ส่วนปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ ธปท.ตัดสินใจปรับลดหรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย