ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กแบงก์กสิกรฯยันคลังออกพันธบัตร-กู้เงินในประเทศ ไม่กระทบสภาพคล่องแบงก์ที่ยังมีมากพอ หลังสินเชื่อทั้งระบบหดตัว หนุนรัฐระดมทุนจากหลายทาง ไม่ควรเน้นออกพันธบัตรจำนวนมาก อาจกระทบดอกเบี้ยในระบบให้สูงขึ้น ด้านสินเชื่อแบงก์ไตรมาส 2 ยังคงตัว แต่ในอัตราที่น้อยกว่าไตรมาสแรก แต่คาดครึ่งปีหลังกระเตื้องขึ้น หลังเศรษฐกิจโลก-ไทยส่อแววฟื้น
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังจะระดมเงินทุนจากการออกพันธบัตรและกู้จากสถาบันการเงินในประเทศว่า การออกพันธบัตรของรัฐบาลจำนวน 3 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปีและ 5 ปี รวมถึงการกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 3 หมื่นล้านบาทที่จะทำในปีงบประมาณนี้นั้น คงจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่แล้ว และเชื่อว่าในช่วงต่อไปธุรกรรมภาคเอกชนก็จะไม่คึกคัก การปล่อยสินเชื่อก็จะยังไม่มากนัก จึงเชื่อว่าจะมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการระดมเงินดังกล่าว
สำหรับในปี 53 นั้น เท่าที่ทราบจะมีการระดมเงินทุนประมาณ 1 แสนล้าน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นแนวทางในการระดมเงิน แต่รัฐบาลควรมีการระดมเงินในหลากหลายช่องทาง ไม่ควรเน้นที่การออกพันธบัตรเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินกระเพื่อมได้ ซึ่งเมื่อดูจากดอกเบี้ยของพันธบัตรทที่รัฐบาลออกมาก็ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่จูงใจพอสมควร
"รัฐบาลคิดถูกที่มีการระดมทุนในหลากหลายทาง เพราะตอนแรกที่มีข่าวออกมาว่าจะระดมเงินด้วยการออกพันธบัตรเป็นส่วนใหญ่ ก็ส่งผลให้ดอกเบี้ยในตลาดเงินกระเพื่อมขึ้นทันที ดังนั้น แนวทางการระดมทุนกับระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้สมดุล"
นายประสารกล่าวอีกว่า โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยประคองเศรษฐกิจของประเทศได้ เนื่องจากช่วงปลายปีก่อนและต้นปีนี้เศรษฐกิจหดตัวลงมาก ส่งผลต่ออำนาจซื้อ การว่างงาน ซึ่งหากมีแหล่งเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมก็จะช่วยได้ และหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป
จับตาธปท.ส่งสัญญาณดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารนั้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้่ยระยะยาวมีความเป็นไปได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนการออกพันธบัตรของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่ส่งผลให้ดอกเบี้ยธนาคารขยับเพิ่มขึ้น เนื่องจากแหล่งเงินฝากประเภท 3 หรือ 5 ปีอยู่ในสัดส่วนที่ไม่มากนัก แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวจะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม ก็จะอาจจะต้องระดมเงินทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ จะต้องดูทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของทางการซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สำคัญด้วย เนื่องจากขณะนี้เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะต้องระมัดระวังในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยในช่วงต่อไป ที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการควบคุมเงินเฟ้อ
"โจทย์ในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของแบงก์ชาติในช่วงต่อไป ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย คือต้องระวังเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลอัดฉีดเงินเข้ามาระบบมาก ขณะที่ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ยังไม่ชัดเจน หากปรับขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะขัดต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น การจะขยับดอกเบี้ยไปในทิศทางใดก็ต้องชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบ"
ด้านสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยในไตรมาส 2 นั้น ยังคงหดตัวแต่เป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วก็ยังลดลง ซึ่งธนาคารก็ยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้ไว้ที่เติบโตในอัตรา 5% เนื่องจากคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น จากปัจจุบันที่ถือว่ายังเป็นสัญญาณอ่อนๆเท่านั้น
จับมือแอมเวย์เพิ่มบริการ IVR
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ล่าสุด ธนาคารได้มีการพัฒนาระบบชำระสินค้าและบริการผ่านระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ(IVR) โดยจะให้บริการกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นรายแรก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินและยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจแอมเวย์ 300,000 รหัส และสมาชิกสมัครใช้สินค้าอยู่ 700,000 รายทั่วประเทศ โดยเมื่อสั่งซื้อสินค้าแอมเวย์ผ่าน Amway Call Center 0-2725-8000 ด้วยบัตรแอมเวย์เครดิตการ์ด เจ้าหน้าที่จะแจ้งหมายเลขรหัสการสั่งซื้อพร้อมจำนวนเงิน และจะโอนสายเข้าสู่ระบบ IVR เพื่อชำระเงินแบบอัตโนมัติผ่านทางโทรศัพท์ได้ทันที โดยไม่ต้องไปชำระเงินที่ธนาคารหรือแอมเวย์ ช็อป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต เนื่องจากทำรายการผ่านระบบอัตโนมัติของธนาคารโดยตรงและสะดวกมากขึ้น
"ระบบ IVR หรือระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ ให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของบริการ K-Payment Gateway โดยถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของระบบการรับชำระด้วยบัตรเครดิตที่ถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต เพราะทำธุรกรรมด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกให้กับแอมเวย์ โดยธนาคารจะเป็นผู้จัดการระบบ ข้อมูลการชำระสินค้าให้"
ทั้งนี้ ปัจจุบันแอมเวย์ใช้ช่องทางการรับชำระเงินค่าสินค้าผ่านระบบของธนาคารกสิกรไทยเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนธุรกรรมในปี 2551 กว่าร้อยละ60 ของยอดขายแอมเวย์ และคาดว่าหลังให้บริการชำระค่าสินค้าผ่านระบบ IVR จะช่วยเพิ่มยอดธุรกรรมในปีนี้เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะมีการชำระเงินผ่านระบบดังกล่าว 100 ล้านบาท และในอนาคตธนาคารมีโครงการจะพัฒนาระบบดังกล่าวไปใช้กับธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจสายการบิน ประกันชีวิตและการรับจองตั๋วต่อไป
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังจะระดมเงินทุนจากการออกพันธบัตรและกู้จากสถาบันการเงินในประเทศว่า การออกพันธบัตรของรัฐบาลจำนวน 3 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปีและ 5 ปี รวมถึงการกู้เงินจากสถาบันการเงินอีก 3 หมื่นล้านบาทที่จะทำในปีงบประมาณนี้นั้น คงจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่แล้ว และเชื่อว่าในช่วงต่อไปธุรกรรมภาคเอกชนก็จะไม่คึกคัก การปล่อยสินเชื่อก็จะยังไม่มากนัก จึงเชื่อว่าจะมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการระดมเงินดังกล่าว
สำหรับในปี 53 นั้น เท่าที่ทราบจะมีการระดมเงินทุนประมาณ 1 แสนล้าน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นแนวทางในการระดมเงิน แต่รัฐบาลควรมีการระดมเงินในหลากหลายช่องทาง ไม่ควรเน้นที่การออกพันธบัตรเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินกระเพื่อมได้ ซึ่งเมื่อดูจากดอกเบี้ยของพันธบัตรทที่รัฐบาลออกมาก็ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่จูงใจพอสมควร
"รัฐบาลคิดถูกที่มีการระดมทุนในหลากหลายทาง เพราะตอนแรกที่มีข่าวออกมาว่าจะระดมเงินด้วยการออกพันธบัตรเป็นส่วนใหญ่ ก็ส่งผลให้ดอกเบี้ยในตลาดเงินกระเพื่อมขึ้นทันที ดังนั้น แนวทางการระดมทุนกับระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลให้สมดุล"
นายประสารกล่าวอีกว่า โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยประคองเศรษฐกิจของประเทศได้ เนื่องจากช่วงปลายปีก่อนและต้นปีนี้เศรษฐกิจหดตัวลงมาก ส่งผลต่ออำนาจซื้อ การว่างงาน ซึ่งหากมีแหล่งเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมก็จะช่วยได้ และหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับธุรกิจเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงต่อไป
จับตาธปท.ส่งสัญญาณดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารนั้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้่ยระยะยาวมีความเป็นไปได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนการออกพันธบัตรของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่ส่งผลให้ดอกเบี้ยธนาคารขยับเพิ่มขึ้น เนื่องจากแหล่งเงินฝากประเภท 3 หรือ 5 ปีอยู่ในสัดส่วนที่ไม่มากนัก แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวจะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม ก็จะอาจจะต้องระดมเงินทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ จะต้องดูทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของทางการซึ่งถือเป็นสัญญาณที่สำคัญด้วย เนื่องจากขณะนี้เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะต้องระมัดระวังในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยในช่วงต่อไป ที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการควบคุมเงินเฟ้อ
"โจทย์ในการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของแบงก์ชาติในช่วงต่อไป ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย คือต้องระวังเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลอัดฉีดเงินเข้ามาระบบมาก ขณะที่ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ยังไม่ชัดเจน หากปรับขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะขัดต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น การจะขยับดอกเบี้ยไปในทิศทางใดก็ต้องชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบ"
ด้านสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยในไตรมาส 2 นั้น ยังคงหดตัวแต่เป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วก็ยังลดลง ซึ่งธนาคารก็ยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้ไว้ที่เติบโตในอัตรา 5% เนื่องจากคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น จากปัจจุบันที่ถือว่ายังเป็นสัญญาณอ่อนๆเท่านั้น
จับมือแอมเวย์เพิ่มบริการ IVR
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ล่าสุด ธนาคารได้มีการพัฒนาระบบชำระสินค้าและบริการผ่านระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ(IVR) โดยจะให้บริการกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นรายแรก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินและยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจแอมเวย์ 300,000 รหัส และสมาชิกสมัครใช้สินค้าอยู่ 700,000 รายทั่วประเทศ โดยเมื่อสั่งซื้อสินค้าแอมเวย์ผ่าน Amway Call Center 0-2725-8000 ด้วยบัตรแอมเวย์เครดิตการ์ด เจ้าหน้าที่จะแจ้งหมายเลขรหัสการสั่งซื้อพร้อมจำนวนเงิน และจะโอนสายเข้าสู่ระบบ IVR เพื่อชำระเงินแบบอัตโนมัติผ่านทางโทรศัพท์ได้ทันที โดยไม่ต้องไปชำระเงินที่ธนาคารหรือแอมเวย์ ช็อป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต เนื่องจากทำรายการผ่านระบบอัตโนมัติของธนาคารโดยตรงและสะดวกมากขึ้น
"ระบบ IVR หรือระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ ให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของบริการ K-Payment Gateway โดยถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของระบบการรับชำระด้วยบัตรเครดิตที่ถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต เพราะทำธุรกรรมด้วยตนเอง และอำนวยความสะดวกให้กับแอมเวย์ โดยธนาคารจะเป็นผู้จัดการระบบ ข้อมูลการชำระสินค้าให้"
ทั้งนี้ ปัจจุบันแอมเวย์ใช้ช่องทางการรับชำระเงินค่าสินค้าผ่านระบบของธนาคารกสิกรไทยเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนธุรกรรมในปี 2551 กว่าร้อยละ60 ของยอดขายแอมเวย์ และคาดว่าหลังให้บริการชำระค่าสินค้าผ่านระบบ IVR จะช่วยเพิ่มยอดธุรกรรมในปีนี้เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะมีการชำระเงินผ่านระบบดังกล่าว 100 ล้านบาท และในอนาคตธนาคารมีโครงการจะพัฒนาระบบดังกล่าวไปใช้กับธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจสายการบิน ประกันชีวิตและการรับจองตั๋วต่อไป