ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดขายพันธบัตรวันแรกคนซื้อทะลัก เปิดได้แค่ 10 นาทีหมดเกลี้ยง กระทรวงการคลังไม่มีเหนียม เอาใจนักลงทุนประกาศเพิ่มวงเงินอีกเท่าตัวเป็น 3 หมื่นล้านสำหรับผู้สูงอายุ "กรณ์" เผยรอบ 3 ที่เหลือเพียง 5 พันล้านอาจหมดก่อนกำหนด พร้อมเปิดล็อตใหม่เร็วๆ นี้ นายกฯ เผย ครม.หารือประเด็นขยายวงเงินพันธบัตรให้ทั่วถึงภายในวันนี้ บิ๊กแบงก์กรุงไทยเสือปืนไวเตรียมออกผลิตภัณฑเงินฝากใหม่ ดอกเบี้ยแพงกว่าเดิมรองรับความต้องการทันควัน
ความคืบหน้าการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งในเดือน ก.ค. 52 ล็อตแรก 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 รอบ (1.วันที่ 13-14 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2.วันที่ 15-16 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไปจำกัดเพดานไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคน และ 3.วันที่ 17,20,21 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทไม่จำกัดเพดาน) พบว่ารอบที่ 1 วันแรก (13 ก.ค.) ได้รับความสนใจสูงเป็นประวัติการณ์ จนธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่ง ขายหมดทั้งจำนวน ทำให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ตัดสินใจเพิ่มวงเงินพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุอีกเท่าตัวหรือจาก 1.5 หมื่นล้าน เป็น 3 หมื่นล้านบาท ทันที
***บรรยากาศทุกแบงก์คึกคัก***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินที่ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง ที่ได้รับจัดสรรให้เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) 7,100 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) 6,100 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) 5,200 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) 4,700 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) 2,700 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) 2,400 ล้านบาท และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) 1,900 ล้านบาท มีบรรยากาศที่คึกคักกันถ้วนหน้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง 50,000 ล้านบาท ล็อตแรกในวันนี้ ธนาคารได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และสามารถจำหน่ายหมดลงได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาประมาณ 10 นาที นับจากเปิดจำหน่ายในเวลา 8.30 น. โดยธนาคารได้จำหน่ายให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีผู้สูงอายุมารอรับบัตรคิวกันตั้งแต่เวลาตี 4
นายอภิศักดิ์ยืนยันว่า การจำหน่ายพันธบัตรของธนาคารมีความโปร่งใส เนื่องจากได้ใช้ระบบออนไลน์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่าสำนักงานใหญ่ และในขณะนี้ยังไม่พบข้อร้องเรียนจากประชาชนถึงการจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าว นอกจากนี้คาดว่าในการจำหน่ายพันธบัตรล็อตที่ 2 จะสามารถจำหน่ายได้หมดรวดเร็วเช่นกัน
"การออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อขายให้กับผู้สูงอายุนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากมีคนกลุ่มนี้เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ที่ใช้รายได้ดอกเบี้ยเพื่อยังชีพ การออกพันธบัตรที่ให้อัตราดอกเบี้ยในระดับดีจึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนกลุ่มผู้สูงอายุได้ สำหรับการโยกเงินฝากไปซื้อพันธบัตรนั้น ก็คงจะมีบ้างแต่จะเป็นในส่วนของเงินฝากระยะสั้นมากกว่า ซึ่งธนาคารมีสัดส่วนเงินฝากระยะสั้นอยู่เป็นจำนวน จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร แต่หากทางรัฐบาลจะออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก ก็อาจมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยในระยะยาวให้เพิ่มขึ้นได้"
**เตรียมออกเงินฝากใหม่รองรับ**
นายอภิศักดิ์เปิดเผยว่า ธนาคารอาจจะออกผลิตภัณฑ์เงินฝากเพิ่มเติมในช่วงหลังจากขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งเรียบร้อย ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาใกล้เคียงกับพันธบัตรดังกล่าว เพื่อเป็นการรองรับผู้ที่ซื้อพันธบัตรไม่ทัน แต่ยังคงต้องดูรายละเอียดและความต้องการพันธบัตรอีกครั้งในช่วงที่เหลือ ขณะที่ธนาคารนครหลวงไทยซึ่งสามารถจำหน่ายหมดก่อน 10.30 น. มีลูกค้าบางรายที่พลาดโอกาสซื้อแต่ธนาคารก็มีผลิตภัณฑ์อื่นรองรับให้กับลูกค้ารวมทั้งรูปแบบกองทุนต่างๆ
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า พันธบัตรฯ ถูกหน่ายหมดภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยใช้รูปแบบการจองแบบ จองซื้อก่อนได้ก่อน สำหรับลูกค้าที่สนใจ และพลาดโอกาสในครั้งนี้ สามารถติดต่อขอซื้อได้ในช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค. 52 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท โดยที่สำนักงานใหญ่มีผู้สูงอายุทยอยมาเพื่อซื้อพันธบัตรฯดังกล่าวเช่นกัน โดยเพียง 15 นาทีแรกตั้งแต่เริ่มเปิดรับบัตรคิวในเวลา 7.00 น.มีผู้รับบัตรคิวไปแล้วทั้งสิ้น 50 ใบ
สำหรับประชาชนทั่วไป (รวมผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป) และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 17, 20, 21 ก.ค. ซึ่งเป็น 3 วันสุดท้าย วงเงินคงเหลือรวม 5,000 ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไป (รวมผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป) ซึ่งสามารถจองซื้อได้ไม่จำกัดวงเงิน จำกัดการซื้อ 1 คำเสนอขอซื้อ ต่อ 1 ช่วงจำหน่าย
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ใช้รูปแบบการจำหน่ายได้จัดโควต้าและกระจายไปตามสาขา เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับจัดสรรทั่วถึง ทั้งนี้มีผู้สูงอายุมารอคิวตั้งแต่ตี 3 โดยเมื่อเปิดจำหน่ายพันธบัตรฯตั้งแต่เวลา 8.30 น. จนถึง 12.00 น. มีผู้ซื้อพันธบัตรเพียง 3,488 ล้านบาท ซึ่งการซื้อพันธบัตรฯ กับธนาคารของลูกค้าจะไม่เหมือนธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นคือจะทยอยมาเรื่อยๆ จนถึงเวลา 13.00 น.มีลูกค้ามาซื้อพันธบัตรฯเพิ่มเป็น 4,040 ล้านบาท ซึ่งหากธนาคารปิดเวลาทำการแล้วยังเหลืออยู่ก็จะนำมาเปิดให้ซื้ออีกในวันที่ 14 กรกฎาคม
ธนาคารทหารไทยแจ้งว่า การเปิดรับจองพันธบัตรวันแรก 2,400 ล้านบาท มีผู้จอง 3,450 คน และหมดภายในไม่ถึงชั่วโมงหลังจากที่ธนาคารเปิดทำการในเวลา 8.30 น.โดยลูกค้ารายแรกเริ่มเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ กล่าวว่า การเปิดจองพันธบัตรที่ทุกสาขาของธนาคารที่เปิดทำการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยที่ธนาคารได้มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมการรับจองก่อนหน้านี้แล้วหลายรอบ แม้ว่าจะมีผู้มาเริ่มเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง แต่พนักงานของเราก็สามารถรับรองและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นายวีรวัฒน์ ปณฑวังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า มีประชาชนสนใจจองซื้อพันธบัตรดังกล่าวหมดเรียบร้อยทั่วประเทศประมาณ 12.15 น. สาเหตุที่ล่าช้ากว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เนื่องจากธนาคารได้จัดพันธบัตรฯไปตามสาขา ขณะที่สาขาห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการ 11.00 น. โดยที่สาขาพหลโยธินมีผู้สูงอายุซึ่งเป็นหญิงชราเดินทางมารอตั้งแต่ตี 1 โดยมีผู้ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 6,600 ราย ทั้งนี้ ระหว่างการขายพันธบัตรฯไม่พบปัญหาใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้อนเรียนจากสาขาต่างๆหรือจำนวนของพันธบัตรที่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
ส่วนนายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า การเปิดจำหน่ายพันธบัตรฯที่ธนาคารได้รับการจัดสรรในล็อตแรกเป็นวงเงินจำนวน 2,700 ล้านบาท มีผู้สูงอายุมาจองซื้อจำนวนมาก ทำให้พันธบัตรฯหมดไปภายใน 15 นาทีหลังจากที่มีการเปิดจองในเวลา 8.30 น.โดยวงเงินเฉลี่ยที่ลูกค้ามาซื้อพันธบัตรฯอยู่ที่ 8 แสนบาท
***รอบ 3 ส่อหมดพร้อมออกล็อตใหม่
นายกรณ์กล่าวว่า วงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งมาจากวงเงินพันธบัตรรอบที่ 3 ทำให้วงเงินรอบที่ 3 ลดจาก 2 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 5 พันล้านบาท และหากการเปิดขายพันธบัตรในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) มีผู้ให้ความสนใจจองซื้อเกิน ก็จะโอนพันธบัตรที่เหลืออีก 5 พันล้านบาท มาสมทบเช่นเดียวกัน โดยจะได้ขอความร่วมมือจากธนาคารพิจารณาจัดสรรโควต้าให้สาขาธนาคาร เพื่อให้ประชาชนได้ทราบโอกาสในการเข้าคิวซื้อพันธบัตร
"เราเพิ่มวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งให้แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มอื่น" นายกรณ์กล่าวและว่า กระทรวงการคลังตัดสินใจขยายวงเงินพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุ เพราะได้มีการประเมินล่วงหน้าแล้วจากข้อมูลของธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง แต่การที่ไม่มีการแจ้งขยายวงเงินล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงที่ธนาคารอาจจะมีการขายพันธบัตรล่วงหน้าให้ลูกค้า และเพื่อต้องการประเมินจากสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงด้วย
"ปกติเมื่อคลังขายพันธบัตรออมทรัพย์จะมีผู้สนใจจองซื้อเฉลี่ย 7-8 พันราย แต่พันธบัตรครั้งนี้ใน 3 หมื่นล้านมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4 หมื่นราย ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย" รมว.คลังกล่าวและว่า การเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมในครั้งต่อไปจะตามมาในเร็วๆ นี้ โดยจะพิจารณาจังหวะเวลา วงเงินที่จะออกอย่างเหมาะสมทันที
"การออกพันธบัตรครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อชดเชยเงินคงคลัง และรองรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่พบว่า ขณะนี้หน่วยราชการทุกแห่งที่รับผิดชอบโครงการลงทุน มีความพร้อมที่จะอนุมัติวงเงินและนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะกู้เงินได้ถึง 8 แสนล้านบาท" รมว.คลังกล่าว
***รับปากตรวจสอบแบงก์กั๊กบอนด์
กรณีปัญหาผู้สูงอายุเข้าคิวรอซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ไม่สามารถซื้อได้เนื่องจากได้รับแจ้งว่า มียอดซื้อเต็มวงเงินแล้วนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า เกิดจากปัญหาการจัดจำหน่ายของธนาคารแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน โดยธนาคารบางแห่ง มีการจัดสรรโควต้าพันธบัตรให้แต่ละสาขาธนาคาร ขณะที่ธนาคารบางแห่งไม่มีการจัดสรรโควต้าให้ ดังนั้นเมื่อบางสาขามียอดซื้อเข้ามามากกว่าแห่งอื่น จึงต้องทำให้ยอดซื้อเต็มวงเงินเร็ว
นายกรณ์ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับรายงานหรือ ปรากฎหลักฐานว่ามีธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง มีการขายพันธบัตรออมทรัพย์ล่วงหน้าให้ลูกค้า ซึ่งหากพบกระทรวงการคลังจะดำเนินการตัดสิทธิ์ในการเป็นธนาคารผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรครั้งต่อไป จึงเห็นว่ามีประชาชนที่มาเข้าคิวรอซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่ธนาคาร แม้จะไม่ได้สิทธิซื้อกันครบทุกรายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาการลักลั่นในการขายพันธบัตร อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่ได้นิ่งนอนใจ จะมีการตรวจสอบข้อมูลในภายหลังอีกครั้ง (อ่าน...รายย่อยจี้รัฐแก้แบงก์กั๊กบอนด์...หน้า 17)
***ครม.มาร์คถกวันนี้รับมือขยายวงเงิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ว่า การประชุม ครม.วันนี้ (14 ก.ค.) จะพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องปรับแผนอย่างไร เพราะเดิมจะทำเป็น 3 ช่วง หากมีความต้องการมากก็ควรจะตอบสนองให้ได้ โดยในการประชุม ครม.วันนี้ รมว.คลังจะเสนอตัวเลขมาและควรจะได้ข้อสรุปเลย อย่างไรก็ตาม การขยายวงเงินนั้น คงต้องดูพร้อมๆกันไม่เพียงเฉพาะผู้สูงอายุ ต้องดูในส่วนของประชาชนทั่วไปด้วย เพราะแสดงให้เห็นว่าเรามีผู้ออมต้องการหาทางเลือกที่ดีกว่าและเป็นทางเลือกที่เสนอให้ได้ แต่เราต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกับตลาดเงินมากเกินไปในแง่ของอัตราดอกเบี้ย แต่จริงๆ ก็ดีที่มองเห็นว่าธนาคารก็ต้องแข็งขันด้วยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นมา
" ได้รับการรายงานว่าหมดเร็ว เข้าใจว่าในอดีตไม่เคยมีคนต้องการขนาดนี้ ซึ่งเราสอบถามกระทรวงการคลังไปเขาบอกในอดีตเวลาออกพันธบัตรอะไรอย่างนี้จะมีคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ถึงหมื่น แต่ครั้งนี้วันเดียวหลายหมื่น น่าจะเป็นการยืนยันว่าเรากำลังทำถูกต้องในแง่ของการนำเงินออกมาจกาเงื่อนไขที่ผู้ฝากไม่พอใจและผู้ให้กู้ไม่พร้อมปล่อยกู้ ฉะนั้นการนำเงินตรงนี้มาลงทุนน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องและได้รับการตอบสนองที่ดี" นายกฯกล่าว.
ความคืบหน้าการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งในเดือน ก.ค. 52 ล็อตแรก 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 รอบ (1.วันที่ 13-14 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2.วันที่ 15-16 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไปจำกัดเพดานไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคน และ 3.วันที่ 17,20,21 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาทไม่จำกัดเพดาน) พบว่ารอบที่ 1 วันแรก (13 ก.ค.) ได้รับความสนใจสูงเป็นประวัติการณ์ จนธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่ง ขายหมดทั้งจำนวน ทำให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ตัดสินใจเพิ่มวงเงินพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุอีกเท่าตัวหรือจาก 1.5 หมื่นล้าน เป็น 3 หมื่นล้านบาท ทันที
***บรรยากาศทุกแบงก์คึกคัก***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินที่ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง ที่ได้รับจัดสรรให้เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) 7,100 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) 6,100 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) 5,200 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) 4,700 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) 2,700 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) 2,400 ล้านบาท และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) 1,900 ล้านบาท มีบรรยากาศที่คึกคักกันถ้วนหน้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง 50,000 ล้านบาท ล็อตแรกในวันนี้ ธนาคารได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และสามารถจำหน่ายหมดลงได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาประมาณ 10 นาที นับจากเปิดจำหน่ายในเวลา 8.30 น. โดยธนาคารได้จำหน่ายให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีผู้สูงอายุมารอรับบัตรคิวกันตั้งแต่เวลาตี 4
นายอภิศักดิ์ยืนยันว่า การจำหน่ายพันธบัตรของธนาคารมีความโปร่งใส เนื่องจากได้ใช้ระบบออนไลน์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่าสำนักงานใหญ่ และในขณะนี้ยังไม่พบข้อร้องเรียนจากประชาชนถึงการจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าว นอกจากนี้คาดว่าในการจำหน่ายพันธบัตรล็อตที่ 2 จะสามารถจำหน่ายได้หมดรวดเร็วเช่นกัน
"การออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อขายให้กับผู้สูงอายุนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากมีคนกลุ่มนี้เป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ที่ใช้รายได้ดอกเบี้ยเพื่อยังชีพ การออกพันธบัตรที่ให้อัตราดอกเบี้ยในระดับดีจึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนกลุ่มผู้สูงอายุได้ สำหรับการโยกเงินฝากไปซื้อพันธบัตรนั้น ก็คงจะมีบ้างแต่จะเป็นในส่วนของเงินฝากระยะสั้นมากกว่า ซึ่งธนาคารมีสัดส่วนเงินฝากระยะสั้นอยู่เป็นจำนวน จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร แต่หากทางรัฐบาลจะออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก ก็อาจมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยในระยะยาวให้เพิ่มขึ้นได้"
**เตรียมออกเงินฝากใหม่รองรับ**
นายอภิศักดิ์เปิดเผยว่า ธนาคารอาจจะออกผลิตภัณฑ์เงินฝากเพิ่มเติมในช่วงหลังจากขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งเรียบร้อย ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาใกล้เคียงกับพันธบัตรดังกล่าว เพื่อเป็นการรองรับผู้ที่ซื้อพันธบัตรไม่ทัน แต่ยังคงต้องดูรายละเอียดและความต้องการพันธบัตรอีกครั้งในช่วงที่เหลือ ขณะที่ธนาคารนครหลวงไทยซึ่งสามารถจำหน่ายหมดก่อน 10.30 น. มีลูกค้าบางรายที่พลาดโอกาสซื้อแต่ธนาคารก็มีผลิตภัณฑ์อื่นรองรับให้กับลูกค้ารวมทั้งรูปแบบกองทุนต่างๆ
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า พันธบัตรฯ ถูกหน่ายหมดภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยใช้รูปแบบการจองแบบ จองซื้อก่อนได้ก่อน สำหรับลูกค้าที่สนใจ และพลาดโอกาสในครั้งนี้ สามารถติดต่อขอซื้อได้ในช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค. 52 วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท โดยที่สำนักงานใหญ่มีผู้สูงอายุทยอยมาเพื่อซื้อพันธบัตรฯดังกล่าวเช่นกัน โดยเพียง 15 นาทีแรกตั้งแต่เริ่มเปิดรับบัตรคิวในเวลา 7.00 น.มีผู้รับบัตรคิวไปแล้วทั้งสิ้น 50 ใบ
สำหรับประชาชนทั่วไป (รวมผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป) และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 17, 20, 21 ก.ค. ซึ่งเป็น 3 วันสุดท้าย วงเงินคงเหลือรวม 5,000 ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไป (รวมผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป) ซึ่งสามารถจองซื้อได้ไม่จำกัดวงเงิน จำกัดการซื้อ 1 คำเสนอขอซื้อ ต่อ 1 ช่วงจำหน่าย
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ใช้รูปแบบการจำหน่ายได้จัดโควต้าและกระจายไปตามสาขา เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับจัดสรรทั่วถึง ทั้งนี้มีผู้สูงอายุมารอคิวตั้งแต่ตี 3 โดยเมื่อเปิดจำหน่ายพันธบัตรฯตั้งแต่เวลา 8.30 น. จนถึง 12.00 น. มีผู้ซื้อพันธบัตรเพียง 3,488 ล้านบาท ซึ่งการซื้อพันธบัตรฯ กับธนาคารของลูกค้าจะไม่เหมือนธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นคือจะทยอยมาเรื่อยๆ จนถึงเวลา 13.00 น.มีลูกค้ามาซื้อพันธบัตรฯเพิ่มเป็น 4,040 ล้านบาท ซึ่งหากธนาคารปิดเวลาทำการแล้วยังเหลืออยู่ก็จะนำมาเปิดให้ซื้ออีกในวันที่ 14 กรกฎาคม
ธนาคารทหารไทยแจ้งว่า การเปิดรับจองพันธบัตรวันแรก 2,400 ล้านบาท มีผู้จอง 3,450 คน และหมดภายในไม่ถึงชั่วโมงหลังจากที่ธนาคารเปิดทำการในเวลา 8.30 น.โดยลูกค้ารายแรกเริ่มเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ กล่าวว่า การเปิดจองพันธบัตรที่ทุกสาขาของธนาคารที่เปิดทำการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยที่ธนาคารได้มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมการรับจองก่อนหน้านี้แล้วหลายรอบ แม้ว่าจะมีผู้มาเริ่มเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง แต่พนักงานของเราก็สามารถรับรองและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นายวีรวัฒน์ ปณฑวังกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า มีประชาชนสนใจจองซื้อพันธบัตรดังกล่าวหมดเรียบร้อยทั่วประเทศประมาณ 12.15 น. สาเหตุที่ล่าช้ากว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เนื่องจากธนาคารได้จัดพันธบัตรฯไปตามสาขา ขณะที่สาขาห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการ 11.00 น. โดยที่สาขาพหลโยธินมีผู้สูงอายุซึ่งเป็นหญิงชราเดินทางมารอตั้งแต่ตี 1 โดยมีผู้ได้รับการจัดสรรทั้งสิ้น 6,600 ราย ทั้งนี้ ระหว่างการขายพันธบัตรฯไม่พบปัญหาใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้อนเรียนจากสาขาต่างๆหรือจำนวนของพันธบัตรที่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
ส่วนนายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า การเปิดจำหน่ายพันธบัตรฯที่ธนาคารได้รับการจัดสรรในล็อตแรกเป็นวงเงินจำนวน 2,700 ล้านบาท มีผู้สูงอายุมาจองซื้อจำนวนมาก ทำให้พันธบัตรฯหมดไปภายใน 15 นาทีหลังจากที่มีการเปิดจองในเวลา 8.30 น.โดยวงเงินเฉลี่ยที่ลูกค้ามาซื้อพันธบัตรฯอยู่ที่ 8 แสนบาท
***รอบ 3 ส่อหมดพร้อมออกล็อตใหม่
นายกรณ์กล่าวว่า วงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งมาจากวงเงินพันธบัตรรอบที่ 3 ทำให้วงเงินรอบที่ 3 ลดจาก 2 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 5 พันล้านบาท และหากการเปิดขายพันธบัตรในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) มีผู้ให้ความสนใจจองซื้อเกิน ก็จะโอนพันธบัตรที่เหลืออีก 5 พันล้านบาท มาสมทบเช่นเดียวกัน โดยจะได้ขอความร่วมมือจากธนาคารพิจารณาจัดสรรโควต้าให้สาขาธนาคาร เพื่อให้ประชาชนได้ทราบโอกาสในการเข้าคิวซื้อพันธบัตร
"เราเพิ่มวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งให้แก่ผู้สูงอายุ เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มอื่น" นายกรณ์กล่าวและว่า กระทรวงการคลังตัดสินใจขยายวงเงินพันธบัตรให้แก่ผู้สูงอายุ เพราะได้มีการประเมินล่วงหน้าแล้วจากข้อมูลของธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง แต่การที่ไม่มีการแจ้งขยายวงเงินล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงที่ธนาคารอาจจะมีการขายพันธบัตรล่วงหน้าให้ลูกค้า และเพื่อต้องการประเมินจากสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงด้วย
"ปกติเมื่อคลังขายพันธบัตรออมทรัพย์จะมีผู้สนใจจองซื้อเฉลี่ย 7-8 พันราย แต่พันธบัตรครั้งนี้ใน 3 หมื่นล้านมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4 หมื่นราย ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย" รมว.คลังกล่าวและว่า การเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมในครั้งต่อไปจะตามมาในเร็วๆ นี้ โดยจะพิจารณาจังหวะเวลา วงเงินที่จะออกอย่างเหมาะสมทันที
"การออกพันธบัตรครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อชดเชยเงินคงคลัง และรองรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่พบว่า ขณะนี้หน่วยราชการทุกแห่งที่รับผิดชอบโครงการลงทุน มีความพร้อมที่จะอนุมัติวงเงินและนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังมีอำนาจที่จะกู้เงินได้ถึง 8 แสนล้านบาท" รมว.คลังกล่าว
***รับปากตรวจสอบแบงก์กั๊กบอนด์
กรณีปัญหาผู้สูงอายุเข้าคิวรอซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ไม่สามารถซื้อได้เนื่องจากได้รับแจ้งว่า มียอดซื้อเต็มวงเงินแล้วนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า เกิดจากปัญหาการจัดจำหน่ายของธนาคารแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน โดยธนาคารบางแห่ง มีการจัดสรรโควต้าพันธบัตรให้แต่ละสาขาธนาคาร ขณะที่ธนาคารบางแห่งไม่มีการจัดสรรโควต้าให้ ดังนั้นเมื่อบางสาขามียอดซื้อเข้ามามากกว่าแห่งอื่น จึงต้องทำให้ยอดซื้อเต็มวงเงินเร็ว
นายกรณ์ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับรายงานหรือ ปรากฎหลักฐานว่ามีธนาคารผู้จัดจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง มีการขายพันธบัตรออมทรัพย์ล่วงหน้าให้ลูกค้า ซึ่งหากพบกระทรวงการคลังจะดำเนินการตัดสิทธิ์ในการเป็นธนาคารผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรครั้งต่อไป จึงเห็นว่ามีประชาชนที่มาเข้าคิวรอซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่ธนาคาร แม้จะไม่ได้สิทธิซื้อกันครบทุกรายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาการลักลั่นในการขายพันธบัตร อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่ได้นิ่งนอนใจ จะมีการตรวจสอบข้อมูลในภายหลังอีกครั้ง (อ่าน...รายย่อยจี้รัฐแก้แบงก์กั๊กบอนด์...หน้า 17)
***ครม.มาร์คถกวันนี้รับมือขยายวงเงิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ว่า การประชุม ครม.วันนี้ (14 ก.ค.) จะพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องปรับแผนอย่างไร เพราะเดิมจะทำเป็น 3 ช่วง หากมีความต้องการมากก็ควรจะตอบสนองให้ได้ โดยในการประชุม ครม.วันนี้ รมว.คลังจะเสนอตัวเลขมาและควรจะได้ข้อสรุปเลย อย่างไรก็ตาม การขยายวงเงินนั้น คงต้องดูพร้อมๆกันไม่เพียงเฉพาะผู้สูงอายุ ต้องดูในส่วนของประชาชนทั่วไปด้วย เพราะแสดงให้เห็นว่าเรามีผู้ออมต้องการหาทางเลือกที่ดีกว่าและเป็นทางเลือกที่เสนอให้ได้ แต่เราต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกับตลาดเงินมากเกินไปในแง่ของอัตราดอกเบี้ย แต่จริงๆ ก็ดีที่มองเห็นว่าธนาคารก็ต้องแข็งขันด้วยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นมา
" ได้รับการรายงานว่าหมดเร็ว เข้าใจว่าในอดีตไม่เคยมีคนต้องการขนาดนี้ ซึ่งเราสอบถามกระทรวงการคลังไปเขาบอกในอดีตเวลาออกพันธบัตรอะไรอย่างนี้จะมีคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ถึงหมื่น แต่ครั้งนี้วันเดียวหลายหมื่น น่าจะเป็นการยืนยันว่าเรากำลังทำถูกต้องในแง่ของการนำเงินออกมาจกาเงื่อนไขที่ผู้ฝากไม่พอใจและผู้ให้กู้ไม่พร้อมปล่อยกู้ ฉะนั้นการนำเงินตรงนี้มาลงทุนน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องและได้รับการตอบสนองที่ดี" นายกฯกล่าว.