xs
xsm
sm
md
lg

บอนด์ฟีเวอร์ “คลัง” จ่อเข็นชุดที่ 2 “กรณ์” มั่นใจยอดขายกระฉูด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คลัง” คาดกระแสบอนด์ฟีเวอร์ พร้อมเปิดขายพันธบัตรกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 อีกครั้ง หากความต้องการพุ่งเกิน 5 หมื่นล้านบาท “กรณ์” มั่นใจขายเกลี้ยงในพริบตา พร้อมยอมรับ การออกบอนด์จะกระทบอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยจะเฉลี่ยขึ้นตามเงินเฟ้อ เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 (วานนี้) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานลงนามร่วมกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และ ธนาคารนครหลวงไทย เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ลอตแรก อายุ 5 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท จำหน่ายระหว่างวันที่ 13-21 กรกฎาคม 2552 นี้

สำหรับรายละเอียดของการจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าวทั้งหมดได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง มีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 ที่ร้อยละ 3 ส่วนปีที่ 3 ดอกเบี้ยร้อยละ 4 และปีที่ 4-5 ให้ดอกเบี้ยร้อยละ 5

รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง พร้อมที่จะออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งรอบ 2 เพื่อขายให้กับประชาชนทั่วไปเพิ่มเติม หลังจากที่ออกรอบแรกไปแล้ว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อวางแผน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะได้ข้อสรุป ทั้งนี้ คาดว่า อายุพันธบัตรออมทรัพย์รอบ 2 จะมีอายุยาวขึ้นจากเดิม

“หากเห็นว่าพันธบัตรออมทรัพย์รอบแรก วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท มีประชาชนสนใจมาก และมีความต้องการที่จะซื้ออีก กระทรวงคลังก็พร้อมจะออกพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบ 2 ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ โดยคลังวางแผนเผื่อไว้ทุกกรณีหมดแล้ว”

นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังมั่นใจว่า พันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบแรก 5 หมื่นล้านบาทจะขายได้หมด เพราะได้ตรวจสอบความต้องการของตลาดแล้ว ส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรเป็นขั้นบันได 3-5% เนื่องจากกระทรวงการคลังได้พิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อในอนาคตไว้แล้ว เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้น เงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น ซึ่งการคิดดอกเบี้ยคำนวณตามเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ พันธบัตรไทยเข้มแข็งจะเชื่อมโยงโดยตรงกับแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นโอกาสให้ประชาชนร่วมลงทุนใน 6 ,000 โครงการที่รัฐบาลเตรียมไว้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ

นอกจากนี้ สิ่งทีเกิดขึ้นหลังจากการออกพันธบัตร คาดว่า จะทำให้สถาบันการเงินปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้น เพราะกลัวจะมีการถอนเงินฝากมาซื้อพันธบัตรหมด ดังนั้น ก็จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ มีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากที่แคบลง

นายกรณ์ กล่าวว่า จะมีการประชุมฝ่ายที่ดูแลโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อเร่งให้มีการลงทุนเม็ดเงินเม็ดแรกในเดือนกันยายน 2552 อย่างไรก็ตาม โครงการจะได้ใช้เงินก่อนนั้น ในการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออก และการนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารอิสลาม เพื่อนำไปใช้สนับสนุนสินเชื่อให้ภาคธุรกิจ ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้

“ยอมรับว่า สิ่งที่ท้าทายทางรัฐบาลมากที่สุดไม่ใช่การเข้าถึงแหล่งเงิน แต่เป็นการนำแผนปฏิบัติการไปสู่การปฏิบัติจริง ซึ่งรัฐบาลต้องติดตามใกล้ชิดกว่า 6 พันโครงการ ไม่ให้เงินรั่วไหล และให้เดินหน้าไปได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาดัวยนโยบายการคลังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ในล็อตต่อไป อาจจะเปิดขายในโอกาสพิเศษ เช่น วันแม่แห่งชาติในเดือนสิงหาคม 2552 หรือวันพ่อแห่งชาติในเดือนธันวาคม 2552 วงเงินราว 30,000 ล้านบาท อายุพันธบัตร 7 ปี แต่ยังไม่กำหนดอัตราดอกเบี้ย
กำลังโหลดความคิดเห็น