แบงก์กรุงศรีอยุธยา ไฟเขียวให้บลจ.อยุธยา เข้าซื้อหุ้นบลจ.พรีมาเวสท์ คาดกระบวนการเข้าซื้อกิจการเสร็จภายในเดือนก.ค.นี้
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงศรีฯ ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นทั้งหมดของบลจ.พรีมาเวสท์ จำกัด โดยคาดว่าการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในการซื้อขายครั้งนี้ บลจ. อยุธยา จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บลจ. พรีมาเวสท์ ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท บีบีทีวี เอ็คควิตี้ จำกัด ในสัดส่วน 50.5% บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 39.5% และอีก 10% ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในราคา 101 ล้านบาท พร้อมปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น บลจ. อยุธยา ให้บริษัท บีบีทีวี เอ็คควิตี้ จำกัด และ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมถือหุ้น ในสัดส่วนประมาณ 13% และ 10% ตามลำดับ โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บลจ. อยุธยา ในสัดส่วนประมาณ 77%
“การจัดโครงสร้างของบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจจัดการกองทุนรวมของธนาคาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้มีความประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ที่ดีขึ้น ในขณะที่ลูกค้าของทั้ง บลจ. อยุธยา และ บลจ. พรีมาเวสท์ ก็จะได้รับประโยชน์ โดยสามารถรับบริการที่เป็นเลิศได้จากทีมงานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อทั้งสองบริษัทรวมกันเสร็จสมบูรณ์”
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. อยุธยา กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ บลจ. พรีมาเวสท์ จะทำให้ บลจ. อยุธยา มีสินทรัพย์และกองทุนรวมภายใต้การจัดการหลากหลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการผนึกทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ทั้งนี้ ลูกค้าของทั้ง บลจ. พรีมาเวสท์ และ บลจ. อยุธยาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้าซื้อกิจการ และการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้แต่อย่างใด เพราะนโยบายการบริหารกองทุนแต่ละกองที่มีอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่นางนภาภรณ์ ลัญฉน์ดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. พรีมาเวสท์ กล่าวว่า การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อลูกค้าผู้ถือหน่วยลงทุนของ บลจ. พรีมาเวสท์ โดยเงื่อนไขการลงทุนยังคงเหมือนเดิม และลูกค้ายังสามารถติดต่อใช้บริการเกี่ยวกับการทำธุรกรรมซื้อขายหน่วยลงทุนได้ที่ที่ทำการของ บลจ. พรีมาเวสท์ และที่สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ตามปกติ และในอนาคตจะสามารถเข้าใช้บริการต่างๆ ของ บลจ. อยุธยาได้เพิ่มเติมอีกด้วย อาทิ การใช้ศูนย์บริการลูกค้า AYF Access Place การร่วมงานสัมมนาลูกค้าในวาระต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น ทาง บลจ. พรีมาเวสท์จะแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าทราบความคืบหน้าต่างๆ เป็นระยะๆ
อนึ่ง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2552 บลจ. อยุธยา มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 49,000 ล้านบาท ขณะที่บลจ. พรีมาเวสท์ มีสินทรัพย์อยู่ 14,000 ล้านบาท
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงศรีฯ ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นทั้งหมดของบลจ.พรีมาเวสท์ จำกัด โดยคาดว่าการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในการซื้อขายครั้งนี้ บลจ. อยุธยา จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บลจ. พรีมาเวสท์ ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท บีบีทีวี เอ็คควิตี้ จำกัด ในสัดส่วน 50.5% บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 39.5% และอีก 10% ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในราคา 101 ล้านบาท พร้อมปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น บลจ. อยุธยา ให้บริษัท บีบีทีวี เอ็คควิตี้ จำกัด และ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้ามาร่วมถือหุ้น ในสัดส่วนประมาณ 13% และ 10% ตามลำดับ โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บลจ. อยุธยา ในสัดส่วนประมาณ 77%
“การจัดโครงสร้างของบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจจัดการกองทุนรวมของธนาคาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้มีความประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ที่ดีขึ้น ในขณะที่ลูกค้าของทั้ง บลจ. อยุธยา และ บลจ. พรีมาเวสท์ ก็จะได้รับประโยชน์ โดยสามารถรับบริการที่เป็นเลิศได้จากทีมงานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อทั้งสองบริษัทรวมกันเสร็จสมบูรณ์”
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. อยุธยา กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ บลจ. พรีมาเวสท์ จะทำให้ บลจ. อยุธยา มีสินทรัพย์และกองทุนรวมภายใต้การจัดการหลากหลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการผนึกทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ทั้งนี้ ลูกค้าของทั้ง บลจ. พรีมาเวสท์ และ บลจ. อยุธยาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้าซื้อกิจการ และการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้แต่อย่างใด เพราะนโยบายการบริหารกองทุนแต่ละกองที่มีอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่นางนภาภรณ์ ลัญฉน์ดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. พรีมาเวสท์ กล่าวว่า การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อลูกค้าผู้ถือหน่วยลงทุนของ บลจ. พรีมาเวสท์ โดยเงื่อนไขการลงทุนยังคงเหมือนเดิม และลูกค้ายังสามารถติดต่อใช้บริการเกี่ยวกับการทำธุรกรรมซื้อขายหน่วยลงทุนได้ที่ที่ทำการของ บลจ. พรีมาเวสท์ และที่สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ตามปกติ และในอนาคตจะสามารถเข้าใช้บริการต่างๆ ของ บลจ. อยุธยาได้เพิ่มเติมอีกด้วย อาทิ การใช้ศูนย์บริการลูกค้า AYF Access Place การร่วมงานสัมมนาลูกค้าในวาระต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น ทาง บลจ. พรีมาเวสท์จะแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าทราบความคืบหน้าต่างๆ เป็นระยะๆ
อนึ่ง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2552 บลจ. อยุธยา มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 49,000 ล้านบาท ขณะที่บลจ. พรีมาเวสท์ มีสินทรัพย์อยู่ 14,000 ล้านบาท