xs
xsm
sm
md
lg

แนะลงทุน"BRIC"อนาคตสดใส รัสเซียสุดแจ่มหุ้น6เดือนดัชนีโตกว่า 70%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กูรูกองทุนรวม เชื่อศักยภาพ"BRIC"สุดแจ่ม สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวก่อนกลุ่มประเทศอื่น เหตุทุนสำรองมหาศาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศได้มาก พร้อมแนะลูกค้าทยอยลงทุนเพิ่ม แม้ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม ด้านบลจ.พรีมาเวสท์ ชูหมีขาวขยายตัวมากสุด หลังดัชนีหุ้น 6 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 70%

นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีทิศทางดีขึ้นขณะนี้ได้ส่งผลให้กองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์ ฟันด์ หรือกองทุน PBS มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยดูจากอัตราผลตอบแทนที่เริ่มปรับตัวขึ้นบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา

โดยผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ บริค สตาร์ ฟันด์ ซึ่งจัดทำโดย Lipper ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 พบว่ามีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ประมาณ 59.80% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 56.04%

นอกจากนี้ สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่น่าจะดีขึ้นอีกครั้งในปีหน้าน่าจะส่งผลดีต่อการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ BRIC เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศนี้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง และมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง

"เมื่อสังเกตจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีค่อนข้างสูงโดยเฉพาะประเทศรัสเซีย และจีน ที่จะทำให้มีเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้ในการพัฒนาประเทศค่อนข้างมาก โดยหากภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเหล่านี้จึงน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะหันกลับมาพิจารณาลงทุน BRIC ในช่วงนี้ เพราะถึงแม้ราคาจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างถูก ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมากกว่านี้จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถเห็นผลกำไรได้ชัดเจนขึ้น"นางสาวศรีเนตรกล่าว

นางสาวศรีเนตร กล่าวต่อว่า จุดเด่นของกองทุนPBSที่บริษัทจัดตั้งขึ้น คือนโยบายการลงทุนที่จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Allianz-dit BRIC Stars โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนยังคงเน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศ BRIC ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ในสัดส่วนประเทศละ 25% เท่าๆ กันเช่นเดิม ทำให้มีความแตกต่างจากกองทุนอื่นที่มีสัดการลงทุนไม่เท่ากัน

"กองทุนอื่นจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน และจะลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศรัสเซียค่อนข้างน้อยกว่าประเทศอื่น ซึ่งตรงจุดนี้จะแตกต่างจากกอง PBS ที่เน้นลงทุนในรัสเซียถึง 25% เนื่องจากผู้จัดการกองทุนหลักมองว่า รัสเซียมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยถ้าพิจารณาจาก RUSSIAN TRADED INDEX ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักของหุ้น blue chip ของรัสเซีย จะพบว่ามีการปรับเพิ่มจาก 1,000 จุด ณ ต้นปี 2552 มาที่ระดับ 1,700 จุด ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2552 คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 70% ซึ่งถือว่ารัสเซียมีผลประกอบการที่โดดเด่นมากในช่วงนี้"นางสาวศรีเนตรกล่าว

นอกจากนี้กองทุน PBS ยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นสัดส่วนเฉลี่ยทั้งสี่ประเทศเท่ากับ 34% โดยมองว่าเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น เนื่องจากพรีมาเวสท์มองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสเติบโตได้สูง เนื่องจากพลังงานเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องใช้อย่างมากในกระบวนการผลิตต่างๆ และเพื่อพัฒนาประเทศ

ด้าน นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด ให้ความเห็นว่า แนวโน้มการลงทุนในช่วงต่อไปนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มบริค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน อินเดีย และบราซิล มีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งปัจจัยจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีปริมาณที่ค่อนข้างสูง ทำให้เศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนที่จะทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเหล่านี้ปรับขึ้นอีกในอนาคต

สำหรับกองทุนที่ลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ที่บริษัทจัดตั้งขึ้นได้แก่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริค (ASP-BRIC) ซึ่งเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน (Feeder Fund) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Templeton BRIC Fund ซึ่งบริหารจัดการโดย Templeton Asset Management ลงทุนในหลักทรัพย์ของประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน (รวมไต้หวันและฮ่องกง) ที่มีพื้นฐานดี และมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน มีมูลค่าตลาดใหญ่และสภาพคล่องสูง และเน้นกระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Well Diversify)

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน Templeton BRIC Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุนแอสเซทบริค (ASP-BRIC) ผู้จัดการกองทุนหลักเล็งเห็นว่าการลงทุนในตลาดเกิดใหม่นั้น การทำ stock selection เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นกองทุนจึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี ไม่จำกัดการลงทุนว่าจะต้องมีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใดหรือประเทศใดให้เป็นไปตาม Benchmark เน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์แบบ Bottom-up Approach คือ เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี เน้นการลงทุนระยะยาว และมีราคาไม่แพง (Value Style) กระจายการลงทุนแบบกว้าง (Wide Diversification) โดยเฉลี่ยกองทุนจะถือครองหลักทรัพย์ประมาณ 75-100 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์แต่ละตัวจะลงทุนไม่เกิน 10% ของ NAV

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 กองทุน Templeton BRIC Fund ให้น้ำหนักการลงทุนในประเทศจีนมากที่สุด 38.27% รองลงมาคือ บราซิล 31.59% รัสเซีย 17.94% อินเดีย 11.51% และฮ่องกง 0.70% และเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานมากที่สุด 33.27% ธนาคาร 17.92% วัสดุภัณฑ์ 16.88% กลุ่มบริการโทรคมนาคม 14.79% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 5.21%
กำลังโหลดความคิดเห็น