บอนด์เกาหลีผลตอบแทนทรุดต่อเนื่อง ล่าสุด กองทุนใหม่ค่าย "กรุงไทย" ให้ผลตอบแทน 2.60% ต่อปี โดยเน้นลงทุนในพันธบัตร พ่วงบอนด์สถาบันการเงินภาครัฐ ไอพีโอถึง 2 มิถุนายนนี้ ด้าน บลจ.พรีมาเวสท์ ขายกองทุน 9 เดือน ให้ผลตอบแทน 2.65% พร้อมเสนอทางเลือก ลงทุนสั้นๆ 3 เดือนในหุ้นกู้คุณภาพดี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน3 (KTFF12M3) ในวันระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม -2 มิถุนายน 2552 โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท และเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้( Investment grade) ซึ่งกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ ตราสารหนี้ดังกล่าว เป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ KDB , K- EXIM และ Kookmin Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝากสูงสุดในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาลงทุนใน MSB Bond ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยคาดว่าผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.60% ต่อปี
ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเกาหลีใต้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สะท้อนว่าเกาหลีใต้ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนายชิน ดอง- ซู ประธานคณะกรรมการบริหารการเงินของเกาหลีใต้ ( FSC) กล่าวว่า เกาหลีใต้พร้อมที่จะดำเนินการต่อไป ในการสร้างเสถียรภาพแก่ตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำสภาพคล่องที่ได้รับการอัดฉีดจากรัฐบาลไปใช้เก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินที่ลดต่ำลง และการยกเว้นภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริทรัพย์ อาจเป็นต้นเหตุให้มีการเก็งกำไรที่อยู่อาศัยระลอกใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของเกาหลีใต้จะเริ่มบรรเทาลง แต่การฟื้นตัวคาดว่าจะเป็นไปอย่างช้า โดยสถาบันพัฒนาเกาหลีใต้ (KDI) คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ( GDP) ในปี 2552 ว่าหดตัวลง 2.3% จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% และคาดว่า GDP จะขยายตัว 3.7% ในปี 2553 โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าพุ่งมากเกินไปเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งต้องพิจารณามาตรการควบคุมสภาพคล่อง เช่น การระงับการซื้อตราสารหนี้ของธนาคาร และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินเกาหลีใต้ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนมีการปรับลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่พรีมาเวสท์ส่งกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ ออยล์ ฟันด์ (POIL) ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา โดยมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในน้ำมันดิบ ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน ช่วงวันที่ 7-26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากกองทุน POIL นี้สามารถให้โอกาสผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้ เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความหลากหลายแก่พอร์ตการลงทุน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยผู้ลงทุนที่สนใจจะลงทุน สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้อีกครั้งในวันที่ 29 พฤษภาคม เป็นต้นไป
ล่าสุด บลจ. พรีมาเวสท์ยังได้ส่งกองทุนใหม่อีก 2 กองทุนออกเสนอขายแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องทันที เพื่อเสนอเป็นอีกทางเลือกการลงทุน โดยกองทุนแรกคือกองทุนเปิดพรีมาเวสท์เอฟไอเอฟ 9M 1 หรือ PFIF9M1 อายุโครงการเพียง 9 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2552 โดยกองทุน PFIF9M1 นี้ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐวิสาหกิจของประเทศเกาหลีใต้ อาทิ ตราสารที่ออกโดย The Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 50% และอีก 50% ใน The Korea Development Bank โดยผลตอบแทนของตราสารที่คาดว่าจะได้รับรวมกัน คือ ประมาณ 3% ต่อปี เมื่อหักค่าใช้จ่าย 0.35% ต่อปี ประมาณผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับคือ 2.65% ต่อปี โดยกองทุน PFIF9M1ได้ทำการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนไว้ด้วย สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการลงทุนได้ที่ บลจ.พรีมาเวสท์ และที่ธนาคารฮ่องกองและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง
ส่วนกองทุนที่สอง คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 3M 1 หรือ KPF3M1 อายุโครงการเพียง 3 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 2-9 มิถุนายน 2552 สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน KPF3M1 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และหรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน3 (KTFF12M3) ในวันระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม -2 มิถุนายน 2552 โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท และเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารทางการเงินต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้( Investment grade) ซึ่งกองทุนจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ ตราสารหนี้ดังกล่าว เป็นตราสารหนี้ของสถาบันการเงินภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ KDB , K- EXIM และ Kookmin Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝากสูงสุดในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาลงทุนใน MSB Bond ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยคาดว่าผู้ถือหน่วยจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.60% ต่อปี
ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเกาหลีใต้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สะท้อนว่าเกาหลีใต้ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนายชิน ดอง- ซู ประธานคณะกรรมการบริหารการเงินของเกาหลีใต้ ( FSC) กล่าวว่า เกาหลีใต้พร้อมที่จะดำเนินการต่อไป ในการสร้างเสถียรภาพแก่ตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำสภาพคล่องที่ได้รับการอัดฉีดจากรัฐบาลไปใช้เก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินที่ลดต่ำลง และการยกเว้นภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริทรัพย์ อาจเป็นต้นเหตุให้มีการเก็งกำไรที่อยู่อาศัยระลอกใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของเกาหลีใต้จะเริ่มบรรเทาลง แต่การฟื้นตัวคาดว่าจะเป็นไปอย่างช้า โดยสถาบันพัฒนาเกาหลีใต้ (KDI) คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ( GDP) ในปี 2552 ว่าหดตัวลง 2.3% จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% และคาดว่า GDP จะขยายตัว 3.7% ในปี 2553 โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าพุ่งมากเกินไปเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งต้องพิจารณามาตรการควบคุมสภาพคล่อง เช่น การระงับการซื้อตราสารหนี้ของธนาคาร และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินเกาหลีใต้ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนมีการปรับลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีระดับความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่พรีมาเวสท์ส่งกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ ออยล์ ฟันด์ (POIL) ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา โดยมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในน้ำมันดิบ ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน ช่วงวันที่ 7-26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากกองทุน POIL นี้สามารถให้โอกาสผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้ เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความหลากหลายแก่พอร์ตการลงทุน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยผู้ลงทุนที่สนใจจะลงทุน สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้อีกครั้งในวันที่ 29 พฤษภาคม เป็นต้นไป
ล่าสุด บลจ. พรีมาเวสท์ยังได้ส่งกองทุนใหม่อีก 2 กองทุนออกเสนอขายแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องทันที เพื่อเสนอเป็นอีกทางเลือกการลงทุน โดยกองทุนแรกคือกองทุนเปิดพรีมาเวสท์เอฟไอเอฟ 9M 1 หรือ PFIF9M1 อายุโครงการเพียง 9 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2552 โดยกองทุน PFIF9M1 นี้ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐวิสาหกิจของประเทศเกาหลีใต้ อาทิ ตราสารที่ออกโดย The Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 50% และอีก 50% ใน The Korea Development Bank โดยผลตอบแทนของตราสารที่คาดว่าจะได้รับรวมกัน คือ ประมาณ 3% ต่อปี เมื่อหักค่าใช้จ่าย 0.35% ต่อปี ประมาณผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับคือ 2.65% ต่อปี โดยกองทุน PFIF9M1ได้ทำการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนไว้ด้วย สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการลงทุนได้ที่ บลจ.พรีมาเวสท์ และที่ธนาคารฮ่องกองและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้ง
ส่วนกองทุนที่สอง คือ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 3M 1 หรือ KPF3M1 อายุโครงการเพียง 3 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 2-9 มิถุนายน 2552 สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน KPF3M1 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และหรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป
