ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.พรีมาเวท์จับจังหวะแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ส่งกองทุนตราสารหนี้ล็อกผลตอบแทน 6 เดือนเอาใจลูกค้า ระหว่างวันที่ 17-24 มีนาคมนี้ เชื่อเป็นช่องทางที่ดีในการหาผลตอบแทนช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้บริหารระบุ อัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจปรับตัวลดลงอีก ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้อายุครึ่งปีเหมาะแก่การลงทุนมากขึ้น
นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 6M 1 หรือ KPF6M1 ระหว่างวันที่ 17-24 มีนาคมนี้ โดยกองทุนนี้มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีวงลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
สำหรับนโยบายของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และ/หรือ ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนที่ให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี และชอบการลงทุนระยะสั้น
“จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ผู้ลงทุนต่างแสวงหาช่องทางการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และคุ้มกับความเสี่ยง ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้จึงยังคงเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนในวงกว้างอยู่ เนื่องจากยังคงให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี และสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งมีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น จากปัจจัยเหล่านี้ บริษัทฯ จึงส่งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 6M 1 หรือ KPF6M1 ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน โดยกองทุนนี้มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และ/หรือ ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป” นางสาวศรีเนตร กล่าว
นอกจากนี้ หลังจากการประชุมคณะกรรมการ กนง. เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต จึงมีความเป็นไปได้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตร และตราสารหนี้ในอนาคตที่จะลดลงด้วย ดังนั้น กองทุน KPF6M1 จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสม สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคอัตราผลตอบแทนที่แน่นอนที่จะได้รับในช่วง 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
อนึ่ง เป้าหมายของบลจ.พรีมาเวสท์ในปีนี้ นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด ได้เคยเปิดเผยว่า จะพยายามขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสำหรับธุรกิจกองทุนรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 60% หรือคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ่้น 6,000 ล้านบาท จากสินทรัพย์รวมประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า จะทำให้สินทรัพย์ทั้งปีนี้ขยบัขึ้นไปอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ล่าสุด ณ เดือนมกราคม 2552 สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านหรือเติบโตขึ้น 2% แล้ว โดยเงินที่ไหลเข้ามาดังกล่าว มาจากกองทุนทุกประเภท ซึ่งรวมถึงกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ (KPM) ที่ขยายตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนยังเห็นว่าให้ผลตอบแทนที่ดี ล่าสุด กองทุนมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 2,261.13 ล้านบาท จากปลายปีที่มีเงินลงทุนเพียง 1,240.28 ล้านบาท
สำหรับกองทุนที่บลจ.พรีมาเวสท์วางแผนจะนำเสนอให้กับนักลงทุนในปีนี้ จะทยอยเปิดขายเดือนละ 1 กองทุนรวมทั้งสิ้น 12 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนตราสารหนี้ ที่ลงทุนทั้งในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชนในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) และกองทุนต่างประเทศที่จะลงทุนในดัชนีอีทีเอฟของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ส่วนกองทุนหุ้นในประเทศที่อาจจะนำกลับมาปัดฝุ่นทำการตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นปรับลดลงค่อนข้างมาก
นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 6M 1 หรือ KPF6M1 ระหว่างวันที่ 17-24 มีนาคมนี้ โดยกองทุนนี้มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และมีวงลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
สำหรับนโยบายของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และ/หรือ ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนที่ให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี และชอบการลงทุนระยะสั้น
“จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ผู้ลงทุนต่างแสวงหาช่องทางการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และคุ้มกับความเสี่ยง ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้จึงยังคงเป็นที่นิยมของผู้ลงทุนในวงกว้างอยู่ เนื่องจากยังคงให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี และสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งมีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น จากปัจจัยเหล่านี้ บริษัทฯ จึงส่งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ฟิกซ์อินคัม 6M 1 หรือ KPF6M1 ออกมาเสนอขายแก่ผู้ลงทุน โดยกองทุนนี้มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน และ/หรือ ภาคเอกชน ที่มีระดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป” นางสาวศรีเนตร กล่าว
นอกจากนี้ หลังจากการประชุมคณะกรรมการ กนง. เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นในอนาคต จึงมีความเป็นไปได้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตร และตราสารหนี้ในอนาคตที่จะลดลงด้วย ดังนั้น กองทุน KPF6M1 จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสม สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคอัตราผลตอบแทนที่แน่นอนที่จะได้รับในช่วง 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
อนึ่ง เป้าหมายของบลจ.พรีมาเวสท์ในปีนี้ นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด ได้เคยเปิดเผยว่า จะพยายามขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสำหรับธุรกิจกองทุนรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 60% หรือคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ่้น 6,000 ล้านบาท จากสินทรัพย์รวมประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า จะทำให้สินทรัพย์ทั้งปีนี้ขยบัขึ้นไปอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ล่าสุด ณ เดือนมกราคม 2552 สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านหรือเติบโตขึ้น 2% แล้ว โดยเงินที่ไหลเข้ามาดังกล่าว มาจากกองทุนทุกประเภท ซึ่งรวมถึงกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ (KPM) ที่ขยายตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนยังเห็นว่าให้ผลตอบแทนที่ดี ล่าสุด กองทุนมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 2,261.13 ล้านบาท จากปลายปีที่มีเงินลงทุนเพียง 1,240.28 ล้านบาท
สำหรับกองทุนที่บลจ.พรีมาเวสท์วางแผนจะนำเสนอให้กับนักลงทุนในปีนี้ จะทยอยเปิดขายเดือนละ 1 กองทุนรวมทั้งสิ้น 12 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนตราสารหนี้ ที่ลงทุนทั้งในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชนในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) และกองทุนต่างประเทศที่จะลงทุนในดัชนีอีทีเอฟของสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ส่วนกองทุนหุ้นในประเทศที่อาจจะนำกลับมาปัดฝุ่นทำการตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นปรับลดลงค่อนข้างมาก
