นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานลงนามร่วมกับผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย และธนาคารนครหลวงไทย เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง อายุ 5 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท จำหน่ายระหว่างวันที่ 13-21 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ รายละเอียดของการจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าวทั้งหมดได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง มีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 ร้อยละ 3 ปีที่ 3 ร้อยละ 4 ปีที่ 4-5 ร้อยละ 5 การจำหน่ายพันธบัตรวันที่ 13-14 กรกฎาคม จำหน่ายให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินพันธบัตร 15,000 ล้านบาท วันที่ 15-16 กรกฎาคม จำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีสิทธิคือ สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐและนิติบุคคลอื่นที่ไม่แสวงหากำไร ซื้อได้ 10,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินพันธบัตร 15,000 ล้านบาท ขณะที่วันที่ 17 และ 20-21 กรกฎาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีสิทธิ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่จำกัดวงเงิน
สำหรับผู้ไม่มีสิทธิซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ประกอบด้วย ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทัรพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดยสถาบันการเงิน สำนักงานประกันสังคม บริษัท รัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลที่แสวงหากำไร โรงพยาบาลเอกชนและสถานศึกษาเอกชน
ส่วนการจ่ายดอกเบี้ย จะมีการจ่ายปีละ 2 งวด คือวันที่ 13 มกราคมและ 13 กรกฎาคมของทุกปี โดยจ่ายเป็นงวด ๆ ละเท่ากัน จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด โดย ธปท.จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันกับหน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ เช่น ประกันทางศาล ประกันไฟฟ้า หรือประกันกับสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่น
ทั้งนี้ รายละเอียดของการจำหน่ายพันธบัตรดังกล่าวทั้งหมดได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง มีอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 ร้อยละ 3 ปีที่ 3 ร้อยละ 4 ปีที่ 4-5 ร้อยละ 5 การจำหน่ายพันธบัตรวันที่ 13-14 กรกฎาคม จำหน่ายให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินพันธบัตร 15,000 ล้านบาท วันที่ 15-16 กรกฎาคม จำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีสิทธิคือ สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐและนิติบุคคลอื่นที่ไม่แสวงหากำไร ซื้อได้ 10,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินพันธบัตร 15,000 ล้านบาท ขณะที่วันที่ 17 และ 20-21 กรกฎาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้มีสิทธิ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่จำกัดวงเงิน
สำหรับผู้ไม่มีสิทธิซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ประกอบด้วย ธนาคาร บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทัรพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดยสถาบันการเงิน สำนักงานประกันสังคม บริษัท รัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลที่แสวงหากำไร โรงพยาบาลเอกชนและสถานศึกษาเอกชน
ส่วนการจ่ายดอกเบี้ย จะมีการจ่ายปีละ 2 งวด คือวันที่ 13 มกราคมและ 13 กรกฎาคมของทุกปี โดยจ่ายเป็นงวด ๆ ละเท่ากัน จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด โดย ธปท.จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งผู้ถือกรรมสิทธิ์ในพันธบัตรสามารถใช้พันธบัตรเป็นหลักประกันกับหน่วยงานราชการและองค์กรของรัฐ เช่น ประกันทางศาล ประกันไฟฟ้า หรือประกันกับสถาบันการเงินหรือบุคคลอื่น