xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนเชื่อมั่นแบงก์ไทยแกร่ง ให้น้ำหนักสูงกว่าตลาด-ไม่ปรับพอร์ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือธนาคาร 11 แห่งของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือว่าสร้างความประหลาดใจต่อวงการตลาดเงินพอสมควร เพราะหลายคนต่างมั่นใจว่า ธนาคารพาณิชย์ไทย จะค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกโดยตรง และไม่มีการลงทุนในตราสารความเสี่ยงสูงอย่าง CDO เหมือนสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรป...
แต่หากพิจารณาถึงรายละเอียดของการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว มูดี้ส์เองให้เหตุผลว่า...ความสามารถของทางการไทยในการให้การสนับสนุนภาคธนาคารพาณิชย์ ในกรณีที่จำเป็นนั้น น่าจะมีขอบเขตที่จำกัดมากขึ้น ท่ามกลางความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและสินเชื่อโลกในขณะนี้...ซึ่งเหตุผลดังกล่าว ดูจะสวนทางกับแนวคิดของนักธนาคารหลายคนพอสมควร ส่วนจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์หรือไม่นั้น...ผู้จัดการกองทุนน่าจะให้คำตอบเหล่านี้ ได้ดีที่สุด

ธีรนาถ รุจิเมธาภาสกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในมุมมองของผู้จัดการกองทุนเอง ยังมองว่าธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสถานะที่แข็งแกร่ง แม้จะมีความกังวลว่าอาจจะมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มสูงขึ้น แต่ธนาคารส่วนใหญ่ก็มีการสำรองเอาไว้เยอะพอสมควรแล้ว ประกอบกับพอร์ตการลงทุนของแบงก์เอง ไม่มีสัดส่วนการลงทุนใน CDO มากเหมือนกับธนาคารในสหรัฐฯ หรือยุโรป ขณะเดียวกัน ฐานะของธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก

สำหรับปัญหาการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอล ต้องบอกว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่มากเท่าช่วงที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันยังมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้เป็นจำนวนมาก บางแห่งสูงกว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ขณะเดียวกัน การปล่อยกู้ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยกู้ ดังนั้น โอกาสที่เอ็นพีแอลจะเป็นปัญหาจึงไม่น่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม การทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว ไม่มีผลต่อพอร์ตการลงทุนของกองทุนภายใต้การบริหารของเรา ซึ่งเราเองยังให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์สูงกว่าน้ำหนักตลาดอยู่ เนื่องจากเรามองที่เวลูเอชั่นของหุ้นเป็นหลัก ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา กองทุนของเราเองก็มีกำไรและผลประกอบการดีขึ้นจากหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลัก

"การทบทวนอันดับเครดิตดังกล่าว ไม่มีผลต่อพอร์ตการลงทุนกองหุ้นของเรา โดยยังมองว่าหุ้นแบงก์ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจ ลงทุนได้ และเป็นเซกเตอร์ที่กำไรดีอยู่ เพราะเป็นเซกเตอร์ที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ ไม่เกี่ยวกับการส่งออกที่ลดลงเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ"นายธีรนาถกล่าว

จุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้มุมมองคล้ายกันว่า จริงๆแล้วตัวเลขที่มูดี้ส์นำมาใช้เป็นข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งหากมองไปในอนาคตแล้ว การที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้น การทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว จึงไม่น่าจะส่งผลต่อมุมมองในการลงทุนของเรา ทั้งหาก หากมองย้อนหลังไปในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองทุนหุ้นเราถือเงินสดไว้ค่อนข้างเยอะประมาณ 10-15% ) แต่หลังจากนั้น พอร์ตกองทุนของเราก็เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้นจนเต็มที่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราให้ความสำคัญกับภาวะตลาดและติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดมากกว่า

โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารเอง ปัจจุบันเรายังให้น้ำหนักการลงทุนที่สูงกว่าน้ำหนักตลาด ส่วนปัญหาเอ็นพีแอลเอง ก็ยังเป็นปัจจัยที่เรากังวลอยู่ แต่ก็เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ รับข่าวปัญหาเอ็นพีเแอลไปแล้ว

ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. อยุธยา กล่าวว่า การทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเราอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ มีสถาบันจัดอันดับต่างประเทศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและมุมมองต่อแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไปบ้างแล้ว ซึ่งตามปกติ หลังจากมีการปรับความน่าเชื่อถือประเทศ การปรับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ ก็จะตามมา ดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ประกอบกับที่ผ่านมา หุ้นธนาคารพาณิชย์เองรับข่าวเหล่านี้ไปบ้างแล้ว จากการคาดการณ์ล่วงหน้าว่า สถาบันการเงินจะมีความเสี่ยงเรื่องของเครดิตเรตติ้ง รวมถึงหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ด้วย

ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนของเราเอง ไม่มีความจำเป็นต้องปรับพอร์ตจากข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะเราคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่า สถาบันการเงินจะต้องประสบกับปัญหาเหล่านี้ แต่ถ้าถามว่า หากมองไปข้างหน้า ในเรื่องของปัญหาเอ็นพีแอลที่จะเพิ่มขึ้น ธนาคารหลายแห่งเองก็มีการตั้งสำรองหนี้สงสัญจะสูญค่อนข้างมาก และเพียงพอแล้ว

"ในปีนี้ ปัญหาเอ็นพีแอลอาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารบ้าง เพราะต้องสำรองสูงทำให้กำไรตกไป แต่เชื่อว่าในปีหน้า ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้ทำการสำรองเอ็นพีแอลเอาไว้แล้ว จะทำให้กลับมามีกำไรได้อีกครั้ง และจะได้อานิสงส์จากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวด้วย"

นายประภาสบอกว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนกองทุนของเอวายเอฟ ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ต่ำกว่าน้ำหนักตลาด เนื่องจากเราประเมินความเสี่ยงเรื่องเอ็นพีแอลและอันดับความน่าเชื่อถือเอาไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงฐานะของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ ต้องบอกว่ายังแข่งแกร่ง และไม่น่าเป็นห่วง


...สำหรับรายละเอียดการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง ของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสนั้น ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) หรือ BAY ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIMT) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHB)

โดยผู้บริหารของมูดี้ส์ระบุว่า การทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สินและเงินฝากนั้นจะมีการพิจารณาที่บริบทของความสามารถของไทย ในการให้การสนับสนุนระบบการธนาคารของประเทศให้สอดคล้องกับความสามารถในการดูแลหนี้สินของรัฐบาล เนื่องมาจากผลพวงของวิกฤตเศรษฐกิจและสินเชื่อทั่วโลก

"มูดี้ส์ เชื่อว่า รัฐบาล มีแนวโน้มที่จะให้การสนับสนุนระบบการธนาคารของประเทศอยู่แล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องดูแลเรื่องหนี้สินของตนเอง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว อาจทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ ขณะที่วิกฤตการเงินยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของประเทศและธนาคารกลางของประเทศ ในการให้การสนับสนุนธนาคารในประเทศดำเนินการสอดคล้องกับความสามารถในการดูแลหนี้สินของรัฐบาลนั้นถือเป็นเรื่องที่ถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ"

ก่อนหน้านี้ (วันที่ 14-16 เมษายน 2552) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศแห่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและมุมมองต่อแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไปในเชิงลบมากขึ้น จากเหตุการณ์ความไม่สงบของเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น