xs
xsm
sm
md
lg

ขายบอนด์วันนี้ แบงก์คึก-คุมเข้ม พนง.ห้ามกั๊กให้ลูกค้ารายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

7 แบงก์ตัวแทนจำหน่าย ประกาศความพร้อมในการขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบแรก 13-14 ก.ค.ให้เฉพาะคนแก่ ยันคุมเข้มพนักงาน ห้ามกั๊กให้ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าที่พลาดซื้อพันธบัตรรอบนี้ เชื่อมีการโยกเงินแน่ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจน และจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของแบงก์ที่ยังมีอยู่มาก

วันนี้ (13 ก.ค.) พันธบัตรไทยเข้มแข็งจะเปิดขายเป็นวันแรก โดยวันที่ 13-14 ก.ค.นี้ เปิดสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำหน่ายที่ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาธนาคารทหารไทย และธนาคารนครหลวงไทย

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมความพร้อมในการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ซึ่งธนาคารได้รับการจัดสรรมาในล็อตแรกจำนวน 1,900 ล้านบาทนั้น โดยได้ออกจดหมายขอความร่วมมือไปยังสาขาทั่วประเทศในเรื่องของการจัดสรรพันธบัตรดังกล่าวให้ลูกค้าก่อนที่พนักงานจะจองซื้อกันเอง หรือกันพันธบัตรไว้ รวมทั้งมีการกำชับไปยังผู้จัดการเขตให้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อกระจายพันธบัตรได้ทั่วถึงตามความต้องการของรัฐบาล

สำหรับการโยกย้ายเงินฝากของลูกค้าเพื่อมาซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งนั้น ในส่วนของธนาคารขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณในการโยกเงินดังกล่าว แต่ถึงแม้จะมีการโยกเงินออกไปบ้าง ก็คงจะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก เนื่องจากพันธบัตรล็อตแรกเปิดจองซื้อเพียง 1,900 ล้านบาท และสภาพคล่องของธนาคารยังมีอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังไม่ได้เตรียมผลิตภัณฑ์อื่นๆ มารองรับความต้องการของลูกค้าที่จองซื้อพันธบัตรไม่ทัน เนื่องจากในขณะนี้แต่ละธนาคารได้มีการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะกลางอยู่แล้ว โดยมีเงินฝากประจำ 8 และ 15 เดือน ที่ให้ดอกเบี้ย 2.25% และสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ยังมีหุ้นกู้ของ ปตท.วงเงิน 30,000 ล้านบาท และหุ้นของไมเนอร์โฮลดิ้งที่กำลังจะออกมาอีกด้วย ซึ่งตรงนี้จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง

นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ธนาคารได้รับส่วนแบ่งพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งจำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ถือว่าไม่มาก โดยแนวทางในการขายนั้น ล็อตแรกที่จะเปิดจองซื้อวันที่ 13-14 ก.ค.นี้ให้กับผู้สูงอายุ มีวงเงินรวม 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็นวันละ 1,350 ล้านบาท

"ในส่วนของเราเป็นการเปิดจองซื้อทั่วประเทศในระบบออนไลน์เข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งมีความสะดวกและรวดเร็ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็มีความกังวลว่าคนจะเข้ามามาก ในขณะที่ล็อตแรกเราได้รับจัดสรรมาเพียง 2,700 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะหมดในเวลาที่รวดเร็ว"

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ธนาคารยังไม่ได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถจองซื้อพันธบัตรได้ทัน เนื่องจากธนาคารมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ออกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เงินฝากประจำ 9 และ 15 เดือน, ตั๋วแลกเงินบี/อี อายุ 1 ปี เป็นต้น

นางรัชนี นพเมือง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าบุคคลนครหลวง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL) กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมระบบในการจัดคิวจองซื้อและเตรียมพนักงานไว้ตรวจสอบเอกสารต่างๆที่ใช้ ในการการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งไว้แล้ว และขณะนี้ยงไม่เห็นสัญญาณการโยกเงินฝากเพื่อซื้อพันธบัตรดังกล่าวนั้น ซึ่งวงเงินสูงสุดที่ลูกค้าจะซื้อได้เป็นเงินเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น ลูกค้าอาจมีเงินอยู่ในมืออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะโยกเงินจากบัญชีเงินฝากเพื่อไปซื้อพันธบัตร

**กสิกรฯยันคุมเข้ม พนง.กั๊ก**
ก่อนหน้านี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้กำชับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งทั้ง 7 แห่งไม่ให้จัดสรรโควตาพิเศษสำหรับลูกค้าของธนาคารเป็นการเฉพาะ เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนรายย่อยที่มีความต้องการออมสามารถจองซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์กันอย่างทั่วถึง

นายอนุรักษ์ ตันติพิพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน ธนาคารกสิกรไทยจำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า ในการขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งนั้น ธนาคารได้เตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้พนักงานตามสาขากันพันธบัตรรัฐบาลไว้ให้ลูกค้า โดยจะกำชับกับพนักงานว่าห้ามรับจองพันธบัตรรัฐบาลให้กับลูกค้ารายใหญ่ที่มาติดต่อแล้ว จะต้องให้ลูกค้าที่มีความต้องการเดินทางมาที่สาขาของธนาคารและต่อคิว ซึ่งธนาคารยืนยันว่าจะดำเนินการให้โปร่งใสมากที่สุด

"เรามีมาตรการภายในของเราอยู่แล้ว หากพบว่าพนักงานมีการกระทำการละเมิดข้อห้ามที่กำหนดไว้หรือมีลูกค้าร้องเรียนเข้ามายังธนาคารว่าพบพนักงานจองพันธบัตรให้ลูกค้าก่อนทำการขาย ธนาคารก็จะมีการทำหนังสือเพื่อตักเตือนไปยังพนักงานที่กระทำการดังกล่าวทันที ซึ่งทางธนาคารจะเข้มงวดมากเพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นทางกระทรวงการคลังก็จะมาตรวจสอบตามสาขาที่มีปัญหาและหากพบการทุจริตจริง ธนาคารก็อาจจะโดนลดสัดส่วนมูลค่าของพันธบัตรรัฐบาลลงหรือถึงขั้นตัดสิทธิ์การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลในครั้งต่อไปเลย” นายอนุรักษ์ กล่าว

ส่วนเรื่องการโยกเงินฝากของลูกค้าเพื่อมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้น ในส่วนของธนาคารเองขณะนี้ยังไม่เห็นตัวเลขที่ชัดเจนแต่มองว่าการโยกเงินดังกล่าวเพื่อไปลงทุนด้านต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งธนาคารคาดการณ์ว่าจำนวนเงินที่ลูกค้าบัญชีฝากของธนาคารกสิกรไทยจะโยกออกมาเพื่อซื้อพันธบัตรฯนั้นน่าจะมี 40% หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 2-3 พันล้านบาท ในขณะที่ลูกค้าเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นโยกเงินเพื่อมาซื้อพันธบัตรกับธนาคารของเราก็คงมีมากพอสมควร เช่น ลูกค้าที่ครบอายุการไถ่ถอนหุ้นกู้ เป็นต้น

**มั่นใจไม่กระทบสภาพคล่อง**
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รัฐบาลจะมีการออกพันธบัตรฯ 3 ช่วงแต่ธนาคารมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับสภพาคล่องของธนาคาร เนื่องจากเมื่อพิจารณาแล้วสภาพคล่องทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันมีประมาณ 8-9 แสนล้านบาทซึ่งถือว่าสูงมาก ในขณะที่ตัวธนาคารเองมีการออกผลิตภัณฑ์เพื่อการออมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับลูกค้าที่ไม่สามารถซื้อพันธบัตรฯได้เช่นกองทุนเกาหลีที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยมีอายุการถือครองตั้งแต่ 6 เดือนให้อัตราดอกเบี้ย 2.4% ส่วนอายุ 1 ปี ให้อัตราดอกเบี้ย 2.75% และอายุ 2 ปีให้อัตราดอกเบี้ย 3.75% นอกจากนี้ธนาคารยังมีหุ้นกู้ไมเนอร์ที่เป็นหุ้นกู้เอกชนที่จะเปิดจำหน่ายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้มีอายุถือครอง 4 ปีให้อัตราดอกเบี้ย 4.5-4.8% เป็นต้น

นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขชัดเจนกรณีการโยกเงินฝากของลูกค้าเพื่อไปซื้อพันธบัตร เพราะการโยกเงินฝากบ้างถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนกระทำกันตามปกติ เนื่องจากช่องทางการลงทุนในปัจจุบันมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้ กองทุนต่างๆ

ขณะที่นางกาญจนา โรจวทัญญู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานส่งเสริมการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มาหชน) (TMB)กล่าวว่า ธนาคารเองไม่มีความกังวลหากลูกค้าจะโยกเงินฝากเพื่อไปซื้อพันธบัตร และจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง เพราะการลงทุนในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นเรื่องของการออมของลูกค้า ซึ่งธนาคารยังไม่เห็นตัวเลขการโยกเงินของลูกค้าถึงขั้นมีมูลค่ามากอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรตาม ในเร็วๆนี้ธนาคารก็จะมีผลิตภัณฑ์เงินฝากออกมา แต่คงจะไม่ใช่เพื่อการแข่งขันกับพันธบัตร เนื่องจากผลิตภัณฑ์เงินฝากธนาคารไม่ได้มีระยะเวลายาวถึง 5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น