ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้เสียหายกว่า 30 ชีวิต เปิดโต๊ะแถลงข่าววันนี้ กระชากหน้ากาก “ศิวัช ภูธนแสงทอง” เล่นแร่แปรธาตุรับงานสร้างบ้านลูกค้า พอปัญหาเกิดมากๆ หลบตั้งบริษัทใหม่หวังหาเหยื่อรายต่อไป แถมยังโกงเงินเดือนพนักงาน คนในวงการแฉเลี่ยงส่งงบการเงินมา 4 ปี ส่อพิรุธในการเลี่ยงภาษี เตือนอย่าเลือกรับสร้างบ้านที่เสนอราคาถูก อาจสูญเงินแถมเสียเพิ่มอีก
หลังจากหนังสือพิมพ์ “ ASTV ผู้จัดการรายวัน” ได้ตีแผ่พฤติกรรมสุดฉาวโฉ่ ของบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า แต่กลับพยายามเบิกเงินลูกค้าไปเกือบหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่างรู้ซึ้งถึงกิติศัพท์ของนายศิวัช ภูธนแสงทอง มาเป็นอย่างดี
***กว่า 30 ชีวิตเปิดโปง “โจรใส่สูท”
ล่าสุดในวันนี้ (14 ก.ค.) ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลงเชื่อเลือกใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทในเครือภูธนแสงทอง จะร่วมกลุ่มครั้งใหญ่จัดแถลงข่าวภายใต้ชื่อ “ ผู้บริโภควอนขจัดเหลือบรับสร้างบ้าน โวย บ.ในเครือภูธนแสงทองโคตรโกง” โดยจะมีผู้ที่เดือดร้อนจากบริษัทในเครือนี้ ทั้งเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมาช่วง ซัพพลายเออร์ บริษัทวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัทเสาเข็ม และพนักงานบริษัทฯ มาร่วมเปิดโปงข้อมูลความไม่โปร่งใสของผู้บริหารเครือภูธนแสงทอง ณ ห้องพาโนรามา ชั้น 14 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เวลา 10.00 น.
ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร ตัวแทนเครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทในเครือภูธนแสงทอง กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าที่หลงเชื่อใช้บริการรับสร้างบ้านกับบริษัทในเครือภูธนแสงทอง จะมาตั้งโต๊ะเปิดโปงข้อมูลธุรกิจในเครือภูธนแสงทอง ที่ไร้จรรยาบรรณในการรับสร้างบ้าน รวมถึงประเด็นหลบเลี่ยงการเสียภาษี การโกงไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน และไม่จ่ายค่าวัสดุก่อสร้างให้แก่ผู้ผลิตที่ป้อนสินค้าให้แก่บริษัทในเครือภูธนแสงทองเพื่อสร้างบ้านให้ลูกค้า
ซึ่งในส่วนของพนักงานบริษัท ที่ถูกโกงเงินเดือนนั้น ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายศิวัช ภูธนแสงทอง เมื่อวันที่4 เม.ย.ที่ผ่านมา
“ สิ่งที่เรากำลังทำ กำลังบอกให้สังคมรับรู้ว่า พวกเราจะไม่เลือกบริษัทรับสร้างบ้านมาสร้างบ้านให้เราอีก และจะมีการบอกต่อกันไป เพราะไม่มีองค์กรใดมาช่วยเราได้ ”
***เจ้าเล่ห์!อาจเลี่ยงภาษี
ปัจจุบัน นายศิวัช ภูธนแสงทอง (อายุประมาณ 50 ) ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ดำเนินธุรกิจค้าขายของเก่า แต่เริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้าน จึงได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนฝูงเข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจากข้อมูลที่ได้ตรวจสอบรายการในหนังสือรับรองพบว่า นายศิวัช ได้จดทะเบียนบริษัท ภูธนแสงทอง จำกัด วันที่จดทะเบียน 31 ม.ค. 2546 ทะเบียนเลขที่ 0105546013914 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
มีกรรมการของบริษัทตามที่ระบุกับกระทรวงพาณิชย์ คือ 1.นายมนพิน โกศล 2.น.ส.วิลาสินี สุนทรพัฒน์ แต่ไม่ปรากฏชื่อนายศิวัช ภูธนแสงทอง แต่ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นประชุม เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2547 นายศิวัช เป็นผู้ลงลายมือชื่อการรับรองเป็นรายการที่ถูกต้องตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
ในด้านผลการดำเนินงาน เป็นที่น่าสังเกตจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ที่ตลอดระยะเวลา 4 ปี คือ 2547-2550 บริษัท ภูธนแสงทอง ซึ่งเป็นนิติบุคคลขาดส่งงบการเงิน โดยตัวเลขการประกอบการ จะเป็นงวดปี 2546 เท่านั้น และมีการรับรองงบในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2547
“ในความหมายของทางเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า บริษัท ภูธนแสงทอง ส่อพิรุธในการประกอบธุรกิจ ที่อาจจะหวังรับงานจากลูกค้าแล้วไม่ทำตามสัญญา และอาจจะเลี่ยงการจ่ายภาษีด้วย เพราะพยายามทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจมีผลต่อผลการดำเนินงานที่ขาดทุนได้ ” เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจของบริษัทภูธนแสงทอง กลับได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นหลักจะเกี่ยวกับการผิดสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านบนที่ดินหลายรายตลอดปี 2540 และปี 2550 โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทิ้งงานก่อสร้าง ตรงกันข้าม เมื่อบริษัทเข้าไปไกล่เกลี่ยกับลูกค้า รับปากกับลูกค้าจะรับผิดชอบ สุดท้ายแล้ว บริษัทก็ไม่ได้ดำเนินการตามที่รับปากกับลูกค้า
ที่สำคัญ การประชุมกรรมการสมาคมรับสร้างบ้านเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2550 ในยุคของนายศักดา โควิสุทธิ์ นั่งตำแหน่งนายกสมาคมรับสร้างบ้าน (ปัจจุบันยังมีข้อพิพากฟ้องร้องกันอยู่) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 15 เสียง จากจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 16 ท่าน ให้ถอดถอนบริษัทภูธนแสงทองฯ ออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้าน เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ในสมาคมฯ ลูกค้าได้ร้องเรียนเรื่องที่บริษัทฯไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการก่อสร้างบ้าน
นอกจากนี้ ทางนายศิวัช ภูธนแสงทอง ยังได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในเรื่องฉ้อโกง หลังจากนั้นได้มีการประกันตัวในชั้นศาล
***ลอกคราบบริษัทใหม่หนีความผิด
ทั้งนี้ หากย้อนไปในช่วงปี 2549 นายศิวัช ยังคงที่เข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เพื่อหลบหนีและไม่ให้ลูกค้าได้รับรู้ข้อมูลบริษัทใหม่ คือ บริษัท พีทีเอส โฮม จำกัด(www.PTSHOME.NET) โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2548 ทุนจดเบียน 5 ล้านบาท มีกรรมการ 2 คน คือ 1.น.ส.วิลาสินี สุนทรพัฒน์ และนายศิวัช ภูธนแสงทอง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯใหม่นี้ ก็ยังคงมีสภาพไม่แตกต่างกับบริษัท ภูธนแสงทองฯ เนื่องจาก ในปี 2549 และ 2550 ไม่ได้ส่งงบการเงินให้แก่กระทรวงพาณิชย์ โดยบริษัทใหม่นี้ จะเน้นทำตลาดรับสร้างบ้านระดับกลางถึงล่าง
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ก็ได้รับเรื่องการร้องเรียนของลูกค้า โดยก่อนหน้านี้ สคบ.ได้สั่งฟ้องคดีในส่วนของบริษัทภูธนแสงทองฯไปแล้ว 1 คดี จาก 6 เรื่อง และสั่งฟ้องบริษัท พีทีเอส โฮมฯ จำนวน 2 เรื่อง
**เริ่มหากินกับคนรวย
ล่าสุด นายศิวัช ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ โดยได้เข้ามาจับลูกค้าที่มีฐานะและต้องการสร้างบ้านราคาแพง โดยตั้งบริษัท เพรสซิเด้นท์ โฮม จำกัด โดยได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2551 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และยังคงมีนายศิวัช ภูธนแสงทอง เป็นกรรมการและ น.ส.เยาวเรศ กล้าครบ เป็นกรรมการ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับการกระทำผิดสัญญาของบริษัท ภูธนแสงทองฯและบริษัท พีทีเอส โฮมฯ ฉบับวันพุธที่ 13 ส.ค.2551 “ลูกค้ารับสร้างบ้านวิ่งโร่ร้องสื่อ ถูกเพรสซิเด้นท์ โฮม ผิดสัญญาทิ้งงาน ” หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน นายศิวัช ได้มายังกองบรรณาธิการ ณ บ้านพระอาทิตย์ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ยอมรับว่าได้รับงานลูกค้าจริง แต่อ้างว่าทางบริษัทฯยังไม่ได้ทำแผนการตลาด
นอกจากนี้ นายศิวัช ยังหาวิธีในการหารายได้ โดยทำการแตกบริษัททางด้านพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท บาลีลาน่า จำกัด และบริษัท พีทีเอส เดคคอร์เรียร์ เพื่อทำธุรกิจรับออกแบบตกแต่งภายใน และจากการสืบเสาะข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์ กลับไม่พบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งกับกระทรวงพาณิชย์
***ลดราคา20-50%หวังล่าเหยื่อรายใหม่
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ๆ เรื่อยๆแล้ว จากการตรวจสอบเชิงลึกลงไปถึงการดำเนินงานด้านการตลาดของบริษัทภูธนแสงทองฯ พบว่า สาเหตุที่บริษัทฯถูกร้องเรียนต่อเนื่อง เกิดจากการทำตลาดที่ตั้งราคาขายต่ำกว่าความเป็นจริง และไม่สามารถดำเนินการก่อสร้าง ได้ตามที่ประกาศไว้ เพราะมีการลดราคาให้ลูกค้า20- 50% ซึ่งในความเป็นจริงการดำเนินการในรูปแบบนี้ จะทำให้บริษัทไม่มีกำไร หรืออย่างน้อยก็ขาดทุนจากการดำเนินงานการก่อสร้างอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยการตั้งราคาขายที่ต่ำเกินจริง และการเปิดบริษัทใหม่นั้น น่าจะเป็นความจงใจดำเนินธุรกิจที่ฉ้อฉล เพราะหลังจากที่บริษัท พีทีเอส โฮมฯ ถูกร้องเรียนที่สมาคมฯและที่สคบ.แล้ว
นายศิวัช ยังได้ทำการจัดตั้งบริษัทใหม่ คือ บริษัท เพรสซิเด้นซ์ โฮม เข้าไปรับงานก่อสร้างบ้านให้แก่ลูกค้า แต่ยังมีพฤติกรรมการฉ้อฉล และทิ้งงานลูกค้าหลังจากได้เงินจากการทำสัญญาก่อสร้างแล้ว รวมถึงการจ่ายเช็คเด้งให้แก่ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างอีกหลายราย ซึ่งในปัจจุบันยังมีการลงบันทึกแจ้งความอยู่หลายคดีที่สถานีตำรวจ (สน.) บางเขน ของทั้งลูกค้าและบริษัทค้าวัสดุก่อสร้าง
นอกจากจาก กรณีการทิ้งงานแล้ว ก่อนหน้านั้น บริษัทพีทีเอส โฮมฯ ถูกแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมที่สำนักงาน แต่ไม่สามารถจับกุมนายศิวัช ได้ เพราะใช้พนักงานเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นผู้มีอำนาจลงนามผู้พันทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีกับพนักงานผู้มีอำนาจลงนามแทน
“ยังมีกรณีของการฉ้อโกงพนักงานในบริษัทของตนเอง เนื่องจากไม่นำส่งเงินประกันสังคมของพนักงาน ซึ่งพนักงานได้มีการรวมตัวเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว จนนายศิวัช ต้องหลบหนีพนักงานบริษัท และเปิดบริษัทใหม่คือ บริษัท เพรสซิเด้นซ์ โฮม จำกัด
กรณีการฉ้อโกงของนายศิวัช ยังไม่จบ เมื่อมีการทิ้งงานลูกค้า จนเป็นเหตุให้มีลูกค้าวางระเบิดหน้าบริษัท และการฉ้อโกงบริษัทคอมพิวเตอร์ เพราะสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ใช้งานในบริษัทแต่ไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้บริษัทคอมพิวเตอร์นำพนักงานมายึดคอมพิวเตอร์คืน จนเป็นเหตุให้นายศิวัช ต้องหลบหนีการทวงหนี้จากบริษัทคอมพิวเตอร์”
ข้อสังเกตของบริษัทที่ตั้งเข้ามาฉ้อโกงลูกค้านั้น ให้สังเกตที่ข้อสัญญาซึ่งส่วนมากน่าจะมีข้อความที่เปิดช่องให้บริษัทรับสร้างบ้านสามารถยกเลิกสัญญาได้ในทันที คือ มีการระบุในสัญญาว่า หากลูกค้าค้างค่างวดก่อสร้างเกิน3 วัน คู่สัญญาสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที ซึ่งกรณีนี้ ผู้ประกอบการจะขอเบิกค่าก่อสร้างในขณะที่งานก่อสร้างยังไม่ก้าวหน้า ทำให้ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินค่างวด ซึ่งบริษัทคู่กรณีจะส่งจดหมายแจ้งเตือน2-3ครั้ง แล้วก็บอกเลิกสัญญา โดยลูกค้าจะไม่สามารถเอาผิดบริษัทรับสร้างบ้านคู่กรณีได้
***ปากหวานก้นเปรี้ยว!
แหล่งข่าวบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในวงการมายาวนาน กล่าวว่า นายศิวัช มีบุคลิกที่พูดจาไพเราะ และหว่านล้อมลูกค้าได้เก่ง ขณะเดียวกัน การตั้งราคาเพื่อรับสร้างบ้านยังต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ ลูกค้าหลงเชื่อและตัดสินใจสร้างบ้านกับบริษัทของนายศิวัชโดยง่าย เนื่องจากต้องการสร้างบ้านในราคาถูก แต่เมื่อได้เงินค่างวดวัสดุก่อสร้างหลังการเซ็นสัญญาแล้ว นายศิวัชก็จะทิ้งงานหนีไป และมีการเปิดบริษัทใหม่เข้ามารับงานจากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งการทำธุรกิจเช่นนี้ มีเจตนาฉ้อฉลอย่างชัดแจ้ง
ประเด็นหลักหรือสาเหตุหลักของการทิ้งงานของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากงานก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามแบบ ลูกค้าจึงให้แก้งาน เมื่อแก้แบบบ้านบ่อยๆ ลูกค้าจะทะเลอะกับบริษัทรับสร้างบ้าน แล้วสุดท้ายก็จะทิ้งงานไม่ก่อสร้างให้ลูกค้าต่อ
และอีกสาเหตุคือ การตั้งราคาขายที่ต่ำเกินจริง เพราะอยากได้งาน ทำให้ไม่มีกำไรจากการก่อสร้างจนต้องทิ้งงาน หรือก่อสร้างไม่ได้ตามมาตรฐาน เพราะลดวัสดุทำให้ต้องแก้งานจนเป็นสาเหตุให้เกิดการทิ้งงาน เพราะไม่มีสภาพคล่อง หรือไม่มีกำไรจากการดำเนินงาน.
หลังจากหนังสือพิมพ์ “ ASTV ผู้จัดการรายวัน” ได้ตีแผ่พฤติกรรมสุดฉาวโฉ่ ของบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า แต่กลับพยายามเบิกเงินลูกค้าไปเกือบหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่างรู้ซึ้งถึงกิติศัพท์ของนายศิวัช ภูธนแสงทอง มาเป็นอย่างดี
***กว่า 30 ชีวิตเปิดโปง “โจรใส่สูท”
ล่าสุดในวันนี้ (14 ก.ค.) ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลงเชื่อเลือกใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทในเครือภูธนแสงทอง จะร่วมกลุ่มครั้งใหญ่จัดแถลงข่าวภายใต้ชื่อ “ ผู้บริโภควอนขจัดเหลือบรับสร้างบ้าน โวย บ.ในเครือภูธนแสงทองโคตรโกง” โดยจะมีผู้ที่เดือดร้อนจากบริษัทในเครือนี้ ทั้งเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมาช่วง ซัพพลายเออร์ บริษัทวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัทเสาเข็ม และพนักงานบริษัทฯ มาร่วมเปิดโปงข้อมูลความไม่โปร่งใสของผู้บริหารเครือภูธนแสงทอง ณ ห้องพาโนรามา ชั้น 14 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เวลา 10.00 น.
ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร ตัวแทนเครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทในเครือภูธนแสงทอง กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าที่หลงเชื่อใช้บริการรับสร้างบ้านกับบริษัทในเครือภูธนแสงทอง จะมาตั้งโต๊ะเปิดโปงข้อมูลธุรกิจในเครือภูธนแสงทอง ที่ไร้จรรยาบรรณในการรับสร้างบ้าน รวมถึงประเด็นหลบเลี่ยงการเสียภาษี การโกงไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน และไม่จ่ายค่าวัสดุก่อสร้างให้แก่ผู้ผลิตที่ป้อนสินค้าให้แก่บริษัทในเครือภูธนแสงทองเพื่อสร้างบ้านให้ลูกค้า
ซึ่งในส่วนของพนักงานบริษัท ที่ถูกโกงเงินเดือนนั้น ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายศิวัช ภูธนแสงทอง เมื่อวันที่4 เม.ย.ที่ผ่านมา
“ สิ่งที่เรากำลังทำ กำลังบอกให้สังคมรับรู้ว่า พวกเราจะไม่เลือกบริษัทรับสร้างบ้านมาสร้างบ้านให้เราอีก และจะมีการบอกต่อกันไป เพราะไม่มีองค์กรใดมาช่วยเราได้ ”
***เจ้าเล่ห์!อาจเลี่ยงภาษี
ปัจจุบัน นายศิวัช ภูธนแสงทอง (อายุประมาณ 50 ) ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ดำเนินธุรกิจค้าขายของเก่า แต่เริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับธุรกิจรับสร้างบ้าน จึงได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนฝูงเข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจากข้อมูลที่ได้ตรวจสอบรายการในหนังสือรับรองพบว่า นายศิวัช ได้จดทะเบียนบริษัท ภูธนแสงทอง จำกัด วันที่จดทะเบียน 31 ม.ค. 2546 ทะเบียนเลขที่ 0105546013914 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
มีกรรมการของบริษัทตามที่ระบุกับกระทรวงพาณิชย์ คือ 1.นายมนพิน โกศล 2.น.ส.วิลาสินี สุนทรพัฒน์ แต่ไม่ปรากฏชื่อนายศิวัช ภูธนแสงทอง แต่ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นประชุม เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2547 นายศิวัช เป็นผู้ลงลายมือชื่อการรับรองเป็นรายการที่ถูกต้องตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
ในด้านผลการดำเนินงาน เป็นที่น่าสังเกตจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ที่ตลอดระยะเวลา 4 ปี คือ 2547-2550 บริษัท ภูธนแสงทอง ซึ่งเป็นนิติบุคคลขาดส่งงบการเงิน โดยตัวเลขการประกอบการ จะเป็นงวดปี 2546 เท่านั้น และมีการรับรองงบในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2547
“ในความหมายของทางเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ อธิบายว่า บริษัท ภูธนแสงทอง ส่อพิรุธในการประกอบธุรกิจ ที่อาจจะหวังรับงานจากลูกค้าแล้วไม่ทำตามสัญญา และอาจจะเลี่ยงการจ่ายภาษีด้วย เพราะพยายามทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจมีผลต่อผลการดำเนินงานที่ขาดทุนได้ ” เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจของบริษัทภูธนแสงทอง กลับได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นหลักจะเกี่ยวกับการผิดสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านบนที่ดินหลายรายตลอดปี 2540 และปี 2550 โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทิ้งงานก่อสร้าง ตรงกันข้าม เมื่อบริษัทเข้าไปไกล่เกลี่ยกับลูกค้า รับปากกับลูกค้าจะรับผิดชอบ สุดท้ายแล้ว บริษัทก็ไม่ได้ดำเนินการตามที่รับปากกับลูกค้า
ที่สำคัญ การประชุมกรรมการสมาคมรับสร้างบ้านเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2550 ในยุคของนายศักดา โควิสุทธิ์ นั่งตำแหน่งนายกสมาคมรับสร้างบ้าน (ปัจจุบันยังมีข้อพิพากฟ้องร้องกันอยู่) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 15 เสียง จากจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 16 ท่าน ให้ถอดถอนบริษัทภูธนแสงทองฯ ออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้าน เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ในสมาคมฯ ลูกค้าได้ร้องเรียนเรื่องที่บริษัทฯไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการก่อสร้างบ้าน
นอกจากนี้ ทางนายศิวัช ภูธนแสงทอง ยังได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในเรื่องฉ้อโกง หลังจากนั้นได้มีการประกันตัวในชั้นศาล
***ลอกคราบบริษัทใหม่หนีความผิด
ทั้งนี้ หากย้อนไปในช่วงปี 2549 นายศิวัช ยังคงที่เข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เพื่อหลบหนีและไม่ให้ลูกค้าได้รับรู้ข้อมูลบริษัทใหม่ คือ บริษัท พีทีเอส โฮม จำกัด(www.PTSHOME.NET) โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2548 ทุนจดเบียน 5 ล้านบาท มีกรรมการ 2 คน คือ 1.น.ส.วิลาสินี สุนทรพัฒน์ และนายศิวัช ภูธนแสงทอง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯใหม่นี้ ก็ยังคงมีสภาพไม่แตกต่างกับบริษัท ภูธนแสงทองฯ เนื่องจาก ในปี 2549 และ 2550 ไม่ได้ส่งงบการเงินให้แก่กระทรวงพาณิชย์ โดยบริษัทใหม่นี้ จะเน้นทำตลาดรับสร้างบ้านระดับกลางถึงล่าง
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ก็ได้รับเรื่องการร้องเรียนของลูกค้า โดยก่อนหน้านี้ สคบ.ได้สั่งฟ้องคดีในส่วนของบริษัทภูธนแสงทองฯไปแล้ว 1 คดี จาก 6 เรื่อง และสั่งฟ้องบริษัท พีทีเอส โฮมฯ จำนวน 2 เรื่อง
**เริ่มหากินกับคนรวย
ล่าสุด นายศิวัช ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ โดยได้เข้ามาจับลูกค้าที่มีฐานะและต้องการสร้างบ้านราคาแพง โดยตั้งบริษัท เพรสซิเด้นท์ โฮม จำกัด โดยได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2551 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และยังคงมีนายศิวัช ภูธนแสงทอง เป็นกรรมการและ น.ส.เยาวเรศ กล้าครบ เป็นกรรมการ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับการกระทำผิดสัญญาของบริษัท ภูธนแสงทองฯและบริษัท พีทีเอส โฮมฯ ฉบับวันพุธที่ 13 ส.ค.2551 “ลูกค้ารับสร้างบ้านวิ่งโร่ร้องสื่อ ถูกเพรสซิเด้นท์ โฮม ผิดสัญญาทิ้งงาน ” หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน นายศิวัช ได้มายังกองบรรณาธิการ ณ บ้านพระอาทิตย์ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ยอมรับว่าได้รับงานลูกค้าจริง แต่อ้างว่าทางบริษัทฯยังไม่ได้ทำแผนการตลาด
นอกจากนี้ นายศิวัช ยังหาวิธีในการหารายได้ โดยทำการแตกบริษัททางด้านพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท บาลีลาน่า จำกัด และบริษัท พีทีเอส เดคคอร์เรียร์ เพื่อทำธุรกิจรับออกแบบตกแต่งภายใน และจากการสืบเสาะข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์ กลับไม่พบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งกับกระทรวงพาณิชย์
***ลดราคา20-50%หวังล่าเหยื่อรายใหม่
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ๆ เรื่อยๆแล้ว จากการตรวจสอบเชิงลึกลงไปถึงการดำเนินงานด้านการตลาดของบริษัทภูธนแสงทองฯ พบว่า สาเหตุที่บริษัทฯถูกร้องเรียนต่อเนื่อง เกิดจากการทำตลาดที่ตั้งราคาขายต่ำกว่าความเป็นจริง และไม่สามารถดำเนินการก่อสร้าง ได้ตามที่ประกาศไว้ เพราะมีการลดราคาให้ลูกค้า20- 50% ซึ่งในความเป็นจริงการดำเนินการในรูปแบบนี้ จะทำให้บริษัทไม่มีกำไร หรืออย่างน้อยก็ขาดทุนจากการดำเนินงานการก่อสร้างอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยการตั้งราคาขายที่ต่ำเกินจริง และการเปิดบริษัทใหม่นั้น น่าจะเป็นความจงใจดำเนินธุรกิจที่ฉ้อฉล เพราะหลังจากที่บริษัท พีทีเอส โฮมฯ ถูกร้องเรียนที่สมาคมฯและที่สคบ.แล้ว
นายศิวัช ยังได้ทำการจัดตั้งบริษัทใหม่ คือ บริษัท เพรสซิเด้นซ์ โฮม เข้าไปรับงานก่อสร้างบ้านให้แก่ลูกค้า แต่ยังมีพฤติกรรมการฉ้อฉล และทิ้งงานลูกค้าหลังจากได้เงินจากการทำสัญญาก่อสร้างแล้ว รวมถึงการจ่ายเช็คเด้งให้แก่ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างอีกหลายราย ซึ่งในปัจจุบันยังมีการลงบันทึกแจ้งความอยู่หลายคดีที่สถานีตำรวจ (สน.) บางเขน ของทั้งลูกค้าและบริษัทค้าวัสดุก่อสร้าง
นอกจากจาก กรณีการทิ้งงานแล้ว ก่อนหน้านั้น บริษัทพีทีเอส โฮมฯ ถูกแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมที่สำนักงาน แต่ไม่สามารถจับกุมนายศิวัช ได้ เพราะใช้พนักงานเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นผู้มีอำนาจลงนามผู้พันทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีกับพนักงานผู้มีอำนาจลงนามแทน
“ยังมีกรณีของการฉ้อโกงพนักงานในบริษัทของตนเอง เนื่องจากไม่นำส่งเงินประกันสังคมของพนักงาน ซึ่งพนักงานได้มีการรวมตัวเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว จนนายศิวัช ต้องหลบหนีพนักงานบริษัท และเปิดบริษัทใหม่คือ บริษัท เพรสซิเด้นซ์ โฮม จำกัด
กรณีการฉ้อโกงของนายศิวัช ยังไม่จบ เมื่อมีการทิ้งงานลูกค้า จนเป็นเหตุให้มีลูกค้าวางระเบิดหน้าบริษัท และการฉ้อโกงบริษัทคอมพิวเตอร์ เพราะสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ใช้งานในบริษัทแต่ไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้บริษัทคอมพิวเตอร์นำพนักงานมายึดคอมพิวเตอร์คืน จนเป็นเหตุให้นายศิวัช ต้องหลบหนีการทวงหนี้จากบริษัทคอมพิวเตอร์”
ข้อสังเกตของบริษัทที่ตั้งเข้ามาฉ้อโกงลูกค้านั้น ให้สังเกตที่ข้อสัญญาซึ่งส่วนมากน่าจะมีข้อความที่เปิดช่องให้บริษัทรับสร้างบ้านสามารถยกเลิกสัญญาได้ในทันที คือ มีการระบุในสัญญาว่า หากลูกค้าค้างค่างวดก่อสร้างเกิน3 วัน คู่สัญญาสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที ซึ่งกรณีนี้ ผู้ประกอบการจะขอเบิกค่าก่อสร้างในขณะที่งานก่อสร้างยังไม่ก้าวหน้า ทำให้ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินค่างวด ซึ่งบริษัทคู่กรณีจะส่งจดหมายแจ้งเตือน2-3ครั้ง แล้วก็บอกเลิกสัญญา โดยลูกค้าจะไม่สามารถเอาผิดบริษัทรับสร้างบ้านคู่กรณีได้
***ปากหวานก้นเปรี้ยว!
แหล่งข่าวบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในวงการมายาวนาน กล่าวว่า นายศิวัช มีบุคลิกที่พูดจาไพเราะ และหว่านล้อมลูกค้าได้เก่ง ขณะเดียวกัน การตั้งราคาเพื่อรับสร้างบ้านยังต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ ลูกค้าหลงเชื่อและตัดสินใจสร้างบ้านกับบริษัทของนายศิวัชโดยง่าย เนื่องจากต้องการสร้างบ้านในราคาถูก แต่เมื่อได้เงินค่างวดวัสดุก่อสร้างหลังการเซ็นสัญญาแล้ว นายศิวัชก็จะทิ้งงานหนีไป และมีการเปิดบริษัทใหม่เข้ามารับงานจากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งการทำธุรกิจเช่นนี้ มีเจตนาฉ้อฉลอย่างชัดแจ้ง
ประเด็นหลักหรือสาเหตุหลักของการทิ้งงานของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากงานก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามแบบ ลูกค้าจึงให้แก้งาน เมื่อแก้แบบบ้านบ่อยๆ ลูกค้าจะทะเลอะกับบริษัทรับสร้างบ้าน แล้วสุดท้ายก็จะทิ้งงานไม่ก่อสร้างให้ลูกค้าต่อ
และอีกสาเหตุคือ การตั้งราคาขายที่ต่ำเกินจริง เพราะอยากได้งาน ทำให้ไม่มีกำไรจากการก่อสร้างจนต้องทิ้งงาน หรือก่อสร้างไม่ได้ตามมาตรฐาน เพราะลดวัสดุทำให้ต้องแก้งานจนเป็นสาเหตุให้เกิดการทิ้งงาน เพราะไม่มีสภาพคล่อง หรือไม่มีกำไรจากการดำเนินงาน.